บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

L-cysteine วิตามินขาวใส ผิวเปล่งประกาย แลดูอ่อนกว่าวัย

 


                 
ว่ากันว่า วิตามินและเกลือแร่ต้องได้จากการกินอาหารสดใหม่ เท่านั้น หากร่างกายจะได้รับครบถ้วนตามที่ RDI กำหนด เราต้องกินผักผลไม้ให้ได้ครบ 7 สี วันละ 8 จานโน่นแน่ะ อย่ากระนั้นเลย เรามาหาตัวช่วยกันดีกว่า ปฐมบทความขาวใส ไม่ได้มีแต่ Alpha Lipoic Acid 600 mg ยี่ห้อ healthy origins เพียงอย่างเดียวนะคะ ยังมีอีกหนึ่งวิตามินที่กระตุ้นการสังเคราะห์กลูต้าไทโอน นั่นคือ L-cysteine นั่นเอง มารู้จักกันเลยค่ะ

                  L-cysteine เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นสารตั้งต้นของกลูต้าไทโอน โดยจะทำงานร่วมกับไกลซีน ( glycine)และกรดกลูตามิก (glutamic acid) ทำหน้าที่ดังต่อไปนี้

1.สังเคราะห์กลูต้าไทโอนเพื่อขจัดสารพิษออกจากตับ ผลพลอยได้คือ ใบหน้าขาวสว่างใส ผิวอ่อนกว่าวัย ไม่แพ้ ALA

2.เผาผลาญน้ำตาลกลูโคสเพื่อเป็นพลังงานใช้ในร่างกาย ช่วยป้องกันการสลายของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและเพิ่มความทนในการเพาะกาย

3.มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารระหว่างเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน ลดการเกิดภูมิแพ้ได้

4.จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันสมองและตับจากความเสียหายเนื่องจาก การกินยาพาราเซตามอลเกินขนาด การดื่มแอลกอฮอล์และควันบุหรี่

5.ปกป้องร่างกายจากความเสียหายของเซลล์ข้างเคียงจากการฉายรังสี

6.เสริมสร้างและซ่อมแซมโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับเคราติน จึงมีส่วนทำให้ผมนุ่มสลวยมากขึ้น อย่างไม่น่าเชื่อ ปกติแป้งมีผมที่ยาวนุ่มสลวย มาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่พอทำสีผมเท่านั้นแหละ ผมแห้งกรอบ หาความเงางามไม่เจอเลย พอได้ลองกินครบ 1 เดือน ผมแป้งนุ่มนิ่มสลวยสวยเก๋เกือบเท่าของเดิมละ ไม่หลุดร่วงง่าย ยาวเร็วขึ้นอีกต่างหาก ส่วนเล็บแข็งแรงขึ้น ไม่เปราะ ฉีกหักง่ายด้วยนะคะ

                  L-cysteine พบในอาหารโปรตีนสูง เช่น หมู ไก่ ไข่ นม กระเทียม หัวหอม พริกแดง แต่ไม่เหลือพอที่จะใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงได้จากการกินวิตามินเติมเข้าไปเท่านั้น ปกติจะไม่ใช้ L-cysteine เป็นอาหารเสริมเท่าไหร่นัก มียี่ห้อให้เลือกน้อย ส่วนมากจะพบ L-cysteine ในรูปของ N- acetyl- cysteine ( NAC) เนื่องจากมีความคงตัวสูงและ half life ( ค่าครึ่งชีวิต) ยาวนานกว่า นั่นเอง

                  แต่ทว่า N-acetyl - cysteine หรือ NAC เป็นอนุพันธ์ของ cysteine ในประเทศไทยขึ้นทะเบียนเป็นยากลุ่ม mucolytic (ละลายเสมหะ) และใช้เพื่อบรรเทา paracetamol overdose(ล้างพิษในตับ)แต่ในต่างประเทศ จัดเป็นอาหารเสริม คนที่เป็นโรคหอบหืดกินจะดีมากๆ ช่วยยับยั้งการหดตัวและระบายสารคัดหลั่งในหลอดลม กลิ่นของวิตามิน เหม็นเหมือนยาฆ่าเชื้อ ไม่ผิดเพี้ยน เลยค่ะ เวลาหยิบขึ้นมากินทีไร นึกว่ากำลังป่วยทุกที แทบจะคลื่นไส้ อาเจียนทุกครั้ง เฮ้อ! นี่มันวิตามินหรือยากันแน่นะเนี่ย

                   L-cysteine นั้นจะมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นเมื่อกินร่วมกับ vitamin E, vitamin C, vitamin B6 ,beta carotene and selenium. และอย่าลืมทานน้ำเยอะๆด้วยนะคะ เพื่อป้องกันนิ่วในไต ซึ่ง วิตามินอี เบต้าแคโรทีนและซีลีเนียม มีใน lyc-o-mato 15 mg ยี่ห้อ healthy origins อยู่แล้วค่ะ

                   ดังนั้นเพื่อความสุนทรีย์ในการกินวิตามินแป้งจึงเลือกกิน L-cysteine 500 mg ที่มีคุณภาพดี มีความคงตัวสูง ทำให้เพิ่มการสังเคราะห์กรดอะมิโน L-cysteine ให้ต่อสู้กับความเสียหายในระดับเซลล์อีกทั้งช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก และลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน  ขาวใสไม่แพ้ใคร ร่างกายแข็งแรงขึ้นเช่นกัน แนะนำใครต่อใคร ไม่เคยผิดหวังกับวิตามินตัวนี้ ผิวสวยเปล่งประกาย อย่างเห็นได้ชัด

                    แพทย์ผิวหนังในอเมริกาแนะนำให้กิน Hyaluronic acid คู่กับ L-cysteine นอกจาก หน้าใสฟูเด้ง ผิวกายนุ่มเนียน แผลเป็นจากสิว จะจางลงเร็วมากมายและสิวไม่มากวนใจอีกด้วย

Biocell Collagen นวัตกรรมระดับโลกที่บำรุงกระดูกและข้อต่อแถมหน้าใสเด้ง อีกต่างหาก


                  คนเราทุกวันนี้ เหมือนเกิดมาใช้กรรมอย่างไรไม่รู้สินะ จะต้องมีโรคประจำกาย อย่างน้อยหนึ่งโรคเป็นของตัวเอง แป้งก็เช่นกันค่ะ อุตส่าห์หายจากโรคภูมิแพ้ทางหูและตาแล้วนะคะ แต่ดันมาปวดตึงบ่า สะบักแทนอีกซะเนี่ย มันรำคาญ เจ็บปวด บอกไม่ถูก มีสาเหตุจาก การใช้งานมัดกล้ามเนื้อเดิมๆซ้ำๆ เป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง เช่น การนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เมื่อใช้กล้ามเนื้อติดต่อกัน กล้ามเนื้อจะเกร็งตัว จนเกิดเป็นก้อนเนื้ออักเสบ เรียกว่า Trigger Point ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง แป้งไม่เคยคิดจะกินยาแก้ปวดหรือคลายกล้ามเนื้อแม้แต่เม็ดเดียว เพราะไม่อยากทำร้ายตับไต จึงสืบค้นวิตามินที่ช่วยเยียวยาอาการปวดไหล่ที่ได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ แถมด้วยหน้าฟูสองเด้ง ริ้วรอยระหว่างคิ้วและใต้ตา ลดลงด้วย มันคืออะไร มาดูกันดีกว่า

                  BioCell Collagen คือ นวัตกรรมล้ำค่าที่รวมตัวกันในอาหารเสริม เป็นที่ยอมรับในอเมริกาและทั่วโลก ในการรักษาข้อเข่าเสื่อม มีส่วนประกอบดังต่อไปนี้

                  1. Hydrolyzed Collagen type II คือ คอลลาเจนที่มีโมเลกุลใหญ่นำมาตัดพันธะเคมีด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้มีโมเลกุลเล็กลงและดูดซึมได้ง่าย

                  คอลลาเจนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของผิวหนัง เส้นเอ็น หลอดเลือด เส้นประสาทและต่อมเหงื่อ มีทั้งหมด 28 ชนิด แต่แบ่งออกเป็น 5 ชนิดที่พบมากที่สุดคือ

1.1 Collagen type I จะพบคอลลาเจนชนิดนี้มากที่สุด เช่น ผิวหนัง เอ็น เส้นเลือด
1.2 Collagen type II พบมากในกระดูกอ่อน ผิวข้อต่อ
1.3 Collagen type III จะพบในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น หลอดเลือด ปอด กระดูก เนื้อฟัน ไขกระดูก เลนส์ตา
1.4 Collagen type IV พบในเยื่อหุ้มเซลล์และกล้ามเนื้อ
1.5 Collagen type V พบในเซลล์ผิว เส้นผมและเล็บ

                   2.Chondroitin sulfate คือสารเคมีที่ทำหน้าที่ป้องกันการเสียดสีของปลายกระดูกแข็งสองท่อนในร่างกาย พบได้ตามข้อต่อกระดูกอ่อนในร่างกาย สหรัฐอเมริกาจัดเป็นอาหารเสริม แต่ในยุโรปได้รับการอนุมัติเป็นยารักษาข้อเสื่อม ซึ่งช่วยลดอาการปวดข้อจากการอักเสบได้ดี

                   3.Hyaluronic acid คือน้ำไขข้อที่ล้อมรอบข้อต่อกระดูกอ่อน เลนส์ตาและเนื้อเยื่อผิวหนัง กรดไฮยาลูโรนิกจะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นและทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่นระหว่างเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของผิวหนัง สร้างมาจากเซลล์ fibroblast ในร่างกายมนุษย์ การผลิตอุตสาหกรรมเชิงพานิชย์จะได้จาก กระดูกอ่อนไก่ หรือ การหมักจุลินทรีย์ ในอดีตกรดไฮยาลูโรนิก จะมีขนาดโมเลกุลใหญ่ ส่งผลให้การดูดซึมในระบบทางเดินอาหารแทบไม่ได้เลย แต่ในปัจจุบัน สามารถผ่านกรรมวิธีที่ทำให้มีโมเลกุลเล็กลง จึงดูดซึมได้ง่ายมากและรวดเร็ว เราอาจเคยเห็น กรดไฮยาลูโรนิก ในรูปแแบบของการฉีด ในชื่อทางการค้า Restylane ซึ่งผ่านการอนุมัติจาก FDA ของอเมริกา แคนาดาและยุโรป วงการแพทย์ผิวหนังมักใช้กรดไฮยาลูโรนิกในการเติมเต็มริ้วรอย ร่องแก้ม เสริมจมูก หรือเรียกว่า Filler นั่นเอง ผลิตในอเมริกา อิตาลี สเปนและจีน

                   มีประโยชน์อย่างไร
3.1 เพิ่มความชุ่มชื้นและความหนาแน่นของผิวหนัง จึงมีส่วนช่วยลดริ้วรอยตื้นๆได้
3.2 เพิ่มน้ำในไขข้อและลดความเจ็บปวดขณะเคลื่อนไหว
3.3 เพิ่มความชุ่มชื้นในเลนส์ตา ลดอาการตาแห้ง อันเนื่องมาจาก การจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน (ไม่มีการกระพริบตาเพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงเลนส์ตาตามธรรมชาติ) และวัยที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะผู้หญิง เฮ้อ! สูงวัย นี่ อะไรก็ไม่ดีซักอย่าง

                    ส่วนผสมล้ำเลิศทั้ง 3 ชนิด รวมเรียกว่า BioCell Collagen ลิขสิทธิ์ของ บริษัท Biocell Collagen LLC สหรัฐอเมริกา ผู้ผลิตคอลลาเจน BioCell เป็นสิทธิบัตรที่ได้รางวัลยอดเยี่ยมสำหรับกระบวนการผลิตคอลลาเจนในการสนับสนุนการผ่าเลนส์ตาอีกด้วย รางวัลสิทธิบัตรนึ้ไม่ได้มาง่ายๆนะคะ นอกจากส่วนผสมคุณภาพสูง ( เป็นคอลลาเจนบริสุทธิ์ 100% จากไก่ที่ปลอดฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต) และเทคโนโลยีกระบวนการผลิตแล้ว ยังต้องมีการทดลองวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับในระดับสากลอีกด้วย กล่าวคือ การทดลองทางคลีนิก เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพและความปลอดภัย แม้ใช้ขนาดสูง ใน Southeastern Institute of Biochemical Research , Miami , USA. ว่าช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเรื้อรังอย่างได้ผล

                    แป้งมีอาการเจ็บนิ้วนางด้านขวา จากการยกของหนักมาเป็นอาทิตย์ กินวิตามินเข้าไปแค่ 7 วัน พระเจ้าช่วย! แทบไม่น่าเชื่อว่า ความเจ็บปวด หายเป็นปลิดทิ้ง และมีอาการปวดไหล่ด้านขวา (เวลาทำงานหนัก) ต้องไปนวดคลายเส้นอยู่บ่อยๆ กินวิตามินต่อเนื่อง 14 วัน อาการปวดไหล่ไม่มีอีกเลย เย้! แนะนำน้องในออฟฟิศที่ปวดหลัง ปวดบั้นเอว เวลาใส่รองเท้าส้นสูง กินไปเพียงเดือนเดียว จากที่เคยปวดมากแทบไม่อยากลุกเดินไปไหน อีกทั้งมีอาการตาแห้ง จากการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ต้อง หยอดน้ำตาเทียมอยู่บ่อยๆ ตอนนี้ไม่ต้องล่ะ เค้าหายปวดแล้วนะคะ แถมริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าลดลงอีกด้วย จะไม่ให้หน้าตึงขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อมี Hyaluronic Acid มากถึง 10% แน่ะ อันนี้ เริ่ด! เพราะปกติในครีมบำรุงผิวหน้ามี กรดไฮยาลูโรนิกคุณภาพเยี่ยม มากที่สุดแค่ 1- 2% และพบได้ในเคาน์เตอร์แบรนด์ เท่านั้น

                   วิตามินตัวนี้ นอกจากช่วยลดความเสื่อมของข้อต่อและกระดูกที่เกิดขึ้นในร่างกายแล้ว ยังได้ผิวพรรณเนียนนุ่ม หน้าเด้ง ตาใสแจ๋ว เพราะคนส่วนใหญเลือกกินคอลลาเจน type I เพียงอย่างเดียว ไม่มีนวัตกรรมล้ำเลิศอย่าง BioCell Collagen รวมอยู่ด้วย ความคุ้มค่าอย่างนี้ หาไม่ได้ง่ายๆนะคะ จะบอกให้


วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เห็ดหางไก่งวงออร์แกนิก เห็ดทางการแพทย์ที่ทรงอานุภาพในการต้านมะเร็ง


www.vitaminvillage.weloveshopping.com



ในปัจจุปัน มีผู้คนล้มป่วยด้วยโรคต่างๆมากมาย หันไปทางไหน ก็พบเจอแต่ความเจ็บป่วย ทุกข์ทรมาน คนละโรคสองโรคหรือหลายๆโรค ซึ่งมีสาเหตุจากภายในและภายนอกร่างกาย สิ่งน่ากลัวที่สุด เห็นจะไม่พ้นโรคมะเร็งตามอวัยวะต่างๆ มาพร้อมกับบิลค่ารักษาพยาบาลบานเบอะ หาเงินมาแทบตาย จำเป็นต้องเอามาจ่ายค่ายาหมด หลีกเลี่ยงข้อนี้ไม่ได้เลย

หากเราออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เน้นผักผลไม้สด ลดความเครียด พักผ่อนเป็นเวลา ไม่ว่าโรคร้ายใดๆ ก็มิอาจทำร้ายทำลายร่างกายเราได้ค่ะ

แต่จะดีกว่ามั๊ย หากเรามีตัวช่วยประสิทธิภาพสูงถึงขีดสุด ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และยอมรับในระดับสากลอีกด้วย

ในโลกของวิตามิน นอกสารต้านอนุมูลอิสระอันเลื่องชื่อ เป็นที่ติดหูติดตาในคนทั่วไปแล้ว ยังมีสารประกอบโพลีแซกคาร์ไรด์ ( polysaccharide ) เรียกว่า PSK 
( Polysaccharide Krestin ) ในเห็ดทางการแพทย์ ที่เหนือกว่าสารต้านอนุมูลอิสระทั้งหลายทั้งปวง จะเป็นอย่างไรบ้าง มาดูกันค่ะ

เห็ดหางไก่งวง ( Tremates versicolor ) เป็นหนึ่งในเห็ดที่พบมากที่สุดในป่าอเมริกาเหนือบนไม้เนื้อแข็งที่ตายแล้วและการย่อยสลายตอไม้ 

เห็ดหางไก่งวงเติบโตทั่วโลก สามารถพบได้ทุกต้นไม้ ในความเป็นจริง เห็ดหางไก่งวงคือบางส่วนของเห็ดที่พบมากที่สุดในเนื้อไม้ที่ตายแล้ว

เห็ดหางไก่งวง อุดมไปด้วยสารประกอบโพลีแซคคาไรด์ ( polysaccharide ) เช่น เบต้ากลูแคน ( beta glucans ) arabinoxylanes, glucose , xylose, mannose g

เห็ดหางไก่งวง มีสารประกอบที่เรียกว่า PSK ( Polysaccharide Krestin ) เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ( แป้งและน้ำตาล ) ละลายน้ำได้ มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการต้านมะเร็ง ป้องกันการลุกลามของมะเร็งและฟื้นตัวจากมะเร็งได้อย่างรวดเร็ว ช่วยบรรเทาผลข้างเคียงจากการใช้เคมีบำบัดหรือรังสีรักษา 

มีประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านมและมะเร็งปอด ( พบในหลอดทดลอง ) มีการศึกษาในนำร่องมนุษย์พบว่า อาจลดการเกิดซ้ำของโรคมะเร็ง

เห็ดหางไก่งวงใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆหลายร้อยปีในเอเชีย ยุโรปและชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือ โดยถูกต้มเป็นชาสมุนไพรจีน มีชื่อเรียกว่า Yun zhi ต้นศตวรรษที่15 ในช่วงราชวงศ์หมิงประเทศจีน 

นักวิจัยมหาวิทยาลัย Bastyr มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ผสมผสานแพทย์ทางเลือก ผู้นำด้านนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพอันดับหนึ่งในอเมริกา อยู่ใกล้กับการค้นพบว่า เห็ดหางไก่งวง ( Tremates versicolor ) สามารถช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด จากการได้รับทุนส่งเสริมจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติอเมริกา ( NIH ) เทียบเท่ากระทรวงสาธารณสุขของไทย

ในประเทศญี่ปุ่น เห็ดหางไก่งวงมีชื่อเรียกว่า Karawatake รักษาโรคมะเร็งอย่างแพร่หลายมานานกว่า 30 ปี อนุพันธ์เห็ดหางไก่งวงในประเทศญี่ปุ่น ผลิตโดยการสกัดน้ำร้อน

ในผู้ป่วยที่ได้รับ PSK ( polysaccharide Krestin ) อย่างต่อเนื่อง มีงานวิจัยแสดงให้เห็นถึงอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็ง 5 ปีหรือมากกว่านั้น โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร/ลำไส้ใหญ่/หลอดอาหาร/เต้านม และมะเร็งปอด ในการทดลองทางคลีนิกของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปีค.ศ 1970 เป็นต้นมา

ในเชิงพาณิชย์ PSK ( polysaccharide Krestin ) ได้รับการอนุมัติตั้งแต่ปี 1997 ยอดขายประจำปีอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการใช้ PSK ( polysaccharide Krestin ) ในปีค.ศ 1980 สำหรับการรักษาโรคมะเร็งพร้อมกับการผ่าตัด เคมีบำบัดและการฉายรังสี

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารมะเร็ง peer-review ISRN  ของมหาวิทยาลัย Bastyr และมหาวิทยาลัยมินนิโซต้า สหรัฐอเมริกาพบว่า อาหารเสริมเห็ดหางไก่งวง อาจสนับสนุนการรักษาโรคมะเร็งเต้านม โดยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย กล่าวคือ สามารถเพิ่ม NK natural killer cell  เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว มีหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็ง และเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสเป็นหลัก )
และ CD8+T (T suppressor หรือ CD8 มีหน้าที่ทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม รวมถึงยับยั้งการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันเมื่อหมดความจำเป็นแล้ว ไม่เช่นนั้น จะเกิดความเสียหายต่อร่างกายจากการทำงานที่เกินเลยของระบบภูมิคุ้มกัน )  อย่างมีนัยสำคัญ

ก่อนหน้านี้ นักวิจัยได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งอเมริกา ใช้เห็ดหางไก่งวง ทดลองทางคลีนิกโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในช่วงต้นปี 2013 โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ พัฒนาการรักษาโรคมะเร็งโดยไม่มีผลข้างเคียงที่ทำให้สุขภาพทรุดโทรม จากยาเคมีบำบัด

เห็ดหางไก่งวงออร์แกนิก จากอเมริกา ผลิตด้วยวิธีการอันทันสมัยของห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเซลล์ขนาดใหญ่ของเส้นใย แถมจดสิทธิบัตรไปทั่วโลกอีกต่างหาก

มีประโยชน์อย่างไร
1.ลดการอักเสบของเซลล์
2.เพิ่มระดับภูมิคุ้มกัน 300%โดยเฉพาะในผู้ป่วยมะเร็งมากถึงร้อยละ 97 
3.ขับสารพิษโดยเฉพาะการสะสมโลหะหนักออกจากร่างกาย จากมลพิษทางอากาศและดิน
4.ลดความไวต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ
5.ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดให้ดีขึ้น
6.ส่งเสริมการทำงานของไต จึงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ โดยสามารถลดค่าไตที่สูงลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยไม่ต้องฟอกไต
7.ป้องกันตับรวมถึงผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
8.ควบคุมคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
9.เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการฉายรังสีและเคมีบำบัด
10.บรรเทาอาการโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด ปอดอักเสบ
11.มีการทดลองทางคลีนิก พบว่า เพิ่มระดับภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 1-3 
12.บรรเทาการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร
13.ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
14.ลดไขมันLDL , cholesterol
15.รักษาอาการภูมิแพ้โดยไม่ต้องกินยาแผนปัจจุบัน
16.ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไป ไม่เจ็บป่วยง่าย

ตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา มีเพียงเห็ดหางไก่งวงออร์แกนิกเท่านั้น จะถูกนำมาใช้ทดลองทางคลีนิก ภายใต้การให้ทุนสนับสนุนจาก NIH จากเชื้อรา Perfecti มีชื่อว่า Host Defense ซึ่ง FDA อเมริกาได้อนุมัติส่วนผสม nutraceutical ( อาหารหรือส่วนประกอบของอาหาร ที่มีสรรพคุณซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ประโยชน์ทางยา ป้องกันโรค รักษาโรค และชะลอความชรา ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Health Canada ซึ่งเป็นองค์กรด้านสุขภาพของประเทศแคนาดา ได้ให้คำจำกัดความของ nutraceutical ซึ่งระบุความหมายที่ชัดเจนขึ้น คือ " เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากอาหารที่ผ่านการสกัดหรือแยกเป็นสารบริสุทธิ์ และขายในรูปแบบเหมือนยา และมีการพบประโยชน์ต่อร่างกายหรือช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง"

มีการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เห็ดจากเอเชียโดยเฉพาะจีนแผ่นดินใหญ่ พบว่า มีแคดเมียมสูงผิดปกติ แตกต่างจากการเพาะเลี้ยงเห็ดหางไก่งวงออร์แกนิคในป่าดงดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ ฝนตกชุก แร่ธาตุในดินเต็มเปี่ยม มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด ดูดซึมได้ดีในร่างกายมนุษย์

มีเห็ดทางการแพทย์ในโลก 140,000 สายพันธุ์ แต่มีเพียง 10%เท่านั้น ที่สามารถนำมาใช้งานได้และเห็นผลชัดเจน

Paul Stamets นักพฤกษศาสตร์เห็ดรา ชาวอเมริกัน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและผู้ก่อตั้งเชื้อรา Perfecti จากเห็ดหางไก่งวง กล่าวว่า ทฤษฎีหนึ่งที่ถือได้ว่า " เห็ดหางไก่งวง ช่วยเพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์นักฆ่าตามธรรมชาติที่จะโจมตีเซลล์มะเร็ง ขั้นตอนต่อไปของการศึกษาอย่างต่อเนื่องนี้ จะมีการประเมินผลกระทบของการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น ในการอยู่รอดของผู้ป่วยอีกหลายสิบปีข้างหน้า "

 Paul Stamets ได้ยกตัวอย่างมารดาของเขา ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 ในปี 2009 เขาได้ให้รับประทานเห็ดหางไก่งวง ( Trametes Vesicolor ) 500 mg วันละ 2 เม็ด จนกระทั่งอีก 7 เดือนต่อมาคือ กุมภาพันธ์ 2010 ตรวจไม่พบเชื้อมะเร็งอีกเลย นับว่าน่าอัศจรรย์มาก อืม!! น่าทึ่งที่สุด

แป้งค้นพบวิตามินตัวนี้โดยบังเอิญอีกแล้วค่ะ พอดีอยากจะหาวิตามินที่สกัดจากเห็ดหางไก่งวงเพื่อช่วยลดค่าไตให้กับผู้ป่วยที่กำลังจะเข้ารับการฟอกไต 

ค้นไปค้นมา เจอแหล่งข้อมูลของเห็ดหางไก่งวงที่เป็นที่นิยมในต่างประเทศ จึงได้ให้กินเห็ดหางไก่งวง 500 mg วันละ 1 เม็ด เพียง 4 เดือน ค่า Cr จาก 7 mg/dl  ลดลงเหลือ 1.26 mg/dl นับว่าเป็นความปลาบปลื้มใจที่มีโอกาสได้ให้คำแนะนำช่วยเหลือผู้ที่เจ็บป่วยอย่างที่สุด นอกเหนือจากเป็นพยาบาลวิชาชีพ ตามที่ร่ำเรียนมา ( แทบตาย )

ส่วนตัวแป้ง เริ่มกินเห็ดหางไก่งวงออร์แกนิก 500 mg วันละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า 

ปกติในฤดูฝน มักจะมีเชื้อโรคพัดพามากับสายลมและละอองความชื้น ประกอบกับมีภาวะเครียดแถมนอนดึกอีกต่างหาก แป้งเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว จะต้องคันหู คันตา คัดจมูก น้ำมูกไหล อย่างแน่นอน ชัวร์
แต่เปล่าเลย แป้งแข็งแรง สบายดี ไม่มีอาการภูมิแพ้แม้แต่น้อยเลย แนะนำให้คนที่เจ็บป่วยเป็นไข้หวัด เจ็บคอ ต้องหามดหาหมอทุก 2 เดือนกิน ทุกวันนี้ บอกได้เลย ห่างไกลจากคำว่า " เจ็บป่วย " โดยสิ้นเชิงค่ะ

หมายเหตุ : เห็ดหางไก่งวงออร์แกนิก ส่งเสริมการทำงานของไต จึงมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
หากรับประทานอาหารเสริมชนิดนี้ จำเป็นต้องดื่มน้ำเปล่า วันละ 1500-2000 ml. ขึ้นไป เพื่อให้มีน้ำไหลเวียนที่ไต ซึ่งทำหน้าที่กรองของเสีย กำจัดน้ำ เกลือแร่ กรดและสารพิษออกจากร่างกาย เปรียบเสมือนเครื่องกรองน้ำที่ดีมีประสิทธิภาพ จะต้องมีน้ำไหลผ่านตลอดเวลาค่ะ



วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เลือกกินวิตามินอย่างไรดี ให้เห็นผลเลิศและคุ้มค่าเงินมากที่สุด


 การดำเนินชีวิตประจำวันของคนเราทุกวันนี้ เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ไม่รู้จะรีบกันไปถึงไหน ยิ่งในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรที่ได้การโหวตว่า เป็นเมืองที่รถติดมากอันดับต้นๆของโลกเชียว แค่ตื่นเช้ามา ยังไม่ถึงที่ทำงานก็เครียดล่ะ รถเยอะจริงๆ หากออกจากบ้านช้า 5 นาที รถเพิ่มบนท้องถนน 50 คัน เฮ้อ!! รถจะเยอะไปไหนน๊า

 การต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืด เพื่อมาผจญโลกทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน หากขาดสารอาหารในมื้อเช้าจะส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำตาลกลูโคสไปเลี้ยงสมอง ( พลังงานหลักของสมองคือ กลูโคส ซึ่งส่งไปเลี้ยงเซลล์ประสาท การเรียนรู้และความจำ ช่วยให้สมองทำงานเต็มที่ ) ทำให้ระหว่างวัน จะขาดสมาธิ ความจำไม่ค่อยดี เกิดความผิดพลาดได้ง่าย

                   
เป็นที่ทราบกันดีว่า ร่างกายต้องการวิตามินและเกลือแร่ ส่วนใหญ่ต้องได้รับจากอาหาร ผักและผลไม้สด เป็นแหล่งที่สำคัญของวิตามินและเกลือแร่ แต่รู้หรือไม่ว่า 

1.ผักทุกชนิด เช่น กะหล่ำปลีที่ต้มแล้วจะเสียวิตามินซีไปมากกว่า 75%
2.อาหารปิ้ง ย่าง ทอด สูญเสียวิตามินอี 50%
3.อาหารกระป๋อง สูญเสียวิตามินบี มากถึง 77%
4.ส้มที่ผ่านการเก็บเกี่ยวนานกว่า 1 อาทิตย์ จะเสียวิตามินซีไปกว่า 70% ฯลฯ

                   
จะเห็นได้ว่า อาหารที่ผ่านขบวนการแปรรูป เช่น ข้าวขัดขาว ก๋วยเตี๋ยว ไส้กรอก อีกสารพัด แทบไม่หลงเหลือวิตามินให้เราบ้างเลย การดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยมลภาวะ ขาดการออกกำลังกาย เพราะกว่าจะเลิกงาน ฝ่าดงรถติด กลับถึงบ้านแทบสลบ 

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ส่งเสริมให้คนเราเกิดอนุมูลอิสระมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง ภูมิต้านทานต่ำ เกิดโรคภัยไข้เจ็บบ่อยมาก บางครั้งแค่เป็นหวัด กว่าจะหาย หลายคนกินยาเป็นสองสามอาทิตย์ นั่นแสดงว่า ร่างกายขาดวิตามินและเกลือแร่ ที่จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงจากภายใน คงความอ่อนเยาว์ได้ยาวนาน ปราศจากโรคแห่งความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ อันเนื่องมาจากการใช้งานมาเกือบทั้งชีวิต วิตามินเสริมจึงเป็นคำตอบสุดท้าย แต่ต้องกินอาหารปกติให้ครบทุกมื้อด้วยนะคะ อย่าลืม!

                 
 หากเราต้องกินอาหารทุกวัน วิตามินก็จำเป็นต้องกินต่อเนื่องไปตลอดชีวิตเช่นกัน เหตุเพราะ วิตามินมีค่าครึ่งชีวิต ( half life) คือ เวลาที่ใช้สำหรับโมเลกุลที่จะได้รับการแบ่งย่อยและขับออกจากร่างกาย หมายความว่าช่วงเวลาที่ระดับวิตามินลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของระดับวิตามินเริ่มต้น และระดับวิตามินจะเท่ากับศูนย์เมื่อใช้เวลาเท่ากับ 5 เท่า ซึ่งถือได้ว่า สั้นมากๆ
                 
 ยกตัวอย่างเช่น grape seed มี half life 7 ชั่วโมง
                  
แป้งกิน grape seed 300mg เมื่อเวลาผ่านไป 7 ชม. grape seed จะลดระดับเหลือ 150mg และหมดไปจากร่างกายโดยสมบูรณ์ คือ 7x5(เท่า) = 35 หรือ ~1วันครึ่ง อธิบายได้ง่ายๆว่า ระดับวิตามินในกระแสเลือดจะลดลงจนมีค่าเท่ากับศูนย์ เมื่อเวลาผ่านไป 1วันครึ่ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระบบเมตาโบลิซึม (กระบวนการสังเคราะห์พลังงานจากอาหารและกระบวนการสลายโมเลกุล เพื่อให้ลำไส้เล็กดูดซึมได้ทันที) ของแต่ละคนไม่เท่ากันด้วยค่ะ จึงเป็นเหตุผลให้เราจำเป็นต้องกินวิตามินเติมเข้าไปทุกวัน นั่นเอง เพราะถ้าเราไม่กินวิตามินอย่างต่อเนื่อง กินๆหยุดๆ เท่ากับ ต้องเริ่มต้นใหม่ ในการสะสมระดับวิตามินในกระแสเลือด หรือ วิตามิน n-acetyl L-cysteine มีค่าครึ่งชีวิตเท่ากับ 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ พอหยุดกิน ผิวที่ขาวสวยใส ก็กลับเป็นเหมือนตอนก่อนกิน

                 
  แต่การที่จะกินวิตามินเสริมเพื่อให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ต้องรู้จักเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพดี เกรดพรีเมี่ยม เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด ลงทุนกับสุขภาพทั้งที ต้องให้ได้ความอ่อนเยาว์พร้อมกับชะลอวัย สุขภาพแข็งแรง ไปด้วยกันสิค่ะ 


จะได้ไม่ต้องหอบเงินเก็บ เวลาเจ็บป่วย ไปให้โรงพยาบาล อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยความยากลำบาก แต่ความที่คิดเอาเองว่า ร่างกายได้รับวิตามินและเกลือแร่พอเพียง นานวันเข้า อนุมูลอิสระจากหลายสาเหตุไม่ว่า จะเป็นความเครียด การนอนดึก พักผ่อนน้อย การอาศัยอยู่ในอาคารที่ติดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ( ร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนจากอากาศบริสุทธิ์) กินอาหารปิ้งย่าง อาหารกระป๋องใส่สารกันเสีย ผงชูรส อาหารจานด่วนที่ล้วนมีไขมันสูง ที่สำคัญ สารพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลงที่ชาวสวนฉีดตอนเช้า สายๆ เดินมาเก็บไปขายให้พ่อค้าคนกลาง ซึ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมเล็กๆ แต่ติดอันดับการใช้ยาฆ่าแมลง เป็นอันดับที่ 4 ของโลก 


ยาฆ่าแมลงมี half life ( ค่าครึ่งชีวิต ) นานเป็น 3 วัน กว่าจะสลายตัว จะโทษเค้าก็ไม่ได้นะคะ ชาวสวนเค้าไม่ต้องการฉีดยาฆ่าแมลงอย่างนั้นหรอกค่ะ แต่คนเมืองกรุงชอบผักสีสันสดสวย สภาพดี ไม่มีแมลงเจาะเป็นรู เค้าจะขายได้ในราคาสูง ผักที่มีแมลงกินเป็นรูโบ๋ จะขายได้ราคาถูก ซึ่งเราก็ไม่พากันซื้ออีกแหละ มันไม่น่ากินอ่ะ

               
  ทั้งหมดทั้งมวล ส่งเสริมให้ใบหน้าแก่ก่อนวัย ริ้วรอย กระฝ้า ตามมาด้วย โรคภัยไข้เจ็บที่เราคาดไม่ถึง ทำไมเราไม่ดูแลตัวเองด้วยการเสริมวิตามินเกรดดี คุณภาพเยี่ยม นอกจากสุขภาพแข็งแรง แถมมาด้วยผิวพรรณขาวใส นุ่มนวลแล้ว เวลาส่องกระจกทีไร ความสุขทางใจก็บังเกิด ว๊าย! ทำไมผิวสวยได้อย่างนี้นะเนี่ย ดีกว่าต้องเอาเงินไปเป็นค่ารักษาพยาบาล เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยนะคะ

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความลับอันน่าทึ่งของวิตามินบี 5 กับการรักษาสิวและผิวพรรณ

 
                 สิว เป็นเรื่องธรรมชาติ(ลงโทษ) หรือเป็นเวรกรรมแต่หนใด อันนี้ตอบไม่ได้จริงๆค่ะ รู้แต่ว่า วิตามินบี 5 ช่วยได้ ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องไปกินยา roaccutane เร่งให้ตับไตพังเลยนะคะ

                 สิวมีสาเหตุดังต่อไปนี้
1.ใช้เครื่องสำอางที่ทำให้อุดตันและเกิดสิว เช่น mineral oil,petrolatum,paraffin,lanolin,ฯลฯ
2.ความแปรปรวนของฮอร์โมนเพศ เช่น ฮอร์โมนแอนโดรเจน(androgen) เป็นฮอร์โมนเพศชายที่พบได้ทั้งชายและหญิง มีหน้าที่ ทำให้ต่อมไขมันที่ผิวหนังโตขึ้นและหลั่งไขมันออกมามากเกินปกติ จึงทำให้มีการอุดตัน เกิดสิว ผิวมันเยิ้ม
3.ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งพบบ่อยในผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
4.ภาวะต่อมหมวกไตล้า จากความเครียด นอนดึก พักผ่อนน้อย

                ในที่นี้แป้งจะพูดถึงสิวกับต่อมหมวกไต ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไร
                ต่อมหมวกไต (adrenal gland) อ่านว่า อะดรีนัล แกรนด์ เป็นต่อมไร้ท่อ ครอบตรงส่วนบนของไตทั้ง 2 ข้าง คล้ายกับไตใส่หมวก จึงเรียกว่า ต่อมหมวกไต งัยค่ะ อยู่ในช่องท้องด้านหลัง บริเวณกระดูกสันหลังส่วนบั้นเอว ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนมากกว่า 50 ชนิด มีคุณสมบัติเป็นสเตียรอยด์ ซึ่งร่างกายสังเคราะห์ได้จากโคเลสเตอรอล แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

                1.ต่อมหมวกไตส่วนนอก ( adrenal cortex ) สร้างกลุ่มฮอร์โมนกลุ่มสเตียรอยด์ (steroid) 3กลุ่ม ประกอบด้วย

1.1 มิเนอรัลโลคอร์ติคอยด์ (mineralocorticoid hormone) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยรักษาสมดุลของน้ำและแร่ธาตุภายในร่างกาย ฮอร์โมนที่สำคัญในกลุ่มนี้คือ แอลโดสเทอโรน (aldosterone) ซึ่งจะหลั่งออกมามากขึ้นในขณะที่ร่างกายขาดน้ำหรือความเข้มข้นของ Na (เกลือโซเดียม) ในเลือดลดต่ำลง โดยทำหน้าที่กระตุ้นท่อไตให้ดูดซึมน้ำ และโซเดียมเข้าสู่กระแสเลือด และขับถ่ายโพแทสเซียมออกสู่ท่อไต หากมีมากเกินไป จะทำให้เกิดความดันโลหิตสูง คนส่วนใหญ่เกิดโรคความดันโลหิตสูงมีสาเหตุมาจากต่อมหมวกไตนี่ละค่ะ เพราะฉะนั้น อย่ากินเค็มมากนักนะคะ

1.2 กลูโคคอร์ติคอยด์(glucocorticoid hormone) ควบคุมเมตาบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน มีฮอร์โมนที่สำคัญคือ คอร์ติซอล(cortisol) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า stress hormone ทำหน้าที่ ช่วยให้ร่างกายปรับตัวในภาวะเครียด(stress) มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เช่น การเกิดภูมิแพ้ เจ็บไข้ได้ป่วย ในวงการแพทย์มักนิยมรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบด้วยยา เรียกว่า สเตียรอยด์ ใช้การสังเคราะห์ยาเลียนแบบฮอร์โมนธรรมชาติ(cortisol) ในร่างกายของคน แต่มีฤทธิ์มากกว่าเป็นหมื่นเท่า จึงทำให้เราหายจากการเจ็บป่วยอย่างรวดเร็ว มหัศจรรย์พันลึกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น แป้งเคยเกิดภูมิแพ้อย่างรุนแรง โดยจะแพ้น้ำส้ม สีชมพูแสนสวยที่บรรจุขวดขายในต่างประเทศ ดื่มเข้าไปนิดเดียว มีอาการคันตาจนตาบวมแดง เป็นผื่นคัน ลามไปจนถึงระบบทางเดินอาหาร ปวดมวนท้อง ท้องเสีย แต่พอแป้งกิน prednisolone 5 mg เข้าไป แค่เม็ดเดียว อาการทุกอย่างที่เป็นอยู่ หายวับไปทันที หรือ แป้งเคยยกของหนักเกินไป จนมีการบาดเจ็บของเอ็นที่ข้อมือ เรียกว่า ผังผืดรัดเส้นประสาท กินยา นวดยา ตั้งเกือบ 6 เดือน ยังมีความเจ็บปวดอยู่ไม่คลาย แต่พอฉีดยา สเตียรอยด์ แค่เข็มเดียว รุ่งขึ้น หายเป็นปลิดทิ้งค่ะ

                 แต่ใช้บ่อยๆไม่ดีนะคะเพราะ ในภาวะปกติ หากเราเครียดหรือวิตกกังวล คอร์ติซอลจะหลั่งออกมามากอยู่แล้ว ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย(helicobactor pylori) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ประกอบกับกรดในระบบทางเดินอาหารหลั่งออกมามากขึ้น จะปวดแสบท้องเหลือเกิน จึงเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบตามมา แล้วเราไปกินหรือฉีดยาสเตียรอยด์สังเคราะห์เข้าไป กระเพาะอาหารอาจอักเสบจนทะลุได้นะคะ แพทย์จึงจ่ายยาเคลือบกระเพาะมาด้วยเสมอเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่เราไม่ต้องการ งัยค่ะ

1.3 sex hormone ทำหน้าที่ควบคุมการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศชายและหญิง( testosterone&estrogen) แต่มีน้อยมาก เมื่อเทียบกับการสังเคราะห์ฮอร์โมนที่อวัยวะเพศ โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศชายที่ผลิต แอนโดรเจน (androgen) ออกมาจากต่อมหมวกไตส่วนนอก

               2.ต่อมหมวกไตส่วนใน(adrenal medulla) สร้างฮอร์โมน อิพิเนฟฟริน(epinephrine)และนอร์อิพิเนฟฟริน(norepinephrine) ทำหน้าที่เวลาร่างกายเผชิญกับความตื่นเต้น ตกใจ กลัว โกรธ หรือออกกำลังกาย ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เวลาไฟไหม้ เราจะเห็นคนตื่นเต้นตกใจแบกตุ่มที่มีน้ำเต็ม แบกไห ยกตู้เย็น ทั้งๆที่ปกติ แค่ขยับตุ่มยังแทบทำไม่ได้เลย นั่นเป็นเพราะร่างกายหลั่งฮอร์โมนอิพิเนฟฟริน ออกมามากนั่นเอง

               เกริ่นมาซะยืดยาวเป็นหางว่าว แต่ถ้าตั้งใจอ่านดีๆ จะทำให้รู้เท่าทันร่างกายของเรานะคะ มาถึงวิตามินที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากไม่แพ้ตัวอื่นใดเลยคือ วิตามินบี 5(pantothenic acid) อ่านว่า แพนโทเทนิก แอซิด ถูกค้นพบโดย ศาสตราจารย์ Roger John Williams นักชีวเคมีชาวอเมริกัน ในปีค.ศ1919 และเป็นคนตั้งชื่อ folic acid( กรดโฟลิก) ด้วยนะคะ จัดเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ เป็นสารตั้งต้นของโคเอนไซม์เอ(ปฏิกริยาชีวเคมีที่จำเป็นในสิ่งมีชีวิต) เผาผลาญคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน สังเคราะห์ชีวภาพของสารสื่อประสาท(neurotransmitters) สร้างสมดุลฮอร์โมนของต่อมหมวกไตส่วนนอก (cortisol) ในการบรรเทาความเครียด พักผ่อนน้อย เจ็บไข้ได้ป่วย พบมากในธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว กุ้งก้ามกราม สัตว์ปีก โยเกิร์ต อะโวคาโด เห็ด มันเทศ ถูกทำลายได้ง่ายโดยความร้อน กรด ด่าง

                  จากงานวิจัยในหนูทดลอง พบว่า หากขาดวิตามินบี 5 จะทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึมเศร้า อ่อนเพลียไม่มีแรง นอนไม่หลับ มีความผิดปกติของระบบประสาท มึนงง ปวดกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว

                 มีประโยชน์อย่างไร
1.ประเทศญี่ปุ่น มักนำมาใช้เป็นส่วนผสมในแชมพู เพื่อบำรุงผมให้นุ่มลื่นสลวย เงางาม เป็นประกาย แชมพูยี่ห้อดังบ้านเราก็มีที่มาจากวิตามินตัวนี้ค่ะ

2.ผมยาวเร็วขึ้น รากผมแข็งแรง ไม่หลุดร่วงง่าย

3.ในต่างประเทศมักกินเป็นอาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างการทำงานของต่อมหมวกไต(adrenal gland) หวังผลในการเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ลดอาการภูมิแพ้ ลดภาวะเครียด แผลหายเร็วขึ้น

4.รักษาสิว มีงานวิจัยเกี่ยวกับสิว โดย Dr. Lit-Hung Lueng ศัลยแพทย์ ชาวฮ่องกง พบว่า โคเอนไซม์เอในต่อมหมวกไตที่ควบคุมฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งทำให้ต่อมไขมันโตขึ้นและขับไขมันออกมามาก ส่งผลให้เกิดสิวในที่สุด หากกินวิตามินบี 5 ในปริมาณสูง จะช่วยยับยั้งกระบวนการเกิดสิว โดยเร่งการเผาผลาญไขมันและน้ำมันบนผิวหนัง แถมบีบให้ต่อมไขมันมีขนาดเล็กลง รูขุมขนจึงกระชับ นับว่าเป็นงานทดลองวิจัยที่ประสบความสำเร็จในเอเชีย แต่กลับเป็นที่ยอมรับและโด่งดังไปทั่วโลก โดยไม่ต้องกินยา Roaccutane หรือกิน ไดแอน อีกต่อไป

5.เนื้องอกต่อมเหงื่อ บนใบหน้ามีขนาดเล็กลง โดยไม่ต้องไปทำเลเซอร์ หรือสิวหินใต้ตาจะหายไปเลย จากการที่วิตามินบี 5 เร่งการเผาผลาญไขมันและน้ำมันบนผิวหน้า นั่นเอง

6.ลดหน้ามัน จากการที่วิตามินบี 5 ยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน หน้าจึงไม่มันเย้ิม แถมเรียบเนียนอีกต่างหาก

7.วิตามินบี 5 เมื่อเข้าสู่ร่างกายร่วมกับอะมิโนแอซิด จะช่วยกระตุ้นโกร๊ธฮอร์โมน(ฮอร์โมนแห่งความเยาว์วัย วันหลังจะอธิบายให้ฟังว่า ต้องกินวิตามินอะไรที่เกี่ยวข้องกับโกร๊ธฮอร์โมน มีแค่ตัวเดียวเท่านั้น ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลองกินอยู่ค่ะ ได้ผลอย่างไรแล้วจะมาบอกกล่าวอีกที)

                  แป้งหยุดการกินยาทุกชนิด ตั้งแต่ได้ศึกษาวิตามินต่างๆ เพื่อลดสิว ชะลอความชรา (anti-aging) เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ดีทอกซ์ตับ ในร่างกายแป้งไม่มียาที่ทำลายตับ ขับออกที่ไต อีกต่อไป จะมีแต่วิตามินที่ทรงอานุภาพต่อร่างกาย ส่งผลให้ผิวพรรณ หน้าตา ขาวสว่าง กระจ่างใส สวนทางกับวัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ในคนหน้ามัน เป็นสิว ต้นทุนผิวไม่ได้ดีเด่อะไรนักหนาอย่างแป้งค่ะ

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาระดับเทพ ลดรอยเหี่ยวย่นได้ชะงัด


 
ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ จะว่าไป ริ้วรอยรอบดวงตาก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามนะคะ ริ้วรอยมาเยือนแล้วแก้ไขยาก นอกเสียจากว่าต้องพึ่งโบทอกซ์สถานเดียวเท่านั้น

แป้งใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาประสิทธิภาพสูงมานานนับปีแล้วค่ะ ด้วยเหตุผลที่เป็นคนช่างเลือก ช่างลอง ใช้ทั้งยี่ห้อธรรมดาไปจนถึงเคาน์เตอร์แบรนด์ พบว่าหากเป็นอายครีมยี่ห้อทั่วไป จะเหนียวเกลี่ยยากมาก กว่าจะซึมซาบเข้าสู่ผิวแต่ถ้าเป็นอายครีมเคาน์เตอร์แบรนด์ เนื้อครีมจะนุ่มเนียนเกลี่ยง่าย ให้ความชุ่มชื้นรอบดวงตาได้ดีแต่มีอีกหนึ่งยี่ห้อที่แตกต่างด้วยส่วนผสมระดับพรีเมี่ยมจดสิทธิบัตรทั่วโลกคือ Jabushe 24hr eye cream มันผสมอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ


ในความเป็นจริง ครีมบำรุงรอบดวงตาที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน หายากมากมาย ลองมาหลายยี่ห้อ ก็ไม่ประทับใจเท่า Jabushe 24hr soft cream จากสวีเดนตัวนี้เลยค่ะ เนื้อครีมเข้มข้นนุ่มมากแต่กลับซึมเร็วเหลือเกิน บรรเทาเส้นริ้วรอบดวงตาได้ดีทีเดียว ริ้วรอยลึกลดลง ส่วนริ้วรอยใหม่ยังหาไม่เจอ ยกเว้นเส้นริ้วที่เกิดจากภูมิแพ้ตั้งแต่เด็ก ( คันตาก็บดขยี้ตาอย่างเมามัน หากย้อนเวลาได้ จะไม่ทำแบบนั้นเลยค่ะ ) มันชัดเจนตามกาลเวลา พูดง่ายๆคือ ตามวัยที่ล่วงเลย นั่นเอง

ผู้ที่คิดค้นสูตร QAL-100 ที่เป็นสารออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ได้จดสิทธิบัตรไปทั่วโลก คือ ศาตราจารย์ Harry Beitner หัวหน้าภาควิชาผิวหนัง Karolinska University Hospital in Stockhlom,Sweden ซึ่งเป็นผู้พิจารณามอบรางวัลโนเบลให้กับผู้ชนะเลิศ ในสาขา medicine ทุกๆปี เชียวนะคะ


Jabu'she จดสิทธิบัตรไปทั่วโลก 25ประเทศ ในปี 2001 และเป็นครีมเคาน์เตอร์แบรนด์รายแรกและรายเดียวในโลกที่ถูกตีพิมพ์ ใน 

1.British Journal of Dermatology (BJD) ค.ศ 2003 (วารสารทางการแพทย์ผิวหนังชั้นนำของอังกฤษ) เรื่องผลลัพธ์ของครีมต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย ที่มีส่วนผสมของ Q10 เข้มข้นมากถึง 1%เมื่อใช้ Jabu'she 24 hr original cream เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ริ้วรอยลึกลดลง 51%

Q10 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรง ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย โอ้ว ! น่าสนใจมากๆ ถึงขนาดได้รับการตีพิมพ์ ปกติ ไม่เคยมีครีมบำรุงเคาน์เตอร์แบรนด์ใดในโลกได้รับเกียรติเช่นนี้แสดงว่า ผลการทดลองทางคลีนิก ได้รับการยอมรับในระดับสากล นะเนี่ย

2.Journal of the American Academy Dermatology (AAD) ค.ศ 2005 (วารสารทางการแพทย์ผิวหนังชั้นนำของประเทศอเมริกา) เรื่อง กลไกการซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากแสงแดด เมื่อใช้ Jabu'she 24 hr original cream ที่มีส่วนผสมของ Alpha Lipoic Acid ความเข้มข้น 5% ทำให้ชั้นคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพ กลับมาเรียงตัวดีขึ้น แถมมาด้วยรูขุมขนมีขนาดเล็กลงและกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กรดอัลฟ่าไลโปอิก เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพมากลำดับต้นๆของโลก ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและสร้างสมดุลการทำงานของต่อมไขมัน สิวจึงลดลงตามไปด้วย ว๊าว! อันนี้น่าสนใจที่สุด ช่วยกระชับรูขุมขนได้จริงดั่งคำโฆษณาเป๊ะเลย

3.Pacthderm porderm สถาบันวิจัยด้านผิวหนังที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน ค.ศ 2005 เรื่อง Jabu'she 24 hr original cream ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ระคายเคือง อ่อนโยนปลอดภัยแม้กับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ด้วยคุณสมบัติของ l- carnitine ที่เป็นอะมิโนโปรตีน ช่วยกระตุ้นให้วิตามินบี 3 ทำงานได้มากขึ้น โดยลงลึกถึงระดับเซลล์ ถนอมผิวให้แข็งแรง ใบหน้าจึงขาวใสขึ้นแบบไม่ง้อเลเซอร์

ที่น่าภาคภูมิใจและสำคัญอย่างยิ่งยวดคือ ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Jabushe from Sweden not tested on animals (ไม่ทดลองในสัตว์ ) เยี่ยมยอดจริงๆ

คงมีหลายคนสงสัยว่า ในเมื่อ Q10 มีคุณสมบัติลดริ้วรอยได้ดีขนาดนี้ ทำไมเคาน์เตอร์แบรนด์อื่นจึงไม่นำ Q10 มาเป็นส่วนประกอบในครีมยี่ห้อต่างๆ คำตอบคือ Q10 ได้ถูกจดสิทธิบัตรไว้แล้วตั้งแต่ปีค.ศ 2001 ดังนั้นแบรนด์ชั้นนำอื่นจึงไม่สามารถนำ Q10 มาเป็นส่วนผสมได้ค่ะ


ผู้หญิงส่วนใหญ่ มักจะดูแลตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าแต่ละเลยการบำรุงคอไปนะคะ บางคนสวยเป๊ะเวอร์ แต่พอมองที่คอ อุ๊ยตาย!! ทำไมเหี่ยวจัง อันที่จริงบริเวณคอเนี่ย เป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปหมด สมัยอายุน้อยๆ แป้งใช้ครีมบำรุงที่ทาหน้าเอามาทาคอด้วยเสียเลย แต่พอได้มารู้จัก ส่วนผสมใน Jabushe 24hr original cream อย่างละเอียด ความคิดแว๊บเข้ามาในสมอง เออนะ ในเมื่อครีมบำรุงหน้าสามารถลดริ้วรอยได้จริง ทำไมเราไม่เอามาทาคอเสียเลยล่ะ ไม่ต้องไปหาซื้อ neck cream ( ครีมบำรุงคอ ) คุณภาพสูงที่ไหนอีก

จากวันนั้นร่วม 2 ปีกว่า แป้งใช้ Jabushe 24hr original cream ทาที่คอ ปรากฎว่า ที่คอไม่มีริ้วรอยเลยนะคะ เคยมีคนชมอีกด้วยว่า คอน้องแป้งไม่มีริ้วรอยเลยไม่เหมือนคอพี่ อุ้ย!! แป้งได้ฟังดังนั้น ก็อดปลื้มไม่ได้ อิอิ

บนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะไม่แก่ สุดท้ายปลายทางคือแก่เหมือนกันหมดทุกคน แต่เราไม่จำเป็นต้องแก่ไปพร้อมคนอื่นนี่ค่ะ เราหยุดเวลาให้ช้าลงได้ด้วยการทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมลดริ้วรอยชั้นเยี่ยมรวมถึงการกินวิตามินคุณภาพสูง เพียงเท่านี้ก็ย้อนเวลาให้ผิว ชะลอวัยได้เป็น 10 ปีแล้วค่ะ


วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ฝ้ารักษาอย่างไรก็ไม่มีทางหายขาดแน่หรือ


ผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้น หลีกไม่พ้นสารพัดปัญหาผิวพรรณต่างๆไม่ว่าจะเป็นเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย กระ ฝ้า ที่พร้อมใจกันมาเยือนใบหน้าของเรา ประเทศไทยตั้งอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร จึงมีแสงแดดแรงกล้าตลอดทั้งปี ความจริงในแสงแดดอ่อนๆจะมีวิตามินดีที่รักษาความสมดุลของระดับแคลเซียมในเลือดและกระดูก พูดง่ายๆคือช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสเข้าสู่กระดูกนั่นเองร่างกายจะสร้างวิตามินดีเมื่อได้รับแสงแดดเท่านั้น แต่ถ้าตากแดดจนผิวคล้ำจะกลายเป็นว่ายับยั้งการสร้างวิตามินดีเสียอีก ช่างไม่มีอะไรพอดีเสียเลย

มาพูดถึงเรื่องฝ้ากันดีกว่าค่ะ เพราะ 90%ของผู้ที่มีฝ้าเป็นผู้หญิง พบมากที่สุดในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20-50 ปีพบได้บ่อยในสตรีตั้งครรภ์และนับวันผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็มีอุบัติการณ์เกิดฝ้าเยอะมากขึ้น เป็นเพราะอะไรหนอ

ฝ้า ( Melasma ) มาจากภาษากรีก แปลว่า ความดำ คือการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี ( melanin ) ที่มีผลกระทบต่อความเสียหายของผิวหนัง มักมีความเกี่ยวข้องกับแสงแดดและความสมดุลของฮอร์โมน เกิดได้ทุกเชื้อชาติ สาเหตุของการเกิดฝ้ามีความซับซ้อน ในอดีตจวบจนปัจจุบันยังไม่ทราบชัดเจน แต่มีหลายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเกิดฝ้า ดังนี้

1.พันธุกรรม 
2.แสงแดด ก่อให้เกิดความเสียหายลึกถึงระดับเซลล์โดยอนุมูลอิสระ ( free radical ) กระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี ( melanocyte ) ให้สร้างเม็ดสี ( melanin ) บนชั้นผิวหนังมากขึ้นกว่าปกติ แสงอัลตราไวโอเลตที่มีผลต่อผิวหนังคือ UVA,UVB 

UVA ส่งผลให้ผิวหนังมีอาการแสบ แดง ร้อน ไม่สามารถก่อให้เกิดอาการแดดเผา (sunburn) ทว่ายังน่ากลัวอยู่ที่สามารถแปลงสภาพ DNA ได้ จนอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง แต่ร่างกายก็สามารถป้องกันได้ โดยการสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมา เพื่อป้องกันการทะลุทะลวงของแสง UVA จึงทำให้ผิวดำคล้ำมากขึ้น สาเหตุหนึ่งของกระ ฝ้า

 UVB ส่งผลต่อชั้นผิวหนังที่ลึกกว่า ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ lipid peroxide ทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
 3.ฮอร์โมน ประมาณร้อย 25 ของสตรีตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน จะมีระดับสูงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ มีส่วนกระตุ้นให้เกิดฝ้าระหว่างตั้งครรภ์
4.ยาคุมกำเนิด ที่ผสมฮอร์โมนสังเคราะห์เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ส่งเสริมให้เกิดฝ้าเช่นกัน
5.ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ผู้ป่วยไทรอยด์มีโอกาสเกิดฝ้ามากกว่าคนปกติ 4 เท่า
6.เครื่องสำอาง
7.ยากันชัก
8.ความเครียด มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ความเครียดกระตุ้นให้ผิวแย่ลง เนื่องจากกระตุ้นการหลั่ง melanocyte stimulating hormone ดั่งคำพูดที่ว่า " หน้าดำคร่ำเครียด " นั่นแหละค่ะมีการศึกษาทางคลีนิก แสดงให้เห็นว่า ฤดูร้อนที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงรุนแรงที่สุดจะมีการเพิ่มระดับความเข้มของฝ้า แต่ในฤดูหนาวรอยดำของฝ้ามีแนวโน้มลดลงการรักษาด้วยเลเซอร์

 เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีประสิทธิภาพในการรักษารอยดำ แต่สมาคมแพทย์ผิวหนังอังกฤษให้ความเห็นว่า ไม่ควรที่จะใช้เลเซอร์รักษาฝ้าเนื่องจากจะกระตุ้นให้ชั้นผิวหน้าบางลงกว่าปกติ
เมื่อเราอายุมากขึ้น อนุมูลอิสระก็สะสมมากขึ้นในขณะที่ร่างกายสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้น้อยลง เช่นเดียวกับชั้นผิวหนังที่บางลงอย่างมากเมื่อเทียบกับตอนวัยรุ่น

 บางครั้งฝ้า จางหายไปตามธรรมชาติเมื่อระดับฮอร์โมนสมดุลตามปกติแนะนำวิตามินดังนี้

1.MSM 1000 mg ยี่ห้อ Jarrow formulas ครั้งละ 1เม็ด หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น
2.super selenium complex 200 mcg ยี่ห้อ life extension ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเย็น
3.Gotu kola 475 mg ยี่ห้อ nature's answer ครั้งละ 1เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็น
4.ester-c 1000 mg ยี่ห้อ solgar ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็น
5.zinc 50 mg ยี่ห้อ source naturals ครั้งละ 1เม็ด ก่อนอาหารเช้า
6.pycnogenol 100 mg ยี่ห้อ healthy origins ครั้งละ 1เม็ด หลังอาหารเช้า หรือ grape seed 300 mg ยี่ห้อ healthy origins ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า
7.ALA 600 mg ยี่ห้อ healthy origins ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า 

สครับหน้าตามด้วยพอกหน้า ดินสอพอง+น้ำมะนาวหรือ apple cider vinegar ทิ้งไว้ 15-30 นาที จึงล้างออกอาทิตย์ละ 1 ครั้ง จากนั้นทาครีมบำรุงตามปกติ

การรักษาฝ้า จะเห็นผลชัดเจนจำเป็นต้องกินวิตามินอย่างน้อย 6-12 เดือนขึ้นไปและกินต่อเนื่องไปตลอดพร้อมกับการทาครีมกันแดด SPF 30-50 ทุกวันแม้ในวันที่ไร้แสงแดดนะคะ อ้อ!! เกือบลืมแน่ะทา stieva-a 0.05%บริเวณรอยฝ้าเฉพาะตอนกลางคืนและช่วงเช้า ทา azeleic 20% ทั่วหน้าตามด้วยครีมบำรุง swiss apple stem cell และ Jabushe 24hr original เช้า-เย็น

คนที่เป็นฝ้าไม่ว่าจะเป็นฝ้าชนิดใด จะไม่มีทางหายขาด แค่จางลงชั่วคราวเท่านั้นเพราะเซลล์ผิวบริเวณนั้นได้ถูกโจมตีจากอนุมูลอิสระอย่างต่อเนื่อง

ทุกลมหายใจเข้า-ออก การกินอาหารพลังงานสูง ออกกำลังกายอย่างหนัก ภาวะเครียด นอนดึก ฯลฯ ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้น ซึ่งอนุมูลอิสระเหล่านี้สามารถทำลายเซลล์โดยไม่อาจควบคุมได้ ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าใด สารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสร้างโดยธรรมชาติยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่ออนุมูลอิสระสะสมมากขึ้นในร่างกาย ความเสื่อมสภาพก็ตามมา ความชราจะมาเยือนเร็วขึ้น ส่งผลให้เกิดตั้งแต่จุดด่างดำ กระฝ้า จนกระทั่งโรคภัยไข้เจ็บที่ร้ายแรงในที่สุด

ไม่ว่าฝ้าเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม อย่าไปหมกมุ่นกับมันมากนัก จะพลอยทำให้กลายเป็นคนขาดความมั่นใจเมื่อพบหน้าผู้คน พึงระลึกไว้เสมอว่า เราไม่ได้เป็นฝ้าเพียงคนเดียวในโลก สตรีชาวอเมริกันก็เป็นฝ้ามากถึง 6 ล้านคน เมืองไทยก็มิใช่น้อย กินวิตามิน พอกหน้า ทากันแดดและครีมบำรุงสม่ำเสมอ ฝ้าจะจางลง หน้าขาวใส ย้อนวัยไปหลายปีเชียวค่ะ



ที่มา ;www.telegraph.co.uk>women>women's health
http://healthylivinghowto.com/1/post/2013/07/adrenal-fatique-melasma.html.
http://www.medicinet.com/melasma/page-6htm.
www.skininc.com>treatment>facial treatment

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เคล็ดลับการเลือกรองพื้นให้สวยเป๊ะเวอร์


ก่อนอื่นต้องสำรวจตรวจตราผิวพรรณของตนเองเสียก่อนค่ะ
        
ขอเริ่มต้นที่ผิวมันก่อนใครเพราะตัวเองก็มีผิวมันมาแต่กำเนิดแถมเหงื่อเยอะอีกต่างหาก แป้งไม่เคยอ่านรีวิวต่างๆในโลกไซเบอร์แม้เพียงครั้งเดียวเหตุผลคือ ส่วนใหญ่คนที่มารีวิวมักจะมีผิวพรรณดีอยู่แล้ว ผิวธรรมดาถึงผิวเนียนละเอียด ทารองพื้นยี่ห้ออะไรเข้าไป ผิวจะสวยชุ่มฉ่ำอยู่แล้วแต่เราผิวมันขั้นเทพ ทารองพื้นที่ผสมน้ำมันเข้าไป อย่างดีก็ผิวผุดผาดได้แค่ชั่วโมงเดียว ความันเยิ้มจะปรากฏสู่มวลมหาประชาชนทุกครั้ง เฮ้อ!!ชีวิตนี้หากต้องออกไปข้างนอก พกซับมันไว้เถิด 

ไม่ว่าหญิงหรือชาย หากน้ำมันใต้ผิวผสมกับอากาศร้อนแบบเมืองไทยแถมเหงื่อนิดๆ รวมกันเป็นความหม่นเทาหมองอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งฤดูฝนพรำที่มากับอากาศชื้น พระเจ้า!! หน้าขึ้นเงาง่ายมากแถมเหนียวเหนอะหน้าอีกต่างหาก

 ในอดีตแป้งเคยใช้รองพื้นที่มีราคาถูกไม่ถึง 1000 บาท โอ้!! แป๊บเดียวเท่านั้น หน้าเงาเยิ้มแถมหลุดลอกเป็นคราบอีกต่างหาก ( ตอนนั้นยังไม่รู้จักอ่าน ingredient ) แต่พอใช้เคาน์เตอร์แบรนด์ แน่นอนว่า แพงระยับ แต่ขอบอก คุ้มค่ามากๆเพราะใช้เพียงน้อยนิดเกลี่ยแป๊บเดียว เนียนทั่วหน้า ต่างกับรองพื้นที่มีราคาถูก เวลาทาแป้งฝุ่นทับแลดูเหมือนจะไปเล่นงิ้วที่ไหน 
       

 โปรดจำไว้ว่า รองพื้นราคาถูกจะปกปิดดีกว่ารองพื้นราคาแพงแต่ความเนียนกริบสู้ไม่ได้นะคะ แถมเวลาเหงื่อออกจะเป็นคราบ บางทีถึงขั้นเปลี่ยนสีใบหน้าจากขาวสว่างเป็นหมองคล้ำในบัดดล จากเหงื่อ+น้ำมันใต้ผิว+สีของรองพื้น นั่นเอง  
       
 เวลาเดินผ่านสาวๆที่แต่งหน้า มองปร๊าดเดียว จะรู้เลยว่าใช้รองพื้นราคาประมาณเท่าไหร่เพราะความเนียนใสจะบ่งบอกพิกัดราคา สาวผิวมันเหมาะที่จะใช้รองพื้นชนิด liquid , oil -free ( ไร้น้ำมันเป็นส่วนผสม ) และมีความจำเป็นต้องใช้รองพื้นคุณภาพดี ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้อุดตันผิวเกิดสิวได้ง่าย พลิกดู ingredient ก่อนควักเงินซื้อสักนิด หากมีคำว่า mineral oil ( มักจะอยู่ลำดับต้นๆหาไม่ยากค่ะ ) กรุณาวางไว้ที่เดิมเลยค่ะเพราะหน้าจะมันยิ่งกว่าไข่เจียวแถมสิวระเบิดมาให้เสียด้วย ไม่คุ้มกับการรักษาสิวแม้แต่น้อย

 ขอย้ำอีกครั้งว่าเครื่องสำอางที่ผลิตในเกาหลีอุดมไปด้วยน้ำมันธรรมชาติชนิดต่างๆ จากเหตุผลที่บ้านเค้ามีภูมิอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ถ้าไม่มีน้ำมันมาโอบอุ้มผิวเพิ่ม ผิวสาวจะเหี่ยวก่อนวัยแน่แท้ แป้งเคยพลิกอ่านส่วนผสมหลายแบรนด์ของเกาหลี ไม่เจอ mineral oil แต่มักจะผสมน้ำมันสกัดจากธรรมชาตินานาชนิด เป็นที่มาของการอุดตันรูขุมขน ซึ่งในสาวผิวมันมีรูขุมขนกว้างอยู่แล้ว ไม่น่าแปลกใจที่จะมีคนเดินเข้าคลีนิครักษาสิวเป็นว่าเล่น       
      
  หากคุณไม่ได้มีผิวแห้ง หมดสิทธิ์ใช้เครื่องสำอางที่มาจากเกาหลีค่ะ  
             
 โปรดทราบไว้ว่า รองพื้นชนิด oil-free เมื่อเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง ถึงแม้จะไม่มีส่วนผสมของน้ำมันก็ตามที น้ำมันตามธรรมชาติในรูขุมขนจะขับออกมาอยู่ ไม่มีทางเลี่ยงได้เลยพอมาเจอกับเหงื่อจากอากาศร้อนอีก ความเยิ้มตามมาอยู่ดีค่ะ เป็นความลำบากของสาวผิวมันที่ต้องคอยส่องกระจก พกซับมันตลอดเวลา ดีกว่าหน้าเงาหมองเป็นไหนๆ       
      
  ทีนี้มาถึงผิวแห้งกันบ้าง ผิวประเภทนี้มักจะโชคดีที่มีรูขุมขนเล็กละเอียด ยิ่งเชื้อสายจีนด้วยแล้ว หน้าแทบไม่มีรูขุมขน เนียนอะไรปานนั้น ทั้งนี้เกิดจากรหัสพันธุกรรมซึ่งเป็นตัวกำหนดสีผิวและลักษณะรูขุมขน 

ธรรมชาติช่างสรรค์สร้างเสียจริง ควรเลือกรองพื้นชนิดครีมบรรจุในกระปุกเพราะมีส่วนผสมของน้ำมันปริมาณมาก พอทาลงบนใบหน้า ความเนียนใสมาเห็นๆ แต่นั่นแหละค่ะ หากรองพื้นราคาไม่แพง หน้าจะแลดูหนาแต่ปกปิดได้ดีทีเดียว โอกาสเกิดสิวผิวอุดตันมีน้อยมากๆ เพราะฉะนั้นสามารถเลือกรองพื้นยี่ห้อใดก็ได้ ไม่ว่าถูกหรือแพง ไม่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำมากวนใจเลยเพราะผิวแห้งจะไม่มีน้ำมันตามธรรมชาติขับออกมารวมกับเหงื่อ สีรองพื้นจึงไม่ดร็อประหว่างวัน

 หากเลือกรองพื้นราคาแพง ส่วนผสมจะคุณภาพดี ผิวจะเนียนบางใสกริบ ไม่โบ๊ะ ติดทนเช้าจรดค่ำเชียว เป๊ะเวอร์!!       
      

  ผิวผสม อันนี้อยู่ระหว่างผิวแห้งและผิวมัน ดังนั้นเลือกรองพื้นชนิด liquid ,oil-free ตามผิวมันจะดีกว่าเพราะช่วงทีโซนมีความมันเป็นที่ตั้ง หากอยากได้ลุคใสๆ หน้าไม่วอกหรือลอยมาแต่ไกล มองหาเคาน์เตอร์แบรนด์นิดนึงหรือรองพื้นเกรดพอใช้ราคาไม่ถึงครึ่งพันก็เอาอยู่ บ้านเราอากาศร้อนทุกช่วงเวลา ไม่ว่าเช้า สาย บ่าย เย็น รองพื้นคุณภาพสูงแค่ไหน ไม่สามารถคุมน้ำมันตามธรรมชาติที่มาจากรูขุมขนได้นะคะเพียงแต่จะเสกผิวหม่นหมองให้กลายเป็นเนียน กระจ่างใสในพริบตา เรื่องมันเยิ้มตามมาเป็นปกติอยู่แล้วค่ะ       
      

 จากการสังเกต รองพื้นฝั่งเกาหลีจะมีความขาววอกมากกว่าฝั่งญี่ปุ่นที่เน้นขาวธรรมชาติ ใครชอบขาวแบบไหนก็เลือกตามสะดวกเถิด       
      

 อย่างไรก็ดีเลือกรองพื้นตามสภาพผิวและที่สำคัญเหมาะสมกับงบประมาณในกระเป๋าด้วยนะคะ

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม