บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Renewal & Brightening face oi น้ำมันบางเบาจากธรรมชาติเพื่อผิวกระจ่างใส

ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส นวลเนียน เป็นปราการด่านแรกที่ส่งเสริมบุคลิกภาพของคนทุกวัย อนุมูลอิสระและแสงแดดเป็นตัวเร่งให้เกิดความชราของผิว ซึ่งเรามักพบในรูปแบบของความหมองคล้ำ กระ ฝ้า 

เนื่องจากสภาพทางภูมิศาตร์ของประเทศไทยอยู่ภายใต้เส้นศูนย์สูตร จึงอบอวลไปด้วยแสงแดดแผดเผาตลอดทั้งปี ผิวหน้าอันบอบบางของเราจะทนต่อแสงอัลตร้าไวโอเลตที่ส่องผ่านมายังพื้นโลกได้อย่างไร ในเมื่อครีมกันแดดที่มีในท้องตลาด ไม่สามารถปกป้องแสงแดดจากรังสียูวีได้ทั้งวัน มีประสิทธิภาพกันแสงแดดสูงสุดได้เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น 

ทุกวันนี้มีครีมบำรุงผิวเป็นร้อยเป็นพันยี่ห้อ ตราทัพเข้ามาวางจำหน่ายทั้งในโลกออนไลน์พรึ่บพรั่บ แต่ยี่ห้อไหนจะใช้แล้วบำรุงผิวจริงๆหรือทำร้ายผิวในระยะยาว ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บริโภคนะคะ

ปกติผิวของเราจะมีน้ำมันเคลือบผิวตามธรรมชาติอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป มลภาวะก็คืบคลานเข้ามาทีละน้อย ผิวพรรณที่เคยเปล่งปลั่ง จะกลายเป็นแห้งเหี่ยวขาดน้ำ แลดูหมองคล้ำ ไม่สดใส หากเรามีตัวช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดและมลภาวะต่างๆได้ จะดีกว่ามั๊ยค่ะ

Renewal & Brightening face oil ยี่ห้อ Olivine ผลิตในอเมริกา เป็นน้ำมันสกัดจากธรรมชาติถึง 8 ชนิด ไร้สารเคมี น้ำหอมและสารกันบูดเจือปน จึงปลอดภัยกับผิวหน้าระยะยาว ใช้ได้ดีกับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น จึงเหมาะกับผิวทุกประเภท มีส่วนผสมสำคัญดังนี้
1.Olive oil(น้ำมันมะกอก)

น้ำมันมะกอกมีวิตามินหลายชนิดรวมทั้ง A, D และ K น้ำมันมะกอกยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงอาจช่วยป้องกันความเสียหายจากการก่อให้เกิดมะเร็งรังสีอัลตราไวโอเลตย้อนกลับ มีความเข้มข้นสูงมากในบรรดาสารสกัดจากธรรมชาติเมื่อเทียบกับน้ำมันประเภทอื่น ๆ 

น้ำมันมะกอกจะไม่ทำร้ายผิว ไม่ทำให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรงใดๆ

น้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติพิเศษกว่าน้ำมันอื่น ๆ คือ เมื่อทาน้ำมันมะกอกแล้วจะซึมสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งความมันบนผิวหน้ามากนัก แตกต่างกับน้ำมันชนิดอื่นที่ทาแล้วจะไม่ซึมสู่ผิวและยังทิ้งความมันไว้ 

น้ำมันมะกอกมีฤทธิ์ต้านการอักเสบและ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงเชื้อ P.acne ที่ทำให้เกิดสิว น้ำมันมะกอกจะช่วยให้ครีมบำรุงผิวซึมลึกสู่ผิวและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของครีมบำรุงผิวให้ดียิ่งขึ้นเข้าไปอีก

ด้วยประโยชน์ของน้ำมันมะกอกช่วยขจัดสิ่งสกปรกและสารพิษที่สะสมอยู่ในชั้นผิวจึงทำให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื่นและชะลอริ้วรอยแห่งวัย น้ำมันมะกอกเพียงอย่างเดียวมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับครีมบำรุงพื้นฐานกว่า 10ชนิด

2.Sesame oil(น้ำมันงา)

งาถือว่าเป็นพืชธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุด ส่วนใหญ่พบในส่วนของแอฟริกา มีอยู่ในบางส่วนของประเทศอินเดีย

 Sesame oil มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นสารหล่อลื่นในธรรมชาติ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินที่จำเป็น เช่น วิตามินอี,บีคอมเพล็กซ์,วิตามินดีและแร่ธาตุ เช่นแคลเซียม ฟอสฟอรัสและโปรตีน มีประสิทธิภาพพอที่จะลดรอยแผลเป็นและผื่นคันบนผิว 

3.Avocado oil(น้ำมันอะโวคาโด)
น้ำมันอะโวคาโดเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ มีกรดไขมันที่จำเป็นแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ ช่วยให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น เติมเต็มผิวแห้งกร้าน
เพิ่มความชุ่มชื้น ปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตและป้องกันความเสียหายผิวจากอนุมูลอิสระ 

4.Rose hip oil(โรสฮิปออยล์ )อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น เช่น omega 3,omega 6 ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

5.Jojoba oil(น้ำมันโจโจ้บา)มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับ Sebum (น้ำมันที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติ) จึงให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่อุดตันรูขุมขน ไม่ทำให้เกิดปฏิกริยาแพ้ หรือระคายเคืองใดๆ 

6.Argan oil(น้ำมันอาร์แกน)ช่วยให้ความชุ่มชื่นเพื่อเติมน้ำให้กับผิวและปรับผิวนุ่มเนียน จากวิตามินอีและกรดไขมันที่ค่อนข้างสูง

7.วิตามินอี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ทั่วไปจากธรรมชาติ มักพบในรูปของน้ำมัน ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ทำให้ผิวชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอย รวมถึงฟื้นฟูสภาพผิวจากรอยแดง รอยช้ำจากสิว และรอยแผลเป็น

8.Chamomild oil(น้ำมันคาโมมายล์)
ช่วยลดการระคายเคืองผิว ช่วยปลอบประโลมผิว  ช่วยบำรุงผิวแห้งกร้านและผิวที่ถูกทำลาย มีประสิทธิภาพในการเร่งฟื้นฟูผิวได้อย่างรวดเร็ว

น้ำมันสกัดจากธรรมชาติถึง 8 ชนิด มีกลิ่นหอมอ่อนจางๆ เนื้อบางเบากว่าน้ำมันบำรุงผิวที่วางจำหน่ายทั่วไป จึงซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ส่งมอบความชุ่มชื้นและโอบอุ้มผิวได้ยาวนานตลอด 24 ชม.

หากใช้ต่อเนื่องเป็นประจำ จะช่วยชะลอไม่ให้ผิวหน้าชราตามวัย ปรับเซลล์ผิวให้มีความยืดหยุ่น ช่วยลดกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติอันเป็นสาเหตุของฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ ผิวจึงแลดูอิ่มเอิบ นวลเนียน ไม่หมองคล้ำ ไม่เหี่ยวแห้งขาดน้ำ

แป้งใช้ Renewal & Brightening face oil ยี่ห้อ Olivine บำรุงผิวหลังจากล้างหน้าในตอนเช้า-เย็น(ไม่ได้ใช้โทนเนอร์เช็ดผิวมาหลายปีแล้ว)พบว่า ตื่นมาหน้าไม่มันเยิ้มอย่างที่คิด ผิวหน้าเด้ง มีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น ทาแป้งติดทั้งวัน แทบไม่ต้องเติมแป้งระหว่างวันเลยค่ะ

ที่ดีงามคือ น้ำมันจากธรรมชาติทั้ง 8 ชนิด  ช่วยปรับเซลล์ผิวให้มีความแข็งแรง ด้วยความบางเบาที่แทบไม่ต่างจากน้ำมันซีบัม(Sebum)ที่หล่อลื่นผิวตามธรรมชาติ ทุกครั้งที่ทาจะซึมซาบได้เป็นอย่างดี ไม่อุดตันรูขุมขน

 ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีคือผิวหน้าใส แถมยังช่วยลดการอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวแพ้ง่าย ใช้อะไรต่อมิอะไรก็แพ้ แต่ถ้าได้ลอง Renewal & Brightening face oil จะรักเลยค่ะ

Renewal & Brightening face oil ยี่ห้อ Olivine ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง 
เห็นผลชัดเจน ผลิตในอเมริกา 

บรรจุ 30 ml.ราคาปกติ 1800 บาท 
ลดพิเศษเหลือ 1250 บาทเท่านั้น













สอบถามและสั่งซื้อได้ที่
Tel.081-8453461
Id line : noi_nunoy2512

วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รู้เท่าทันเซลลูไลท์(Cellulite)


เซลลูไลท์จัดเป็นปัญหาด้านความงามของผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป 
โดยจะพบบ่อยในคนที่เป็นโรคอ้วน (obesity) หรือผู้หญิงแรกเริ่มวัยสาวที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนพุ่ง ถึงแม้จะมีรูปร่างผอมเป็นตะเกียบ แต่มักจะเกิดเซลลูไลท์จากวัยสะพรั่งได้ อย่าได้แปลกใจว่า เอ!บางคนไม่เคยอ้วนมาแต่ไหนแต่ไร ทำไมถึงได้เกิดเซลลูไลท์บริเวณต้นขา,สะโพกได้ 

ดังนั้นความเข้าใจต้นเหตุแห่งปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจและภาพลักษณ์อันเนื่องมาจากเซลลูไลท์ จะช่วยให้สาวๆ แก้ไขปัญหานี้ได้อย่างถูกต้อง
เซลลูไลท์(Cellulite)คือไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง โดยมีการเพิ่มปริมาณและรุกรานขึ้นมาจนทำให้ผิวหนังมีการเปลี่ยนสภาพเป็นผิวขรุขระ ไม่เรียบ มองเห็นคล้ายเปลือกส้ม ซึ่งจะพบได้บ่อยตามบริเวณต้นขา สะโพก และอาจพบที่บริเวณหน้าท้อง และช่วงท้องแขน

เพื่อความเข้าใจการเกิดเซลลูไลท์ เราควรทำความรู้จักกับโครงสร้างผิวหนังซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้นดังนี้
1.ชั้นหนังกำพร้า (epidermis) เป็นผิวหนังชั้นนอกสุด ชั้นนี้จะมีเมลานินที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด

2.ชั้นหนังแท้ (dermis) เป็นชั้นที่สองถัดเข้ามา ประกอบด้วยกลุ่มของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่มีรูปแบบการกระจายตัวเป็นร่างแห โดยชั้นหนังแท้จะแบ่งย่อยออกเป็น 2 ชั้น คือ

ชั้นแรกมีหลอดเลือดฝอย ปลายประสาท และมีเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ทำหน้าที่ในการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งทำให้ผิวหนังมีความตึงและยืดหยุ่น 

ชั้นที่สองจะมีหลอดเลือด หลอดน้ำเหลือง เส้นประสาทรากผมหรือขน ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน ต่อมกลิ่น ชั้นนี้มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าชั้นแรก
3.ชั้นรองรับผิวหนัง (subcutaneous tissue) ชั้นนี้จะมีเนื้อเยื่อไขมันอยู่มาก จึงช่วยป้องกันอวัยวะภายใน จากการถูกกระแทก และเป็นแหล่งสะสมไขมันของร่างกาย

การเกิดเซลลูไลท์เริ่มจาก ชั้นรองรับผิวหนังที่มีถุงไขมันสะสมอยู่จำนวนมากซึ่งผิวหนังของผู้หญิงและผู้ชาย จะมีการจัดเรียงตัวของเซลล์ที่แตกต่างกัน 

ในผู้หญิงถุงไขมันจะจัดเรียงกันเป็นแนวตั้ง ส่วนผู้ชายจะจัดเรียงกันเป็นเส้นแนวทะแยงตัดกันคล้ายรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน และเมื่อปริมาณไขมันที่สะสมมีปริมาณมากขึ้น ถุงไขมันจะขยายตัวออก โดยพบว่า ในผู้หญิงถุงไขมันที่ขยายตัวออกจะสามารถรุกรานขึ้นไปบนชั้นหนังแท้ และทำให้ไขมันมีการหลุดไปอยู่ตามชั้นหนังแท้ จึงปรากฏเป็นเซลลูไลท์ได้
นอกจากนี้ยังพบว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดเซลลูไลท์ จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงเกิดเซลลูไลท์ได้ง่ายกว่าผู้ชาย ส่วนมากจะพบเซลลูไลท์ได้บ่อยในผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ช่วงมีประจำเดือน และช่วงที่มีการใช้ฮอร์โมนทดแทน หรือ รับประทานยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนจะกระตุ้นการสลายตัวของคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ส่งผลให้ไขมันรุกรานไปในชั้นหนังแท้ได้ง่ายขึ้น และยังกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ไขมันในร่างกายมากขึ้นด้วย
แต่ในผู้ชาย การขยายตัวของถุงไขมันจะขยายออกตามแนวข้าง ทำให้ไม่เกิดการรุ่นรานขึ้นไปบนชั้นหนังแท้ ดังนั้นผู้ชายจึงมีโอกาสเกิดเซลลูไลท์น้อยกว่าผู้หญิงมาก 

นอกจากนี้การที่ผู้ชายมีชั้นนอกของหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ บริเวณสะโพกและต้นขาหนากว่าในผู้หญิง ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ชาย มีเซลลูไลท์น้อยกว่าผู้หญิงด้วย

วิธีกำจัดเซลลูไลท์ 
1.ควบคุมอาหารที่รับประทาน ด้วยการจำกัดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน โดยไม่ควรรับประทานอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล หรือไขมันในปริมานที่มากเกินไป
 2.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยพบว่า คนที่มีน้ำหนักตัวลดลง ผิวหนังที่เป็นเซลลูไลท์ก็จะลดลงไปด้วย










ที่มา 
นิตยสารชีวจิต

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม