บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ไขความลับเลเซอร์ เรื่องจริงที่คุณควรรู้(ตอนที่2)


   
                      
2ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ได้เวลาทำเลเซอร์อีกล่ะ แต่เอ๊!เลเซอร์มันคืออะไรและมีกี่แบบกันแน่นะ ทำไมแต่ละคลีนิคถึงได้มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ลองมาดูกันดีกว่า
                      
 เลเซอร์คือรังสี(ความร้อน)ที่มีความเข้มสูงและทำลายผิวตามลำแสงโดยมีความยาวคลื่นเดียว ยิงไปเฉพาะจุดที่มีปัญหาเท่านั้น ถือกำเนิดเกิดมาในปี 1954 โดยผู้ที่คิดค้นเลเซอร์ ได้เสนอหลักการหรือทฤษฎี ได้รับรางวัลโนเบล สาขาฟิสิกส์ ปีค.ศ1964 เก่งจังเลยค่ะ แสดงว่าเลเซอร์มีมานานเกือบ50ปีแต่ถูกนำมาใช้ในวงการความงามเกือบ20ปีแล้วล่ะ
                      
 เลเซอร์แบ่งออกเป็น3ชนิดคือ
1.ชนิดที่ทำแล้วเกิดแผล เป็นเลเซอร์ที่ใช้ในการลอกผิวชั้นบนออก(ablative resurfacing)เช่น CO2 laser,erbium;yag laserเป็นชนิดที่พลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นหนังแท้ (dermis) เพื่อกระตุ้นให้คอลลาเจนหดตัวชั่วคราว ย้ำ!เพียงชั่วคราวเท่านั้นนะคะ เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกระชับตึงขึ้น ริ้วรอยจึงดูตื้นขึ้น ทำลายผังผืดที่อยู่ใต้หลุมสิว เติมเต็มหลุมสิวให้ผิวเรียบเสมอกัน หลังทำจะเกิดแผลเป็นตารางเหมือนลายผ้าก๊อซ ใช้ได้ผลดีกับ รอยแผลเป็น หลุมสิวที่เป็นมาแสนนาน ริ้วรอย ร่องลึกที่เกิดจากวัยที่ร่วงโรย

2.ชนิดที่ทำแล้วไม่เกิดแผล เป็นเลเซอร์ที่ไม่ต้องลอกผิวออก (non-ablative resurfacing) เช่น nd;yag laserใช้รักษารอยแผลจากสิว ลดรอยดำ กระชับรูขุมขนชั่วคราว ลดริ้วรอยโดยไม่ทำอันตรายต่อผิวชั้นบน จึงไม่เกิดแผล ทำแล้วไม่มีใครรู้ว่าเราไปทำเลเซอร์มา 
3.ชนิดที่เกิดแผลน้อย เช่น frexel,fine scan หลังทำหน้าจะไม่มีรอยแผลแต่จะบวมแดงอยู่ 2-3วันขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน ใช้ในการรักษาริ้วรอย หลุมสิว ลดริ้วรอยและปรับผิวให้เรียบเนียนชั่วคราว 
                    
 เนื่องจากเทคโนโลยีเลเซอร์ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดข้อบกพร่องและเกิดผลดีกับผู้บริโภคมากที่สุด จึงมีชื่อเรียกเลเซอร์ต่างๆนานา จำแทบไม่หวาดไม่ไหว เยอะจนงง ทั้งนี้เลเซอร์ที่นำมาใช้ในคลีนิคเสริมความงามจะมีชื่อเรียกนวัตกรรมเลเซอร์ตามชื่อของเครื่องเลเซอร์ นั่นเองค่ะ ซึ่งแต่ละปีจะมีเลเซอร์ตัวใหม่ๆออกมาให้ยลโฉมอยู่เรื่อยๆ ตามกันไม่ทันเลยทีเดียว
                     
มาถึงตัวที่แป้งเลือกทำต่อไปคือ ipl ค่ะ ไม่ใช่เลเซอร์แต่เป็นพลังงานแสงที่มีความยาวคลื่นตั้งแต่500-1200นาโนเมตร (ไม่ต้องจำให้รกสมอง) ใช้รักษากระ ฝ้า ใบหน้าขาวใสอย่างดียว ริ้วรอยไม่เกี่ยวเพราะไม่ใช่เลเซอร์ 

ตอนนั้นอายุ34ปี พอดีแป้งมีกระอยู่จุดนึง ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด ไม่ว่าทายาหรือครีมราคาแพงก็ไม่เห็นจางลงซักที แป้งเลือกคลีนิคเดิมและคุณหมอคนเดิม (ไม่อยากเสี่ยง ในเมื่อเจอสิ่งที่ดีแล้วจะเปลี่ยนทำไม) คอร์สนึงมี5ครั้ง ไม่ต้องแปะยาชา เวลาทำจะมีแสงแว๊บๆเหมือนฟ้าแลบ(สมชื่อพลังงานแสงมั๊ยล่ะ) บางที่จะใช้เจลแช่เย็นเกลี่ยบนใบหน้าก่อนแล้วจึงยิง ipl ทำให้ลดความเจ็บปวดได้พอสมควร แป้งทำครั้งแรกโดยไม่มีเจลแช่เย็น

 ขณะที่ยิงจะเหมือนธูปมาดีดหน้า เจ็บปวดมาก หนังคนนี่นา ไม่ใช่หนังควายนี่ค่ะ พอทำเสร็จ หน้าบวมแดง วันรุ่งขึ้นจับไข้เลยแหละ แต่ครั้งต่อๆมา ผิวมีความต้านทาน จึงไม่จับไข้ ปัจจุบันมีเจลเย็นประคบก่อนยิงทุกครั้ง แทบจะไม่มีความเจ็บปวดเลยค่ะ
                    
 พอครบคอร์ส ก็ได้รับเสียงชมว่า ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าเด้งจัง ค่อยยังชั่วหน่อย กระที่มีบนหน้าก็เลือนหายไปชั่วคราว ทาครีมอะไรก็ดูงดงามไปหมด

 แต่ช่วงเวลาแห่งความงามสั้นเหลือเกิน 6เดือนผ่านไป กระมาที่เดิมเป๊ะ ไม่พลาดเลย แป้งได้แต่ทำใจ กระคือเซลล์เม็ดสีที่ถูกทำลายถาวร จางลงชั่วคราว ไม่มีวันหายไปจากใบหน้าเราได้หรอกค่ะ บางคนทำipl ทุกเดือน อันนั้นกระจะขึ้นยากหน่อย แต่ถ้าหยุดทำเมื่อไหร่ นัดพบหน้าอำเภอได้เลย
                     
เพื่อนสนิทแป้งเป็นพยาบาลเหมือนกัน ทำ ipl แบบแป้ง แต่คนละคลีนิค ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เหมือนแป้งนะคะ เวลาเจอกันเค้ายังออกปากเลยว่า ผิวเนียน หน้าเด้งมาก เหมือนไม่ใช่แป้งเลยค่ะ แต่หน้าเพื่อน แป้งว่าไม่เห็นมีความแตกต่างเลยอ่ะ คงเหมือนหลายคนที่ทำแล้วเสียเงินเปล่า จะชวนมาทำที่คลีนิกเดียวกัน ก็ไม่สะดวกเพราะเพื่อนอยู่แถวหนองแขม โน่นแน่ะ



           

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม