บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สารต้านอนุมูลอิสระมีความสำคัญแค่ไหนกับร่างกาย ตอนที่1


ทุกลมหายใจเข้าออก ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้น ร่างกายมนุษย์ใช้สารต้านอนุมูลอิสระที่แตกต่างกันในการควบคุมอนุมูลอิสระ
จำแนกเป็น 2 ชนิดคือ
1.สารต้านอนุมูลอิสระภายใน ( ผลิตได้เองในร่างกาย )
2.สารต้านอนุมูลอิสระภายนอก ( จากการบริโภคอาหารและแหล่งอื่นๆ )
ซึ่งอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นโมเลกุลที่สามารถทำลายเซลล์โดยไม่อาจควบคุมได้ ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าใด สารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสร้างโดยธรรมชาติเพื่อควบคุมโมเลกุลที่พร้อมทำลายล้าง ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่ออนุมูลอิสระสะสมในร่างกาย ร่างกายของเราจะเสื่อมสภาพลง ความชราจะมาเยือนเร็วขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงต่อทุกอย่าง ตั้งแต่จุดด่างดำ ริ้วรอยไปจนถึงโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาได้

ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระ

1.ชะลอกระบวนการชรา
2.ลดระดับ cholesterol
3.ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว
4.ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคเส้นโลหิตในสมองตีบ
5.ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งทุกชนิด
6.ช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ( ความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ ) 
7.ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกต่างๆ
8.ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษที่อาจก่อมะเร็ง
9.ปกป้องดวงตาจากโรคจอประสาทตาเสื่อมซึ่งเป็นสาเหตุของการตาบอดในผู้สูงอายุ
10.ช่วยป้องกันโรคปอดเรื้อรังต่างๆเช่น โรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ ถุงลมโป่งพอง
11.เป็นเกราะป้องกันมลพิษจากสิ่งแวดล้อม
12.ย้อนอายุผิวและความเยาว์วัยได้ 5-10 ปี

ในโลกของวิตามิน มีวิตามินหลายชนิดที่จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระพื้นฐาน สารต้านอนุมูลอิสระชั้นสูงและสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ไม่มีใครหยุดยั้งความชราได้ นอกจากชะลอวัยให้
ช้าลงโดย

1.เลือกกินอาหารที่อุดมไปด้วยผักและผลไม้สด 
2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเป็นยาอายุวัฒนะแต่ต้องมีขีดจำกัด การออกกำลังกายที่มากเกินไปในระยะยาว สามารถเร่งการเกิดริ้วรอยได้เช่นกัน เนื่องจากร่างกายอยู่ภายใต้ความกดดันขณะออกกำลังกาย คอร์ติซอล ( ฮอร์โมนแห่งความเครียด ) ถูกปล่อยออกมาเมื่อมีระดับความเครียดสูงในร่างกาย ภาควิชาสรีรวิทยา มหาวิทยาลัยวาเลนเซีย ระบุว่า การออกกำลังกายอย่างหนักทำให้เกิดการผลิตของอนุมูลอิสระจากเซลล์และอนุมูลอิสระเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสียหายระดับเซลล์ 
3.พักผ่อนให้เป็นเวลา อย่านอนดึก ส่งผลให้ระดับภูมิต้านต่ำ ความเจ็บไข้ได้ป่วยจะมาเยือนได้ง่ายมาก
4.ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป ระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้นจะสวนทางกับระดับสารต้านอนุมูลที่ลดลง นานวันเข้าภาวะความเครียดสูงจะนำไปสู่ความเหนื่อยล้า เจ็บป่วย เสื่อมสมรรถภาพ ภาวะซึมเศร้า นอนไม่หลับ สูญเสียความทรงจำ รวมถึงริ้วรอยก่อนวัยอันสมควร 
5.มองโลกในแง่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตที่ช่วยเพิ่มระดับภูมิต้านทานในร่างกายได้เป็นอย่างดีรวมถึงเลือกกินวิตามินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ ซึ่งจะกล่าวถึงใน blog หน้าค่ะ








ที่มา ; Vitamin bible

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิตามินแต่ละรูปแบบแตกต่างกันอย่างไร


วิตามินที่เรากลืนกินทุกวันนี้ มีหลากหลายรูปแบบเหลือเกิน เลือกแทบไม่ถูกเพราะไม่รู้ข้อมูลที่ถูกต้องว่า วิตามินรูปแบบไหนดีกว่ากัน เยอะแยะไปหมด บางคนถึงกับงงเลยทีเดียว แป้งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการคัดสรรและเลือกเฟ้นวิตามินในรูปแบบต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
รูปแบบวิตามินทั้งหมดมีดังนี้

1.เม็ดอัด ( tablet ) ประกอบด้วยส่วนของสารออกฤทธิ์,สารเพิ่มปริมาณ,สารหล่อลื่น เพื่อให้แตกตัวในระบบทางเดินอาหาร เป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยและสะดวกที่สุด ง่ายต่อการพกพา สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานกว่าแบบผงหรือแบบน้ำ

2.แคปเลต ( caplet ) เป็นเม็ดเคลือบที่มีรูปร่างเหมือนแคปซูล มีการเคลือบด้านนอกอีก 1-3 ชั้นเพื่อให้แตกตัวในลำไส้เล็ก โดยที่จะไม่แตกตัวในกระเพาะอาหารซึ่งมีความเป็นกรดสูง ตัวอย่างเช่น ยาแก้ปวด-ลดไข้ ชื่อ ไทลินอล ที่มีรูปทรงยาวรี สีขาว นั่นแหละเรียกว่า caplet ค่ะ

3.แคปซูล ( capsules ) แคปซูลมีลักษณะเหมือนเป็นภาชนะ ที่บรรจุวิตามินอยู่ภายในและเป็นภาชนะที่รับประทานได้เพราะผลิตจากคอลลาเจนของผิวหนังหรือกระดูกสัตว์เรียกว่าเจลาติน ( Gelatin ) แคปซูลแบ่งเป็น 3 ชนิดคือ

3.1 แคปซูลแข็ง ( Hard Gelatin Capsules ) จะผลิตแคปซูลออกมาก่อนมี 2 ส่วนคือตัวแคปซูลและฝาปิดเมื่อบรรจุวิตามินแล้วก็จะนำตัวและฝามาเชื่อมต่อกัน เช่น ALA, grape seed pycnogenol ฯลฯ ควรเก็บให้พ้นแสง ในที่เย็นและแห้งเพื่อป้องกันการออกซิเดชั่น ( โมเลกุลของออกซิเจนที่ไม่เสถียร เรียกว่าอนุมูลอิสระ เช่น เหล็กเมื่อทิ้งไว้นานๆจะเป็นสนิม นั่นเอง )

3.2 แคปซูลนิ่ม ( Soft Gelatin Capsules ) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า soft gel แคปซูลประเภทนี้จะผลิตเปลือกแคปซูลและบรรจุยาไปพร้อมกันเลย แคปซูลที่ได้มีลักษณะเป็นเฮอร์มาติกซีล ( Hermatic Sealed ) ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือ เป็นสูญญากาศ น้ำและอากาศผ่านไม่ได้ ซอฟต์เจล ( soft gel ) เป็นแคปซูลเจลาตินแบบนุ่มซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกกลืนง่ายกว่าแคปซูลปกติ ต้องผ่านกระบวนการในระบบย่อยอาหาร จึงออกฤทธิ์ได้ช้ากว่าแบบน้ำหรือแบบผง แต่มีราคาสูงกว่าแบบเม็ดหรือแคปซูลแข็งเนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเฉพาะอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในกระบวนการผลิตเพื่อให้ดูดซึมสารอาหารได้ดีในลำไส้เล็กอีกทั้งทนทานต่อสภาพอากาศและความชื้นได้ดี ตัวอย่างแคปซูลประเภทนี้ได้แก่ lyc-o-mato ,Q10 วิตามิน เอ ดี อี เค ฯลฯ 
3.3 แคปซูลมังสวิรัตน์ ( veggie capsules ) ปราศจากส่วนประกอบที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ แป้ง น้ำตาลและสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ทำมาจากเซลลูโลสและเส้นใยอาหารจากพืชซึ่งมีความทนทานต่อปัญหาการติดเชื้อราและแบคทีเรีย สามารถเก็บในห้องที่มีอุณหภูมิสูงได้ โดยไม่ละลายหรือเกาะติดกัน ไม่มีผลกระทบจากอากาศเย็นและแห้ง ซึ่งส่งผลให้แคปซูลแบบเจลาตินเปราะ มีราคาแพงกว่าแคปซูลปกติมาก จึงส่งผลให้วิตามินที่ผลิตจากแคปซูลชนิดนี้มีราคาสูงกว่าแบบอื่น

4.แบบผง ( powder ) จะมีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์เพียงอย่างเดียว ไร้สิ่งอื่นใดเจือปนและมีปริมาณของวิตามินสูงกว่าทุกแบบ เช่น 1 ชช.ของวิตามินซีหลายยี่ห้อ มีปริมาณวิตามินซีถึง 4000 มิลลิกรัม รวมถึงข้อได้เปรียบของการปราศจากสารปรุงแต่ง ตัวนำยาหรือสารอื่นๆที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ มีข้อเสียคือ โดนอากาศและความชื้นง่ายที่สุด จะต้องรีบรับประทานต่อเนื่องให้หมดโดยเร็ว มิฉะนั้นผงจะเกาะกันเป็นก้อน แต่ถ้าบรรจุในขวดแก้ว จะเก็บรักษาคุณภาพวิตามินได้นานขึ้นกว่าขวดบรรจุพลาสติก

5.แบบของเหลว ( liquid ) ใช้สำหรับชงผสมกับเครื่องดื่มต่างๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถกลืนเม็ดแคปซูลหรือเม็ดยาได้ มีข้อดีคือ มีความเข้มข้นสูง ใช้เพียงไม่กี่หยด ปริมาณวิตามินที่ได้รับจะมากกว่าแบบเม็ดหลายเท่าตัวแต่วิตามินส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเป็นลักษณะนี้มากนัก

6.สเปรย์ในปาก ( mouth spray ) ส่งผ่านสารอาหารความเข้มข้นต่ำเข้าสู่ช่องปากส่วนกระพุ้งแก้มโดยตรง สารอาหารจะไม่ผ่านระบบย่อยอาหารและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางเยื่อบุภายในเวลาประมาณ 15 นาที

7.เม็ดอมใต้ลิ้น ( sublingual ) เป็นแบบเม็ดละลายใต้ลิ้น เนื่องจากบริเวณใต้ลิ้นมีหลอดเลือดฝอยเล็กๆมากมาย เมื่อยาละลายจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว ยาจึงออกฤทธิ์ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น 

8.แผ่นปิดและแบบฝังใต้ผิวหนัง จะให้สารอาหารในปริมาณที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง การปลดปล่อยตัวยาในรูปแบบนี้จะทำให้มีระดับยาในเลือดคงที่สม่ำเสมอมากกว่าการรับประทานยาทางปาก

เข้าใจตรงกันนะคะ

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ประกาศจาก Jabushe shop

เนื่องด้วยร้านจาบูชิ  ( Jabushe )จำหน่ายเครื่องสำอางนำเข้าจากสวีเดน ยี่ห้อ Jabushe และเครื่องสำอางนำเข้าจากไต้หวันยี่ห้อ zoe' ได้ทำการย้ายร้านเนื่องจากหมดสัญญาเช่ากับเดอะมอลล์ ในวันที่ 27 . 58

Tel.081-845-3461 ( กรุณาสอบถามเส้นทางเพื่อความสะดวกของลูกค้าค่ะ )

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

MSM ''แร่ธาตุแห่งความงดงาม'' ปรับผิวให้สว่างกระจ่างใส


MSM อาจชื่อไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตาสาวกวิตามินเท่าไหร่นัก แต่ในต่างประเทศเรียกได้ว่า เป็นที่นิยมเลยค่ะ

MSM ย่อมาจาก methyl-sulfonyl-methane เป็นกำมะถันที่พบตามธรรมชาติในความหลากหลายของผลไม้และผักที่มีความสดใหม่ อาหารทะเล นมวัว เนื้อสัตว์แต่มักถูกทำลายด้วยการแปรรูปอาหารเช่น ความร้อน 
กำมะถันเป็นส่วนประกอบทางโภชนาการธรรมชาติและจำเป็นอย่างยิ่งในร่างกายมนุษย์ พบได้ในทุกเซลล์ของมนุษย์ มีโครงสร้างและหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องถึง 150 สารรวมถึงฮอร์โมน,enzyme,antibody,สารต้านอนุมูลอิสระ พบจำนวนมากในกล้ามเนื้อ ผิวหนัง ผม เล็บ ระดับที่เพียงพอของกำมะถันในของร่างกายจะส่งเสริมให้ผิวกระจ่างใสและผมสลวยสวยงาม ดังนั้นกำมะถันจึงมีอีกชื่อว่า "แร่ธาตุความงาม" 

อย่างไรก็ตามมีงานวิจัยพบว่าคนส่วนใหญ่ขาดกำมะถันตามอายุที่เพิ่มขึ้น กำมะถันในร่างกาย
มนุษย์จะเป็นรูปแบบเกลือซัลเฟตถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดแล้วข้าม blood brain barrier ( ความสามารถในการซึมผ่านเส้นเลือดฝอยขนาดจิ๋วในสมอง ) ละลายน้ำได้ ไม่มีผลกระทบในระยะยาวในมนุษย์กำมะถันเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของโปรตีน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันโดยเฉพาะคอลลาเจนและเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกอ่อน

ในระดับโมเลกุล กำมะถันมีความเกี่ยวเนื่องกับความยืดหยุ่นระหว่างเซลล์ ส่งผลโดยตรงกับการเกิดริ้วรอย ประมาณครึ่งหนึ่งของกำมะถันในร่างกายจะสะสมในกล้ามเนื้อ ผิวหนังและกระดูก เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเคราติน ( ส่วนประกอบของโปรตีนที่พบในผิวหนัง ผม เล็บ ) 
ส่วนใหญ่ผู้คนจะรู้จัก MSM เกี่ยวข้องกับกระดูกและข้อ เช่น ลดอาการปวดข้อต่อต่างๆ บรรเทาไขข้ออักเสบ ในความเป็นจริง MSM มีดีกว่าที่เราคิดมากมาย มาดูกันเลยค่ะ

มีประโยชน์อย่างไร
1.บำรุงผมให้สลวย มีน้ำหนัก เงางามเล็บแข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย
2.บรรเทาอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ไขข้ออักเสบ ปวดตามข้อต่างๆได้ดี
3.ลดการอักเสบทั่วร่างกาย
4.ขจัดสารพิษออกจากร่างกายได้ดีและช่วยให้ตับทำลายสารพิษอย่างรวดเร็ว
5.เพิ่มระดับภูมิต้านทาน
6.ลดการเกิดแผลเป็นต่างๆ
7.ปรับผิวพรรณให้สว่างสดใส
8.ลดอาการภูมิแพ้
9.ลดสิวในวัยผู้ใหญ่
10.บรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน
11.ลดการสร้างเม็ดสีในผิวหนังและเพิ่มกลูต้าไทโอนภายในเซลล์
12.ซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากแสงแดด มลพิษต่างๆ
13.ช่วยรักษาความสมดุลของความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย
14.เป็นองค์ประกอบสำคัญของอินซูลินซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต 
15.เพิ่มพละกำลังให้ร่างกาย ทนต่อความเครียดและความเหนื่อยล้าจากชีวิตประจำวันได้ดี

MSM ที่ดีมีคุณภาพสูง ต้องมีความบริสุทธิ์ 99.9 % หากผลิตในประเทศจีนจะผ่านการตกตะกอน ส่งผลให้มีคุณภาพไม่ค่อยดี แต่ถ้าผลิตในอเมริกา จะมีกรรมวิธีการกลั่น ส่งผลให้ MSM มีคุณภาพสูงขึ้น

แป้งเลือกกิน MSM ยี่ห้อ Jarrow formulas 1000 mg ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น เพื่อหวังผลในการลดอาการปวดข้อเท้าและบำรุงผมที่เสียจากการทำสีให้นุ่มสลวยแต่สิ่งที่ได้มาเหนือความคาดหมายคือ ผิวเรียบเนียน หน้าเด้งทาแป้งติดหน้าดีมากซึ่งจะพบไม่ได้ในคนที่มีผิวมันเป็นทุนเดิม ในชีวิตของสาวผิวมันอย่างแป้ง ใบหน้าเรียบเนียน หน้าใสเด้งก็ช่วงทำเลเซอร์เท่านั้น แต่ทุกวันนี้แปลกใจสุดๆแถมมีพลังที่เพิ่มขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย หน้าตาผ่องใส รอยแผลจางลงเร็วซะด้วย ดีเลิศประเสริฐศรีอย่างนี้ จัดไปค่ะ

ในต่างประเทศ นิยมใช้รักษาฝ้าโดยมีสูตรดังนี้.... เอ!! ว่าแต่ว่าเรามาทำความรู้จักคำว่า " ฝ้า " ให้ลึกซึ้งกันก่อนดีกว่า วันนี้พอแค่นี้ก่อน พบกันอีกที ตอนหน้านะคะ






             

ที่มา ;
1.www.Iamperfecthealthy.com/MSM.Htm.
2.www.detoxtrading.com/msm.powder.htm
3.skinreverse.com/msm4.www.webmd.com/.../ingredientmono-
522-msm%20

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ชะเอมเทศ ( licorice ) สุดยอดสมุนไพรบรรเทาอาการไอ แผลในปากและรักษากรดไหลย้อน


                  เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายคนเรามักเสื่อมโทรมจากวัยที่มากขึ้นประกอบกับความเครียดและมลพิษรอบตัวเยอะไปหมด การกินวิตามินช่วยได้ระดับหนึ่งดีกว่าจะปล่อยให้ร่างกายทรุดโทรมตามกาลเวลา บางโรคเช่น กรดไหลย้อน กระเพาะอาหารอักเสบ แผลในปาก มักจะสร้างความทุกข์ทรมานแก่ผู้ป่วยไม่น้อย การกินยาแผนปัจจุบันเพื่อช่วยบรรเทาเบาบางลงได้ แต่ไม่หายขาดเลยทีเดียว หากมีสมุนไพรที่มีสรรพคุณเลิศเลอทดแทนยาได้ จะดีมั๊ยน๊า ลองมาทำความรู้จักวิตามินตัวนี้ดูนะคะ
                  ชะเอมเทศ ( licorice ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า glycyrrhiza glabra มีประวัติศาสตร์อันยาวนานทางยาในยุโรป ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในสมัยกรีกโบราณรวมถึงประเทศจีนและอียิปต์ รักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ บรรเทาอาการไอและโรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้น
คำว่า "ชะเอม" มาจากภาษากรีกโบราณหมายถึง รากหวาน
                  ชะเอมมีรสชาติค่อนข้างหวาน มีถิ่นกำเนิดในยุโรปตอนใต้และบางส่วนของเอเชีย มีรสหวาน 30-50 เท่าของน้ำตาล 

                  ชะเอมเติบโตได้ดีที่สุดในบริเวณหุบเขาลึก เนื้อดินดี แสงอาทิตย์สาดส่องตลอดเวลา มีการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง
                  ประเทศที่ผลิตชะเอมคือ อิหร่าน อัฟกานิสถาน จีน ปากีสถาน อิรัก อาเซอร์ไบจัน อุเบกิสถาน เติร์กเมนิสถานและตุรกี

                  มีประโยชน์อย่างไร
1.บรรเทาและรักษาโรคกรดไหลย้อนโดยที่ไม่ต้องกินยาแผนปัจจุบัน
2.ป้องกันและบรรเทาแผลในปากหรือร้อนในได้อย่างชะงัด สาเหตุของ"ร้อนใน" ไม่ทราบชัดเจน แต่ปัจจัยที่มักจะก่อให้เกิด ความเครียด เหนื่อยล้า การนอนดึก การกัดโดน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การมีประจำเดือน การแพ้อาหาร ปกติจะไม่มียาชนิดใดที่ช่วยลดอาการแผลในปากเว้นแต่จะเป็นยาป้ายปากซึ่งมีผสมยาชา ทำให้ลดอาการเจ็บปวดได้บ้าง แผลในปากมักหายไปได้เอง 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้ากินสารสกัดจากชะเอมเป็นประจำ เตรียมโบกมือบ๊ายบายแผลร้อนในได้เลย
3.บรรเทาอาการหอบหืด
4.รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ชะเอมเทศไม่ได้ลดกรดในกระเพาะอาหารเลยทีเดียวแต่จะช่วยลดความเสียหายต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารด้วยการกระตุ้นให้เยื่อบุทางเดินอาหารป้องกันตัวเองจากกรดในกระเพาะอาหารได้ดีมากโดยที่เราไม่ต้องกินยาลดกรดหรือยาเคลือบกระเพาะอาหารแม้แต่เม็ดเดียวเลย
5.ช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์เยื่อบุทางเดินอาหารและเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีในระบบทางเดินอาหาร สามารถลดความเสียหายที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหาร จากการศึกษาในไอร์แลนด์ พบว่า สารสกัดจากชะเอมดีกว่ายาเคลือบกระเพาะ ชื่อ Tagamet สำหรับผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารอักเสบเสียอีก
6.บรรเทาอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โดยจะกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน CD4 มีหน้าที่ส่งเสริมภูมิคุ้มกันและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อโรคและ CD8 มีหน้าที่ทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม อีกทั้งยับยั้งการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันเมื่อหมดความจำเป็นแล้วเพราะอาจเกิดความเสียหายต่อร่างกายจากการทำงานที่มากเกินไปของภูมิคุ้มกันในพื้นที่หลอดลม
7.บรรเทาอาการจุกเสียด อาหารไม่ย่อย
8.ส่งเสริมภูมิคุ้มกันโดยส่งเสริมระดับของ interferon ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อกำจัดเชื้อก่อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อไวรัส ร่างกายมนุษย์สร้างขึ้นสำหรับเอาไว้ต่อสู้กับการติดเชื้อที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย
9.ลดโอกาสการติดเชื้อจากแบคทีเรียหรือไวรัส
10.ต้านโรคภูมิแพ้ชนิดต่างๆเช่น เยื่อบุตาอักเสบ โพรงจมูกอักเสบ
11.ในต่างประเทศ นิยมใช้ร่วมกับโสมชนิดต่างๆเพื่อปรับปรุงการทำงานของต่อมหมวกไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้รับสเตีรอยด์เป็นเวลานาน สเตียรอยด์มีแนวโน้มกดการทำงานของต่อมหมวกไต ( ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนที่สำคัญควบคุมการตอบสนองของร่างกายต่อความเครียด )
12.มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกันกับ phytoestrogen ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
13.ปรับร่างกายให้ทนต่อสภาวะเครียดได้ดี
14.บรรเทาความรุนแรงอาการเจ็บคอ ลดการผลิตเสมหะในหลอดลม
15.ลดอาการไอและบรรเทาอาการไอเรื้อรัง
16.เพิ่มพลังงานให้กับร่างกายโดยเฉพาะผู้เป็นโรคต่อมหมวกไตล้า ซึ่งมักจะมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่ว่าจะนอนพอหรือไม่ก็ตาม

หมายเหตุ ; อาจก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง บวมน้ำ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคหัวใจ ไตและความดันโลหิตสูง

                    เนื่องจากแป้งเป็นคนอีสานโดยกำเนิด มักจะชอบกินอาหารรสเผ็ดจัดจ้าน พริกไม่ต่ำกว่า 10-15 เม็ด มาตลอด เพิ่งจะรู้สึกตัวว่า พักหลังกินส้มตำเผ็ดๆหรืออาหารรสจัด มักมีอาการแสบท้องแสบไส้พอควร น่าจะเป็นเพราะกระเพาะอาหารทนต่อความเผ็ดได้ลดลง ไม่อยากกินยาเคลือบกระเพาะ เลยลองกิน licorice ( DGL ) 500 mg ยี่ห้อ nature's plus แค่ไม่กี่สัปดาห์ พบว่า อาการปวดแสบร้อนดีขึ้นทันตาเห็น รู้สึกราวกับว่า มีพลังวังชาเพิ่มขึ้น ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แถมภูมิต้านทานก็สูงขึ้นมหาศาลเทียบจากอากาศหนาวเย็น คนอื่นๆจะเป็นไข้หวัด ภูมิแพ้กำเริบ แต่แป้งกลับไม่เป็นอะไรกับใครเค้าเลย ชอบที่สุดก็ตรงนี้แหละ ของเค้าดีจริงๆ


หาซื้อได้ที่ www.vitaminvillage.weloveshopping.com
tel.061-742-9944
line ; 0617429944








ที่มา ;
en.wikipedia.org/wiki/licrice
www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/natural 1881.htm
umm.edu/health/medical/altmed/herb/licorice
www.herbwisdom.com/herb-licorice-root.html
www.healthline.com>drug A-Z
health.howstuffworks.com>....> Herbal Remedies.


วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เหนื่อยนัก ควรหาเวลาพักเสียบ้าง

 
เคยบ้างมั๊ย เวลาที่เรานั่งรถนานๆหลายชั่วโมง พอถึงที่หมายปลายทางจะอ่อนเพลียสุดๆ แต่ความเหนื่อยอ่อนล้ามักไม่เกิดในกรณีที่เราไปท่องเที่ยว เหตุเพราะจิตใจเรามัวแต่ตื่นเต้น แปลกหูแปลกตาที่ไปพบเจอสถานที่ใหม่ๆ แตกต่างจากบ้านและที่ทำงานเดิมๆ คนเราควรหาโอกาสและเวลาว่างไปพักผ่อนในที่สงบเงียบ อากาศบริสุทธิ์ หายใจได้เต็มปอด เป็นการชาร์ตพลังให้เติมเต็มเพื่อต่อสู้กับระดับความเครียดที่มีในร่างกาย หากมีเวลาไม่มากนัก การออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ขยับแข้งขาให้ออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ เลือดสูบฉีดเต็มพิกัด ความสดชื่นกลับคืนมาเห็นๆ หากใครไม่มีเวลาพอที่จะออกกำลังกาย ลองปรับจิตใจให้มองโลกในแง่ดี รู้จักให้อภัยคนอื่น ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าความสงบภายในจิตใจ รู้จักปล่อยวาง ดำรงชีวิตอยู่ในความพอดี แค่นี้ก็เป็นสุขมากแล้วค่ะ

รู้หรือไม่ว่า ในเครื่องยนต์ของรถยนต์จะสามารถปั๊มออกซิเจนจากอากาศภายนอกมีค่า 20.94% หรือ 21% แต่ต้องอยู่ในสภาวะที่สตาร์ทเครื่องยนต์ไว้ตลอดเวลานะคะ

ปกติออกซิเจนที่อยู่ในชั้นบรรยากาศทั่วไปจะประกอบด้วย ก๊าซอื่นๆ เช่น ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ แต่ต้องมีปริมาณออกซิเจนไม่น้อยกว่า 21% และไม่ควรอยู่ในสถานที่ออกซิเจน ต่ำกว่า 19%

ร่างกายของมนุษย์จะมีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลง เมื่อปริมาณออกซิเจนในอากาศที่เปลี่ยนไป เช่น

หากในอากาศมีออกซิเจนต่ำกว่า 17% จะเริ่มรู้สึกหัวใจเต้นแรง หายใจเร็วถี่ขึ้น

หากในอากาศมีออกซิเจนต่ำกว่า 15% จะเริ่มเวียนศีรษะ ตาพร่า

หากในอากาศมีออกซิเจนต่ำกว่า 6-10% สามารถทำให้หมดสติได้

หากในอากาศมีออกซิเจนต่ำกว่า 6% จะทำให้หายใจกระตุกและเกิดภาวะหัวใจวาย

กรณีที่ทำให้ปริมาณอากาศมีออกซิเจนต่ำลงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ มักเป็นสถานที่อากาศถ่ายเทไม่ได้ คับแคบ ลึก หรือ มีก๊าซเข้ามาแทนที่ออกซิเจน เช่น
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่เหลือหลังจากระเบิดจุดชนวนและเครื่องยนต์ดีเซล ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นพิษต่อร่างกาย เมื่อสูดดมอย่างรวดเร็วจะจับฮีโมโกลบินในเลือด จะลดความสามารถในเลือดที่จะนำออกซิเจนไปทั่วร่างกาย

ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์เป็นก๊าซพิษอย่างมากต่อร่างกายมนุษย์ ถูกผลิตขึ้นจากการระเบิดของวัตถุระเบิดและพบในไอเสียเครื่องยนต์ดีเซล มันเป็นก๊าซไม่ติดไฟที่หนักกว่าอากาศ


เพิ่งจะค้นพบว่า ตนเองเป็นพาหะของธาลัสซีเมีย โรคนี้จะเกี่ยวข้องกับการลดความสามารถของฮีโมโกลบินที่จะนำออกซิเจนไปใช้ทั่วร่างกาย มีผลทำให้อ่อนเพลียเหนื่อยง่าย กว่าคนทั่วไป มิน่าล่ะ !! เวลาที่เข้าไปห้องลองเสื้อในห้างสรรพสินค้าทีไร แป้งจะรู้สึกเวียนหัว อึดอัดพิกล หรือช่วงเวลาที่ไปยืนเบียดเสียดยัดเป็นปลากระป๋องในรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยเฉพาะช่วงนาทีทองของคนเลิกงาน ต่างคนต่างรีบร้อน แค่เพียง 3-4 สถานี แป้งจะเวียนหัวแทบยืนไม่อยู่เลยค่ะ เป็นเพราะในรถไฟฟ้ามีออกซิเจนต่ำกว่า 19% นี่เอง ( เมื่อมีคนจำนวนมากรวมกันอยู่ที่คับแคบและในช่วงเวลาเดียวกัน ย่อมต้องแย่งอากาศกันหายใจเป็นเรื่องปกติ )

 นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดกับแป้งเมื่อ 4-5 ปีก่อน แต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้วนะคะ สามารถลองเสื้อในห้องลองเสื้อที่เล็ก แคบได้สบาย ไม่มีอาการเวียนหัวแต่อย่างใด ทั้งๆที่วัยได้สูงขึ้น เหตุผลเดียวคือ วิตามินชะลอวัยที่แป้งได้กินสม่ำเสมอมาเกือบ 2 ปี เพิ่มภูมิต้านทานและเพิ่มพลังชีวิตได้จริงๆด้วย ยิ่งออกกำลังกายเป็นประจำ กินผักผลไม้สด ไม่นอนดึก มองโลกในแง่ดีด้วยแล้ว ชีวิตนี้แฮปปี้สุดๆ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิตามินเพิ่มพละกำลัง ต่อต้านความชรา ย้อนเวลาแห่งชีวิต


                  คนเราเวลาอายุมากรวมถึงหน้าที่การงานสูงขึ้น มักมีภาระและความรับผิดชอบมากดุจเงาตามตัว เป็นความท้าทายของชีวิตเหลือเกิน การกินอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายไม่เพียงพออีกต่อไป แป้งจะต้องหาตัวช่วยเพิ่มอีกซะแล้ว เมียงมองไปมา เอ!! กินวิตามินอะไรเพิ่มดีน๊า เพราะงานยุ่งวุ่นวายรังแต่จะเพิ่มความกดดัน,ความเครียดถาโถมไม่รู้ตัว กลัวว่าวันหนึ่งทำแต่งานเงยหน้าขึ้นมา อ้าว!! ทำไมแก่ชราเช่นนี้ ไม่ได้การละ ต้องจัดวิตามินเพิ่มพละกำลังให้ร่างกายและสมองอีกสักตัว คงจะดีไม่น้อย

                  ฮอร์โมนคอร์ติซอล ( cortisol ) หรือเรียกว่า ฮอร์โมนแห่งความเครียด ระดับคอร์ติซอลที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อทุกระบบทางสรีรวิทยาในร่างกายรวมถึงต่อมไทรอยด์และต่อมหมวกไต มันสามารถทำให้เรามีความสุขและหงุดหงิด นำไปสู่ความเมื่อยล้า น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น สูญเสียมวลกระดูก โรคเบาหวาน โรคไต เวลาที่เรามีความเครียด ความดันโลหิตจะสูงขึ้นและน้ำย่อยในกระเพาะอาหารจะทำงานลดลง จะส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นั่นเอง

                  ผลข้างเคียงของฮอร์โมน cortisol ที่สูงขึ้นเรื้อรัง อาจนำไปสู่
1.ความวิตกกังวล
2.SLE
3.มะเร็ง
4.ความเมื่อยล้าเรื้อรัง
5.ไข้หวัด
6.ความไม่สมดุลของฮอร์โมน
7.ลำไส้แปรปรวน
8.ไทรอยด์
9.น้ำหนักลด

                  Adaptogen เป็นสมุนไพรปรับสมดุลของร่างกาย เพิ่มความสามารถในการปรับตัวรับมือกับความเครียดรวมถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและรักษาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรวมถึงรักษาเสถียรภาพในกระบวนการสรีรวิทยา เป็นที่นิยมมากในเอเชีย ปีค.ศ 1940 นักวิทยาศาสตร์ตะวันตกได้เริ่มศึกษาความเป็นมาของสมุนไพรเหล่านี้ ซึ่งชาวเอเชียบริโภคโสมเป็นพันๆปีเป็นยาชูกำลังแม้กระทั่งชาวพื้นเมืองอเมริกันยังบริโภคโสมสายพันธุ์อเมริกาเลยนะคะ

                  มีส่วนผสมชั้นเลิศ ดังนี้
1.Rhodiola rosea ( โสมทิเบต ) เป็น adaptogen ที่เปี่ยมศักยภาพในการระงับการผลิต cortisol ( ฮอร์โมนแห่งความเครียด ) และเพิ่มระดับโปรตีนที่ต่อสู้กับความเครียด บำรุงหัวใจและตับ เพิ่มขีดความสามารถในการใช้ออกซิเจนและเพิ่มหน่วยความจำ มีบางงานวิจัยพิสูจน์ได้ว่า มีผลในการลดน้ำหนักอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา มีประโยชน์อย่างมากในการรับมือกับความกดดันในสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต
2.Eleutherococus senticosus ( โสมไซเบีย ) เป็น adaptogen ที่นิยมมากไม่แพ้โสมเกาหลีและจีน มีคุณสมบัติเพิ่มความทนในการทำงาน ลดความเหนื่อยล้า ต่อต้านการอักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกัน
3.schnisandra chinensis ( อู่เว่ยจื่อ ) เป็น adaptogen ที่ช่วยปกป้องตับ เพิ่มระดับภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟูสภาพร่างกายทุกระบบ

                  มีประโยชน์อย่างไร
1.ลดระดับความเครียดและปรับสภาพอารมณ์ให้แจ่มใส
2.ลดภาวะซึมเศร้า
3.เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเพิ่มความทนในการออกกำลัง
กาย
4.เพิ่มระดับการจดจำของสมองให้จดจำได้ดียิ่งขึ้น
5.เพิ่มภูมิต้านทานให้สูงขึ้น
6.ปรับสมดุลต่อมหมวกไต
7.เพิ่มพลังงานแก่ร่างกายถึงขีดสุด
8.เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
9.ชะลอความชราจากความสมดุลของต่อมหมวกไต หากเราต้องการอ่อนวัยและมีสุขภาพดี จะต้องมีระดับฮอร์โมน cortisol ที่สมดุล
10.ช่วยขจัดสารพิษจากกระบวนการเผาผลาญอาหาร
11.ลดการอักเสบทั่วร่างกายจากภูมิต้านทานที่สูงขึ้น

หมายเหตุ ; ระมัดระวังในผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง

                  แป้งเลือกกิน adapt 232 1750 mg ยี่ห้อ herbal adaptogen formulas ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า วิตามินตัวนี้ผลิตในสวีเดน ประเทศที่มีสินค้าเกรดพรีเมี่ยมระดับโลกหลากหลายอย่าง หากมาจากสวีเดนแล้ว การันตีคุณภาพได้เลยค่ะ ที่สำคัญเค้าเป็นผู้นำระดับ world class มีงานวิจัยรองรับกว่า 35 ปีผ่านการทดลองทางคลีนิกมากมาย เป็นที่เชื่อถือในระดับสากล
แค่เพียงเม็ดเดียวต่อวัน แป้งรู้สึกได้ถึงพละกำลังมาจากไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าชีวิตนี้ออกแรงเท่าไหร่ก็ไม่เหนื่อย ไม่เครียด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีขึ้น ฮ้า !! เราแข็งแรงกว่าตอนอายุ 25 ปีเสียอีก ขอบคุณสวีเดนที่ผลิตวิตามินระดับ world class มาให้พวกเรากินนะคะ

ที่มา ;
1.http://en.wikipedia.org/wiki/adaptogen
2.www.wisegeek.org/what-is-an-adaptogen.htm
3.www.draxe.com/7-adaptogen-herbs-to-lower-cortis
4.www.dragonherbs.com>signature line

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิตามินเพิ่มพลังสมอง ป้องกันโรคอัลไซเมอร์

 
                  อากาศหนาวเย็นจับจิตในรอบ 10 ปี กรุงเทพไม่เคยสัมผัสอากาศแบบนี้มานานแล้ว สภาพอากาศแบบนี้หลายคนจะต้องมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลอยู่บ้างล่ะ หนาวเย็นจนนึกอะไรไม่ออก อิอิ เนื่องจากแป้งชอบอ่านนิตยสารชีวจิตมากๆ จึงขออนุญาตนำผลงานของกูรูต้นตำรับชีวจิต อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง ผู้ล่วงลับ มาเผยแพร่ต่อนะคะ
                  วิตามินบำรุงสมอง เพิ่มพลัง ป้องกันอัลไซเมอร์
1.โบรอน ( boron ) เป็นแร่ธาตุธรรมดาๆตัวหนึ่ง ใช้ในปริมาณที่น้อยมาก ( trace mineral ) เมื่อกินผสมกับแคลเซียมและแมกนีเซียม นอกจากจะมีประโยชน์ต่อการบำรุงกระดูกแล้ว ยังมีประโยชน์ในการบำรุงสมองอีกด้วย
ในต่างประเทศทำเป็นอาหารเสริม ขนาดเม็ดละ 2-3 มิลลิกรัม บางคนที่มีปัญหาเรื่องกระดูกอาจจะรู้สึกว่า ขาดวิตามินดี โบรอนนี้จะช่วยเสริมวิตามินดีให้เพิ่มพูนอีกด้วย
ถ้าจะหาโบรอนง่ายๆ จากพืชผักผลไม้ เช่น ผักที่มีใบดกๆใหญ่ๆเช่น คะน้าและผักที่เป็นหัว เช่น แครอต รวมถึงข้าวสาลี ลูกเดือย ถั่ว แอปเปิ้ล องุ่น ลูกแพร์ หากกินวิตามิน ไม่ควรกินเกินวันละ 3 มิลลิกรัม
2.โคเอนไซม์ คิวเทน ( coenzyme Q10 ) เมืองไทยมีขายแล้วครับ เวลาซื้อโปรดดูด้วยว่าทำจากประเทศไหน อย่าหลับหูหลับตาซื้อ ดูให้ดีๆ โคคิวเทนนี้นอกจากช่วยเรื่องสมองแล้ว ยังช่วยการทำงานของหัวใจด้วย
3.สารสกัดจากเม็ดแปะก๊วย ( ginkgo biloba ) ช่วยเสริมความจำได้ดี หน้าที่ของอาหารเสริมตัวนี้คือ ช่วยให้การหมุนเวียนโลหิตในสมองดีขึ้น ความจำก็ดีขึ้น เลือดไปเลี้ยงสมองมากกว่าเก่า ทำให้สมองทำงานดีขึ้น ความจำก็ดีขึ้นด้วย กินอย่างเม็ดละ 100 มิลลิกรัมกำลังดี เมืองไทยมีขายแล้ว
4.เลซิทิน ( lecithin ) สารสกัดจากถั่วเหลือง สกัดออกมาเป็นน้ำมันเข้มข้น บรรจุในแคปซูล ช่วยบำรุงสมองแม้แต่เด็กนักเรียนก็ใช้ได้ดี
5.วิตามินบีคอมเพล็กซ์ ขนาด 100 มิลลิกรัม
6.โคลีน ( choline ) เป็นวิตามินอีกตัวหนึ่งในกลุ่มของบีคอมเพล็กซ์ 1 เม็ด ขนาด 250 มิลลิกรัม
7.อินโนซิทอล ( inositol ) เช่นเดียวกับตัวที่ 6 อยู่ในกลุ่มของบีคอมเพล็กซ์ เม็ดละ 250 มิลลิกรัม
ทั้งสองตัว ( 6และ7 ) รวมเป็นเม็ดเดียวก็มี ขนาดรวมคือ 500 มิลลิกรัม เม็ดเดียวโตหน่อย เอายาใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามช้าๆ
8.โพแทสเซียม ขนาด 99 มิลลิกรัม
9.สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ( grape seed extract ) ความจริงสารสกัดจากองุ่นนี้ก็มีวิตามินซีปนอยู่มาก แต่ก็มีสารตัวพิเศษอีกตัวหนึ่งปนออกมาด้วยคือ พิกโนจีนอล ( pycnogenol ) ช่วยป้องกันไม่ให้สารประเภทฟรีแรดิคัลเข้าไปทำลายสมอง เป็นเม็ดขนาด 60 มิลลิกรัม กินวันละ 3 ครั้ง
10. ซีลีเนียม ( selenium ) ขนาด 200 ไมโครกรัม เมืองไทยมีขาย
11.วิตามินบี 5 กินขนาด 100 มิลลิกรัม วันละ 3 มื้อ
12.สังกะสี ( zinc ) เป็นแร่ธาตุตัวสำคัญ นอกจากช่วยสร้างความต้านทานแล้ว ยังช่วยระบบต่างๆของสมองและร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
คุณผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมากและฮอร์โมนเพศ ลองกินเป็นประจำขนาด 100 มิลลิกรัม วันละ 1 เม็ดทุกวัน
นอกจากนั้น เมื่อสมองเกิด "พลัค" ( plaque ) และเป็นการเริ่มต้นของการเกิดแอมเมิลลอยด์ ( amyloid ) สังกะสีตัวนี้จะช่วยทำลาย "พลัค" เริ่มต้นได้ดี
13.เปลือกแอปเปิ้ล ( apple pectin ) มีบริษัททำอาหารเสริมหลายแห่งสกัดเพคติน ( pectin ) จากเปลือกแอปเปิ้ล หรือบางทีก็เอาเปลือกแอปเปิ้ลบดเป็นผงบรรจุในแคปซูล เปลือกแอปเปิ้ลเหล่านี้ช่วยดึงโลหะหนักซึ่งไปเกาะอยู่ในสมองให้ออกมาได้ จึงเป็นการช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
14.อะมิโนแอซิดรวม คือโปรตีนซึ่งแตกตัวเป็นอะมิโนแอซิด ร่างกายมนุษย์ต้องการอะมิโนแอซิด 23 ตัว อะมิโนแอซิดนี้ ทำเป็นแคปซูลรวม ขนาด 1000 มิลลิกรัม กินก่อนอาหาร 3 มื้อ ช่วยในการซ่อมแซมส่วนของสมองที่ถูกทำลาย
15.เมลาโทนิน ( melatonin ) ขนาด 3 มิลลิกรัม กิน 1 เม็ดก่อนนอน ช่วยให้นอนหลับตามธรรมชาติและช่วยให้สมองได้พักผ่อนเต็มที่
16.เอสโอดี ( SOD ) ย่อมาจาก superoxide dismutase จัดว่าเป็นเอนไซม์อยู่ในกลุ่มแอนติออกซิแดนต์ ช่วยกำจัดมลพิษในสมองและช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เข้าสู่สมองดียิ่งขึ้น
17.วิตามินซี ขนาด 1000 มิลลิกรัม กินมื้อละ 1 เม็ด 3 มื้อ ช่วยเพิ่มภูมิชีวิต เพิ่มพลังให้สมอง
18.วิตามินอี วันละ 1 เม็ด 400iu

                  วิตามินและอาหารลดสิว
1.วิตามินเอ 10000iu ครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น
2.วิตามินบีคอมเพล็กซ์ 300 มิลลิกรัม วันละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า
3.วิตามินซี 1000 มิลลิกรัม วันละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า
4.วิตามินอี 400iu วันละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเย็น
5.แคลเซียม 100 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น
6.สังกะสี 50 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น
7.กินโยเกิร์ตไขมันต่ำ ไม่หวาน ไม่ใส่ผลไม้ มื้อเช้า 1 ถ้วย

                  ลองพิจารณาและปรับใช้กับตนเองดูนะคะ วิตามินเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มหาศาล หากเลือกกินอย่างเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย คงมีหลายๆคนอาจแปลกใจว่าทำไมแป้งถึงได้แนะนำวิตามินจำนวนเยอะในการแก้ปัญหาสุขภาพและผิวพรรณ จะบอกว่าวิตามินเพียงไม่กี่เม็ด ไม่อาจเยียวปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด ต้องผสมผสานกันหลายตัว จึงจะเห็นผล แต่สิ่งที่ได้มากกว่าคือ การมีภูมิต้านทานและภูมิชีวิตที่สูงขึ้น อย่างคาดไม่ถึงรวมถึงชะลอวัยด้วยนะคะ



ที่มา ; นิตยสารชีวจิต

วิตามินคุณภาพสูงกับภูมิต้านทานและภูมิชีวิตที่เพิ่มขึ้น

 หลักทางวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ความชราคือผลของความเสื่อมสภาพของเซลล์ตามอายุขัยและสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยเรื้อรัง รหัสพันธุกรรมเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็งในที่สุด
 วิตามินที่แนะนำใน blog ทั้งหมดจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูง กินเพื่อแก้ไขปัญหาผิวพรรณ ป้องกันโรคแห่งความเสื่อม บำรุงสุขภาพขั้นพื้นฐาน นักวิทยาศาสตร์ระดับชั้นของโลก ต่างพากันคิดค้นและทดลองวิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระ ( วิตามิน ) คนรุ่นหลังอย่างเราเพียงแค่อ่านและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง แล้วเลือกกินตามความต้องการของร่างกาย ความเยาว์วัยในอดีตจะหวนคืนกลับมาอีกครั้งแถมภูมิต้านทานและภูมิชีวิตสูงขึ้นอย่างคาดไม่ถึงด้วยนะคะ 
วิตามินคุณภาพสูง ไม่ได้พบทุกยี่ห้อ เพราะเกรดวัตถุดิบและที่มาต่างกัน จึงเป็นสาเหตุให้ต้องหยุดพักตับบ้าง ยกเว้นยี่ห้อที่แป้งแนะนำใน blog นั้นสามารถกินได้ตลอดค่ะ ขอบอกได้เลยว่า หากใครกินวิตามินที่แป้งแนะนำใน blog ที่เป็นของแท้แล้ว ไม่เคยเห็นใครอยากหยุดกินแม้แต่วันเดียว ( กลัวไม่สาวไม่สวย )
 เคยมีพี่ผู้หญิงอายุ 50 ปี กินวิตามินที่มาจากอเมริกา วันละ 50 เม็ด ขอย้ำว่า 50 เม็ด หอบชื่อวิตามินพร้อมทั้งผลเลือดมาปรึกษาแป้ง ขอไม่บอกยี่ห้อล่ะกัน ซึ่งผลเลือดบ่งบอกว่า ตับอักเสบ แป้งดูแล้ว มีหลายตัวซ้ำซ้อนกัน จึงลดเหลือ 35 เม็ด เจอกันอีกที พี่เค้าบอกว่า ตรวจเลือด SGPT ค่าเอนไซม์ตับยังสูงอยู่ดี แต่แป้งไม่ได้โน้มน้าวให้มากินยี่ห้อที่แนะนำใน blog เพราะเห็นว่า พี่เค้าดูจะเชื่อถือยี่ห้อวิตามินที่ตัวเองกินอยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่า ยี่ห้อวิตามินบ่งบอกคุณภาพและสารตกค้าง ของถูกไม่มีดี ของดีไม่มีถูกค่ะ
 แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าภาคภูมิใจและจดจำไม่ลืมคือ มีคนไทยที่อาศัยอยู่ในสวีเดน ได้มาอ่าน blog ; วิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังกับผู้ชนะรางวัลโนเบล โดยบังเอิญ ขณะนั้นภรรยาอายุประมาณ 55 ปี อาศัยอยู่ในเมืองไทย ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ไม่ทราบระยะแน่ชัด แต่ได้กลับมารักษาตัวที่บ้าน หลังจากได้ blog อย่างถี่ถ้วนเกิดความหวังลึกๆว่า วิตามินจะช่วยเยียวยาความเจ็บป่วยครั้งนี้ของภรรยาได้ จึงได้นำวิตามินจากสวีเดนคือ ester-c , omega-red ,rosenrot forte และยาแก้ปวด-แก้อักเสบ ipren 400 mg ( ibuprofen ) ซึ่งคุณภาพดีกว่าเมืองไทยหลายเท่าเพราะคนที่มีเนื้อร้ายในร่างกาย จะพบแต่ความเจ็บปวดทรมานไม่มีวันจบสิ้น ยาแก้ปวดหลายขนานก็เอาไม่อยู่ แต่พอกินยาแก้ปวดที่ผลิตในสวีเดน ความเจ็บปวดพลันหายเป็นปลิดทิ้ง อย่างไม่น่าเชื่อ
 ภรรยาที่เป็นมะเร็งกินวิตามินทั้ง 3 ตัว เป็นเวลา 6 เดือน อาการดีขึ้นตามลำดับ จากที่นอนป่วยลุกเดินแทบไม่ได้ เตรียมจองวัดเรียบร้อย  1 ปีผ่านไป ตอนนี้พี่เค้าเดินเหิน ขึ้นรถลงเรือ ไปไหนต่อไหนได้เฉกเช่นคนปกติแล้วนะคะ แป้งขอแสดงความยินดีกับชีวิตใหม่และสุขภาพที่แข็งแรงด้วยนะคะ
 แค่ตัวอย่างเดียว แสดงว่า วิตามินเกรดพรีเมี่ยม วัตถุดิบคุณภาพสูง ย่อมสามารถเพิ่มภูมิต้านทานและเพิ่มภูมิชีวิตได้จริง ส่วนวิตามินเกรดธรรมดา ไม่สามารถกินติดต่อกันได้ตลอดเนื่องจากต้องพักตับ ไต เพื่อขับสารตกค้างบางอย่างออกไปจากร่างกายค่ะ
 มาดูผลการตรวจเลือดประจำปีพ.ศ 2556 ของแป้งกันนะคะ



 จากผล lab ข้างบนจะเห็นได้ว่า ค่าไต ( BUN,creatinine ) และเอนไซม์ตับ ( SGOT,SGPT ) อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ซึ่งปกติผล lab ทั้งสองตัวจะอยู่ในเกณฑ์ปกติมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว จากผล lab ย้อนหลังค่ะ

ค่า cholesterol ได้ 219 mg/dl ก็จริง แต่เวลาแปรผลให้ดูที่ผลรวมของไขมันชนิดดี ( HDL ) และ ไขมันชนิดเลว ( LDL ) ค่ะ ที่น่าภาคภูมิใจคือ ค่า HDL ( ไขมันชนิดดี ) พุ่งขึ้นสูงถึง 96 mg/dl หากใครมีค่า HDL ยิ่งสูงมากเท่าไหร่ จะลดโอกาสเกิดโรคหัวใจขาดเลือดหรือโรคหลอดเลือดหัวใจมากเท่านั้น นับว่าสูงมากๆ แสดงถึงการดูแลตัวเองรวมถึงอาหารการกินเป็นอย่างดี

 ปกติค่า HDL จะสูงขึ้นได้มี 2 วิธีคือ 
1.ออกกำลังกาย
2.กินอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันมะกอก

 ทีนี้จะกล่าวถึงการกินวิตามินฉบับชะลอวัย สุขภาพแข็งแรงแถมความสวยใสมาให้ด้วย ว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากคนเรายังต้องกิน ต้องหายใจ จะไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในเซลล์ทุกเมื่อเชื่อวันได้ ลองสังเกตเหล็ก เวลาหลอมมาใหม่ จะมีสีมันวาว พอนานวันเข้าเจอกับออกซิเจนในอากาศ กลายเป็นสนิมเฉยเลย หากไม่อยากให้เหล็กเป็นสนิมเก่า เราก็เอาน้ำมันมาเคลือบไว้ เหล็กจะไม่เกิดการออกซิไดซ์

 ร่างกายมนุษย์เช่นเดียวกัน กินอาหารที่มีพลังงานมากจะแก่เร็ว เราอาจจะเห็นว่า คนอ้วนจะมีผิวพรรณเต่งตึงกว่าคนผอมเนื่องจากมีชั้นไขมันพยุงไว้ แต่หารู้ไม่ว่า ข้างในนี่แก่ชราสุดๆเพราะมีไขมันพอกตับ พบในคนที่กินอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลมากเกินไปและขาดการออกกำลังกาย 

แป้งและน้ำตาลที่ไม่ได้ถูกเผาผลาญเป็นพลังงาน จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ สะสมตามร่างกาย เมื่อไขมันส่วนเกินไม่ถูกนำมาใช้ หายนะก็ตามมา มันจะไปเกาะที่ตับ ( ยา อาหาร สารพิษ ถูกทำลายที่ตับ ขับออกที่ไต ) ทำให้ตับเกิดการอักเสบ เรียกว่า ภาวะไขมันพอกตับ นึกแล้วน่ากลัวไม่น้อย หรือเกาะตามหลอดเลือดต่างๆที่อันตรายเห็นชัดคือ ไขมันที่พอกตามหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ ต้องผ่าตัดใส่บอลลูนหรือสเตนท์  งานเข้ามาไม่รู้กี่ราย

               
การที่คนเราจะมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย จะต้องดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ มีระเบียบวินัยในการกินอยู่ พักผ่อนนอนหลับและออกกำลังกาย รวมถึงการเลือกกินสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูงเพื่อชะลอวัยแถมความสวยใส สามารถดำรงชีวิตเหนือมลพิษรอบตัวทุกวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Borage oil วิตามินผิวสวย ชุ่มชื้นถึงขีดสุด


  





วิตามินที่กล่าวถึงต่อไปนี้ เรียกว่า borage oil ( น้ำมันโบราจ ) บางคนอาจไม่ค่อยคุ้นเคยหรือคุ้นหูมากนัก เพราะ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในเมืองไทย แต่ถ้าเอ่ยถึง evening primrose oil แล้วล่ะก็ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ซึ่ง borage oil จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ evening primrose oil เรียกว่า omega-6 นั่นเอง

จำง่ายๆว่า
Omega-3 fatty acid หรือเรียกว่า omega-3 คือ fish oil,krill oil

Omega-6 fatty acid หรือเรียกว่า
Omega-6 คือ evening primrose oil,borage oil,black currant oil

น้ำมันโบราจ ( Borage oil ) เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เรียกว่า กรดไขมันจำเป็น GLA หรือ แกมมาไลโนเลนิก แอซิด ( Gamma Linolenic Acid ) เป็นกรดไขมันจำเป็นชนิดหนึ่ง ในกลุ่มโอเมก้า 6 (Omega-6 Fatty Acid) ถูกนำมาใช้เป็นอาหารเสริม GLA อย่างยาวนานในทวีปยุโรปและอเมริกา

กรดไขมันชนิดนี้จัดเป็นกรดไขมันจำเป็นชนิดหนึ่งสำหรับมนุษย์ เนื่องจากร่างกายสร้างเองไม่ได้ต้องสร้างจากกรดไขมันจำเป็นคือ ไลโนเลอิก แอซิด ( Linoleic Acid หรือ LA ) ซึ่ง borage oil เป็น
กรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 6 (Omega-6) เช่นเดียวกับ Black Currant Oil และ Evening Primrose Oil แต่ Borage Oil จะมีปริมาณของ Gamma-Linolenic acid (GLA) มากกว่า ซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันทีไม่ต้องรอการเปลี่ยนจาก Linoleic acid ( ไลโนเลอิก แอซิด )

ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอาการปวดท้องประจำเดือน สตรีวัยทอง สามารถป้องกันการเกิดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (Premenstual syndrome หรือ PMS ) เมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่อง

น้ำมัน Borage ประกอบด้วยกรดแกมมาไลโนเลนิก ( GLA ) 17-25% ถูกนำมาใช้ในการรักษาอาการวัยหมดประจำเดือน โรค fibrocystic breast ( ซีสต์ที่เต้านม ) กลากเกลื้อนและโรคไขข้ออักเสบ
แต่น่าเสียดายที่ฤทธิ์ต้านการอักเสบเต็มที่ อาจต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน จึงจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน


Borage oil พบในดอกทานตะวัน ดอกคำฝอย ถั่วเหลือง งา น้ำมันข้าวโพด
เป็นอาหารเสริมที่มีความเข้มข้นสูงสุดของ GLA 17-25% ในขณะที่ evening primrose oil มีความเข้มข้นสูงสุดของ GLA 10%

ความเข้มข้นของ GLA เป็นตัวแปรสำคัญของราคาอาหารเสริมแต่ละยี่ห้อ ทำให้ถูกแพงต่างกัน นอกเหนือจากเทคโนโลยีการผลิตและคุณภาพวัตถุดิบค่ะ

ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ ท้องเสีย ผื่น ปวดศีรษะ ท้องอืด

มีประโยชน์อย่างไร
1.ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ชุ่มชื่น
2.บำรุงเส้นผมให้เงางามไม่หลุดร่วงง่าย
3.บำรุงเล็บให้แข็งแรง ไม่เปราะหักฉีกขาดง่าย
4.ปรับสมดุลฮอร์โมน ทำให้ไม่คัดตึงเต้านม ลดอาการปวดหลัง ปวดท้องประจำเดือน ลดอาการหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนในเพศหญิง
5.ลดความดันโลหิต
6.ลดการเกิดซีสต์ในรังไข่ ( ovarian cyst )
7.ลดอาการปวดข้อโดยเฉพาะข้ออักเสบ ( rhumatiod arthritis )
8.บรรเทาอาการผื่นผิวหนังอักเสบ ( eczema )
9.บรรเทาโรคสะเก็ดเงิน ( psoriasis ) ได้ดี
10.ลดอาการปวดเกร็งจากการหดตัวอย่างผิดปกติของลำไส้
11.ลดการอักเสบ ร่างกายมีการแปลง GLA เป็นกรด Dihomo-y-linoleic acid ( DGLA ) ซึ่งจะช่วยให้เซลล์ต่อสู้กับการอักเสบ เมื่อเกิดการอักเสบในร่างกายจากหลายสาเหตุ รวมถึงสิว ดังนั้นการรับประทาน borage oil จึงช่วยลดการเกิดสิวได้อีกด้วย
12.เป็นสารตั้งต้นของการสร้างพรอสตราแกลนดิน PG1 ( prostaglandin PG1 ) ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ คือ ลดการทำงานของเกล็ดเลือด ทำให้การเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือดน้อยลง ส่งผลให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
13.ลดระดับไขมันคอเลสเตอรอล ( cholesterol ) และลิโพโปรตีนที่มีความหนาแน่นต่ำ ( low density lipoprotein, LDL ) เพิ่มลิโพโปรตีนท่ีมีความหนาแน่นสูง (high density lipoprotein, HDL)
14.คงความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิวหนัง ลดอาการแห้งกร้าน แตกขุย ริ้วรอยต่างๆ รวมถึงบรรเทาอาการอักเสบทางผิวหนังเช่น ผื่นผิวหนังเรื้อรัง ผิวแห้งลอก รังแค ผมร่วง ฯลฯ
15.ช่วยลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย โดย GLA จะช่วยให้อินซูลินดึงน้ำตาลไปใช้ในกระแสเลือดอย่างคงที่ กล่าวคือ การรับประทานอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำจะทำให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยควบคุมน้ำหนักไปด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำมักถูกย่อยและดูดซึมอย่างช้าๆ จึงส่งผลให้รู้สึกอิ่มได้นานกว่า

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำจะช่วยลดเอนไซม์ที่เพิ่มการสร้างไขมันคอเลสเตอรอลนั่นคือ เอนไซม์
"HMG CoA reductase" และเอนไซม์ที่เร่งการสะสมไขมันที่ชื่อ "ไลโปโปรตีนไลเปส" ดังนั้น คนที่บริโภค borage oil เป็นประจำ นน.จะลดลงจากคุณสมบัติข้างต้นค่ะ


แป้งเลือกกิน borage oil 1200 mg ยี่ห้อ jarrow formulas ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็น ซึ่งมี GLA เกรดวัตถุดิบคุณภาพสูงถึง 240 mg ต่อเม็ด จากการสังเกตร่างกายในขณะที่รับประทาน borage oil พบว่า ผิวพรรณเปล่งปลั่ง นุ่มชุ่มชื้นกว่าปกติ เต้านมเต่งตึง ร่างกายไม่บวมน้ำเหมือนตอนที่กิน evening primrose oil
แถมอารมณ์ดี๊ดี สดใส ในทุกๆวัน

ส่วนเรื่องลดอาการปวดท้องประจำเดือน ไม่มีผลแต่อย่างใด เพราะตั้งแต่เป็นสาวเต็มกายเริ่มมีประจำเดือน แป้งไม่เคยมีอาการปวดโน่นนี่นั่นเหมือนคนอื่นเค้าเลยค่ะ


หาซื้อได้ที่ www.vitaminvillage.weloveshopping.com
tel.061-742-9944
line ; 0617429944









ที่มา :

www.foodnetworksolution.com/.../omega6-fatty-acid/กรดไขมันโอเมก้า-6

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม