บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ซิงค์ ( zinc ) วิตามินที่ส่งเสริมให้ผิวเรียบเนียนใส ไร้สิว

คนที่เป็นสิวอยู่บ่อยๆ หากไม่คิดจะเข้าคลีนิกผิวหนังเพื่อรักษาสิว zinc เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย มีหลายคนที่กังวลใจเกี่ยวกับการบริโภค zinc ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน กลัวอันตรายต่างๆนานา แป้งจึงไปค้นคว้าหาข้อมูลของวิตามินตัวนี้มาฝากกันนะคะ อ่านจบแล้วจะได้คำตอบค่ะ

ซิงค์ ( zinc ) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สังกะสี เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งบนพื้นโลก มีคุณประโยชน์มากมายตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่วัยชราไม่แพ้วิตามินตัวอื่นสังกะสีมักถูกทำลายจากกระบวนการแปรรูปอาหารหรือมีปริมาณน้อยมากเนื่องจากพืชผักนั้นปลูกในดินที่ไม่มีแร่ธาตุ ศัตรูของธาตุสังกะสีคือ ไฟเทต ( phytate )ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสังกะสีได้

ไฟเตท ( phytate) พบมากในธัญพืชไม่ขัดขาว พืชตระกูลถั่วโดยเฉพาะถั่วเมล็ดแห้งเช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียวและงามีฤทธิ์ยั้บยั้งการดูดซึมของแร่ธาตุบางชนิดได้แก่ ธาตุเหล็ก สังกะสีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งมีอยู่ในอาหารที่เรารับประทาน หากร่างกายได้รับในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านั้นได้ตามปกติ

ไฟเตทสามารถสลายไปได้โดยการใช้ความร้อนดังนั้น ควรปรุงให้สุกก่อนรับประทานนะคะ

สังกะสีในปริมาณสูง สามารถลดระดับภูมิคุ้มกัน รบกวนการดูดซึมของทองแดง จนนำไปสู่การขาดทองแดงและเพิ่มความเสี่ยงของโรคโลหิตจาง

สังกะสีจะสูญเสียไปจากร่างกายผ่านทางไต,ผิวหนัง,ลำไส้ ,การออกกำลังกายอย่างหนักอากาศที่ร้อนจัดจนมีเหงื่อ จะสูญเสีย zinc วันละ 3 mgเลยทีเดียว

มีการทดลองและการศึกษาจำนวนมาก เชื่อมโยงสังกะสีในปริมาณน้อยกับอสุจิคุณภาพต่ำยกตัวอย่างเช่น การศึกษาหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่า อาสาสมัครมีจำนวนอสุจิสูงขึ้น หลังจากบริโภคซิงค์ซัลเฟต ( zinc sulfate ) และกรดโฟลิกเสริม

ในการศึกษาอื่น นักวิจัยสรุปว่า การบริโภคสังกะสีไม่เพียงพอ จะเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้สเปิร์มคุณภาพต่ำและชายที่มีบุตรยาก


อาการทางร่างกายที่แสดงว่าขาดสังกะสี
1.จุดขาวบนเล็บ อันนี้ใช่เลย เมื่อก่อนแป้งก็เป็นบ่อย บางทีเป็นทีเดียว 3-4 นิ้ว ช่วงนั้นกินอาหารน้อยเกินไปและมีระดับความเครียดสูง ปัจจุบันไม่มีแล้วนะคะ
2.ผิวแห้ง
3.เล็บฉีก
4.เป็นหวัดบ่อย
5.ความต้องการทางเพศต่ำ
6.สิว
7.ผมร่วง

แหล่งอาหารธรรมชาติ : หอยนางรม เนื้อแดง ตับ ไข่แดง ถั่ว เมล็ดฟักทอง

ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ ปวดหัว ง่วงนอน หงุดหงิด ระคายเคืองกระเพาะอาหารและอาเจียน



สังกะสีจะไม่ดูดซึมได้ง่ายในร่างกาย ปัจจัยหลายอย่างในร่างกายขัดขวางการดูดซึมสังกะสีมีเพียงประมาณ 14-20% เท่านั้นที่แตกตัวแล้วดูดซึมในลำไส้เล็ก

สังกะสีไม่ได้ถูกเก็บไว้ในร่างกาย จะถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ

Zinc ที่ดูดซึมได้ดีที่สุดและให้ปริมาณสังกะสีสูงสุดต่อกรัมคือสังกะสีที่อยู่ในรูปที่จับอยู่กับเกลือกลูโคเนตเรียกว่าซิงค์กลูโคเนต ( Zinc Gluconate )ได้จากการหมักน้ำตาลกลูโคสกับกรดกลูโคนิก ( gluconic )ซึ่งจะสามารถดูดซึมได้ประมาณ 14% จากมิลลิกรัมทั้งหมด ( 14% elemental zinc )โดยเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของchelated แล้วจะสามารถจับกับกรดอะมิโนเมไธโอนีน ( Zinc Amino acid Chelated ) จึงทำให้ดูดซึมได้ดีและเร็วมากคือดูดซึมได้ประมาณ 20% จากมิลลิกรัมทั้งหมด ( 20% elemental zinc )เนื่องจากมีกรดอะมิโนช่วยดูดซึมในลำไส้เล็กได้ดีขึ้น

อธิบายได้ง่ายๆ เช่น ฉลากเขียนว่า zinc amino acid chelated 50 mg ซึ่งแตกตัวและดูดซึมในร่างกายได้ 20%

ดังนั้นจะมีปริมาณแร่ธาตุสังกะสีที่ดูดซึมในลำไส้เล็กเพียง 10 mg ต่อเม็ดเท่านั้นเอง ( 50X20/100=10 )

มีประโยชน์อย่างไร
1.ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตให้กับร่างกาย เด็กที่ขาดสังกะสีจะตัวเล็ก แคระแกรน โตช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน
2.เป็นส่วนสำคัญต่อการสร้างโปรตีนและคอลลาเจน

3.สังกะสีมีความจำเป็นต่อการสร้าง DNA & RNA
4.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย สังกะสีช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาของโรคหวัด จะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นเมื่อบริโภคพร้อมวิตามินซี
5.เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์สำคัญมากมายรวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระอย่างซุปเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส ( SOD )
6.มีส่วนสำคัญในการทำงานของสมองช่วยเพิ่มการตื่นตัวทางระบบประสาท
7.สังกะสีทำงานร่วมกับเอนไซม์แลคเตส ( lactase enzyme ) และมาเลตดีไฮโดรจีเนส ( malate dehydrogenase )ซึ่งช่วยให้ร่างกายนำไปใช้ในกระบวนการสร้างพลังงาน

ปัญหาการขาดเอนไซม์หรือน้ำย่อยแลคเตส ( Lactase enzyme )พบได้บ่อยโดยผู้ที่ขาดเอนไซม์แลคเตสจะมีปัญหาเมื่อกินนม (นมจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่สำคัญคือ นมวัว)เนื่องจากนมมีส่วนประกอบสำคัญคือ น้ำตาลแลคโตส ( Lactose ) ต้องอาศัยเอนไซม์แลคเตสย่อยเสียก่อนจึงจะดูดซึมเข้าไปในผนังลำไส้ได้การขาดเอนไซม์นี้ ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสีย ถึงว่าเนอะ แป้งกินนมวัวทีไร ดวงขึ้นคร่อมคอห่านทุกที

เรามารู้จักกระบวนการที่ทำให้เราท้องเสียจากนมวัวกันนะคะ

ถ้าไม่มีเอนไซม์แลคเตส ( lactase enzyme ) หรือมีระดับเอนไซม์ลดลงน้ำตาลแลคโตสจะไม่ถูกย่อยและดูดซึมน้ำตาลที่ไม่ถูกดูดซึมนี้จะพรวดพราดผ่านลำไส้เล็กไปสู่ลำไส้ใหญ่แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดการหมัก ( Fermentation )ของน้ำตาลแลคโตส ส่งผลให้เกิดก๊าซจำนวนมากในลำไส้ได้แก่ก๊าซไฮโดรเจน ( Hydrogen )คาร์บอนไดออกไซด์ ( Carbondioxide )และก๊าซมีเทน ( Methane ) นอกจากก๊าซจำนวนมาก ยังมีน้ำตาลที่ไม่ถูกดูดซึมและส่วนที่เป็นผลจากการบูดเปรี้ยว(การหมัก ) มีผลให้เกิดความดันในลำไส้ใหญ่สูงขึ้นเรียกว่า ความดันออสโมติก ( Osmotic pressure )

ตามหลักทางวิทยาศาสตร์ความดันออสโมติกที่สูงขึ้นนี้ น้ำจะถูกดึงจากที่มีความดันออสโมติกต่ำไปยังบริเวณที่มีความดันออสโมติกสูงดังนั้นจึงมีการดึงน้ำเข้ามาในลำไส้ใหญ่มากขึ้นผู้ป่วยจึงมีอาการท้องเสีย ( Diarrhea ) คือถ่ายเหลวเป็นน้ำออกมามาก นั่นเอง

8.สังกะสีทำงานร่วมกับเอนไซม์อัลคาไลน์ฟอสฟาเตส ( alkaline phosphatase enzyme ) ซึ่งช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟัน
9.ช่วยในการรักษาสิว บรรเทาอาการอักเสบของสิว ด้วยการรักษาสมดุลของปริมาณไขมันในผิวหนัง
10.ช่วยเพิ่มความรู้สึกทางเพศในผู้ชายและยังช่วยป้องกันภาวะเป็นหมัน คนที่สูบบุหรี่จัดจะมีโอกาสเป็นหมันมากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ การได้รับ zinc 50 mg ต่อวัน จะทำให้ปริมาณอสุจิเพิ่มขึ้นได้
11.ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้เป็นปกติและมีส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์ในเด็ก
12.ช่วยป้องกันและรักษาภาวะผมหลุดร่วงได้
13.เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเอนไซม์มากถึง 100 เอนไซม์ ( บางบทความบอกว่า 300 เอนไซม์ ) และมีบทบาทสำคัญกับกระบวนการทางชีวภาพในระดับเซลล์จำนวนมาก
14.ป้องกันภาวะสมองเสื่อม ( อัลไซเมอร์ ) ในผู้สูงอายุ
15.สังกะสีเป็นส่วนประกอบของโปรตีนที่จำเป็นสำหรับการขนส่งวิตามินเอในเลือดและการทำงานของเอนไซม์ที่แปลงวิตามินเอในจอประสาทตา อีกทั้งช่วยในกระบวนการสังเคราะห์rhodopsin ซึ่งเป็นโปรตีนในดวงตาที่ดูดซับแสง จึงมีส่วนร่วมในการปรับตัวในที่มืดการขาดธาตุสังกะสีมีความเกี่ยวข้องกับการขนส่งวิตามินเอจากตับซึ่งอาจนำไปสู่อาการตาบอดกลางคืนได้
16.ช่วยให้รอยแผลต่างๆ หายเร็วขึ้น เช่น มีดบาด หกล้มมีแผลฉีกขาด รอยดำและรอยแผลเป็นจากสิวจางลงเร็ว

ซิงค์กลูโคเนต ( Zinc gluconate )เหมาะสำหรับการรักษาสิว การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า ปริมาณ 200มิลลิกรัมต่อวัน (จะมีปริมาณสังกะสีเพียง 30มิลลิกรัมที่แตกตัวและดูดซึมในลำไส้เล็ก )มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบของสิวได้ดี

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มักมีภาวะขาดธาตุสังกะสี จากการรับประทานอาหารได้น้อยเนื่องจากความเสื่อมของต่อมรับรส โดยสังกะสีจะช่วยคงสภาพการรับรู้รส กลิ่นและสายตา


ในอดีตที่ผ่านมามีการศึกษาบางส่วน พบว่า สังกะสีลดการดูดซึมโฟเลต อย่างไรก็ตามการศึกษาเมื่อเร็ว นี้ มีรายงานว่า การรับระทานอาหารเสริมกรดโฟลิค ( 800mcg / วัน)เป็นเวลา 25 วัน ไม่มีผลต่อการดูดซึมของสังกะสีแต่อย่างใด

วิตามิน ยาและอาหารที่ลดการดูดซึมของสังกะสี ( zinc ) คือ ทองแดง ( copper ) ธาตุเหล็ก ( iron ) แคลเซียม ( calcium ) คาเฟอีนและยาคุมกำเนิด จึงไม่ควรรับประทานพร้อมกันกับสังกะสี

แป้งกิน zinc ( amino acid chelated ) 50 mg ยี่ห้อ source naturals ครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น ในช่วงที่สิวปะทุ ( สิวแค่ 2-3 เม็ด จะเรียกปะทุเพราะปกติไม่มีสิว ) แต่พอสิวยุบลง จะลดเหลือวันละ 1 เม็ด เคยกินต่อเนื่องประมาณ 8 เดือน จึงหยุดพัก แต่พอหยุดไม่ถึงเดือน สิวเจ้ากรรมก็โผล่มาอีก จึงกินต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีแล้วค่ะ

สังเกตว่าช่วงที่กิน zinc รอยดำจากสิว จางลงเร็วมาก ปกติรอยดำที่เกิดจากสิว มักจะจางลงเองภายใน 6 เดือนถึง 1 ปีแล้วแต่สภาพผิว ยิ่งอายุมากยิ่งหายช้า หากเราทา retin-a 0.05% บริเวณรอยดำเช้า-เย็นด้วย แค่ไม่ถึงเดือน รอยดำจางเลือนหายไปเร็วมาก ที่สำคัญผิวจะดูเรียบเนียนละเอียดขึ้น หน้าไม่มันอีกต่างหาก ชอบจัง!!

เหตุผลที่เลือกยี่ห้อนี้เพราะ หากเรากิน zinc ติดต่อกันนานๆ จะมีผลให้ร่างกายขาดทองแดง แต่ zinc ยี่ห้อ source naturals มีส่วนผสมทองแดง 500 mcg ต่อเม็ด ยังไงก็ไม่ขาดทองแดงค่ะ

ยังมีข้อมูลของ zinc ที่แบ่งเป็นประเภทต่างๆ อีก 13 ประเภท แต่แป้งเกรงว่า สมองจะบวมเสียก่อน เลยต้องแยกทำอีก blog นึงค่ะ รอติดตามด้วยนะคะ


ที่มา :
Vitamin bible

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วิตามินป้องกันแสงแดดอันร้อนแรง ( ตอนที่1 )

 
  เป็นที่รู้ซึ้งกันว่า แสงแดดเมืองไทยร้อนแรงขนาดไหน อยู่ท่ามกลางแสงแดดแค่ไม่ถึงชั่วโมงถึงแม้จะมีอุปกรณ์ครบทั้งร่ม หมวก ครีมกันแดด แสงอัลตราไวโอเลตก็หาได้ปราณีผิวอันบอบบางของเราไม่ อย่างที่รู้กัน แสงแดดทำลายเซลล์ผิวลึกถึง DNA เชียวนะคะ ไม่งั้นสีผิวจะเปลี่ยนแปลงจากขาวเป็นดำหมองคล้ำได้ขนาดนี้เชียวหรือ แป้งเคยมาแล้วค่ะ กว่าสีผิวจะกับคืนมาดังเดิม ใช้เวลาร่วมครึ่งปี แต่ถ้ากินวิตามินป้องกันแสงแดดเอาไว้ ไม่ว่าแดดแรงแค่ไหน ก็ยากที่จะทำอะไรผิวเราได้ ทั้งนี้ต้องทาครีมกันแดดทุก 2 ชั่วโมงด้วย กันเหนียวค่ะ

รังสียูวี เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อัลตราไวโอเลต เป็นคลื่นแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค สามารถทำลาย DNA ( รหัสพันธุกรรม ) มีที่มาจากดวงอาทิตย์เป็นหลัก ชั้นบรรยากาศได้ซึมซับรังสียูวีไปมากแล้ว เหลือเพียง 3% เท่านั้นที่ส่องมาถึงพื้นโลก สามารถแบ่งรังสียูวีออกได้เป็น 3 ประเภท

1.ยูวีเอ ( UVA ) รังสีนี้มีพลังงานในตัวน้อยกว่าใครจึงไม่แรงพอที่จะทำให้ผิวไหม้ ( sunburn ) แต่สามารถทำให้ผิวคล้ำลงเพราะกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสี ( melanocyte ) หลั่งเม็ดสีออกมามากขึ้น ส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระเข้าทำลาย DNA เซลล์ผิว คอลลาเจนในชั้นผิวจะถูกทำลาย เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย

2.ยูวีบี ( UVB ) เกือบทั้งหมดของรังสียูวีบนโลกเป็นรังสีชนิดนี้ ยูวีบีสามารถพุ่งเข้าทำลาย DNA ในเซลล์ได้ทันทีหากไม่ป้องกัน เป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง มีส่วนสำคัญในการสังเคราะห์วิตามินดี แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว แทบจะไม่มีใครได้รับวิตามินดีเพียงพอ เพราะผู้ที่ตากแดดเป็นประจำจนผิวคล้ำ จะมีสีผิวที่เข้มขึ้น จนไปยับยั้งการสร้างวิตามินดี การที่จะรู้ว่าร่างกายได้รับวิตามินดีเพียงพอหรือไม่ ต้องดูผลตรวจเลือดจากห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เท่านั้น

ยูวียังเป็นอันตรายต่อดวงตา โดยเฉพาะ UVB ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า arc eye คือรู้สึกเหมือนมีทรายเข้าตา หรือถ้ารุนแรงกว่านั้นอาจทำให้เป็นโรคต้อกระจก (cataract) ได้ โดยเฉพาะในหมู่ช่างเชื่อมโลหะ การป้องกันก็คือ สวมใส่แว่นป้องกัน หรือทาโลชั่นที่มีค่า SPF 50+

3.ยูวีซี ( UVC ) มีพลังงานสูงที่สุด รังสีชนิดนี้ส่องมาไม่ค่อยถึงพื้นโลก เนื่องจากชั้นบรรยากาศได้ซึมซับไว้หมดแล้ว พบได้จากหลอดไฟแสงยูวีฆ่าเชื้อโรคในเครื่องกรองน้ำดื่มแทบทุกยี่ห้อ นั่นแหละค่ะ

วิตามินป้องกันแสงแดด
1.ไลโคปีน ( lycopene) คือสารธรรมชาติที่มีสีแดงกลุ่มแคโรทินอยด์ จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกลำดับต้นๆ เหนือกว่าแคโรทินอยด์ทุกตัว อีกทั้งเหนือกว่าวิตามินอีและกลูต้าไทโอนหลายเท่า แคโรทินอยด์ คือสารธรรมชาติที่พบมากในผลไม้ที่มีสีส้ม เหลือง แดงและเขียว (ผลไม้ที่มีสีเขียวก็มีเบต้าแคโรทีนมากเช่นกันแต่ที่มีสีเขียว เนื่องจากถูกบดบังจากคลอโรฟิลด์ นั่นเอง) ละลายได้ดีในไขมัน พบมากในผักและผลไม้สีแดง เช่น มะเขือเทศ ,แตงโม ,grape fruit ,apricots,ฝรั่งสีชมพู,rose hip,red orange ป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม หลอดเลือดแดงแข็งตัว รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากการกินเข้าไปเท่านั้น

มีประโยชน์อย่างไร
1.ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งปอด,ช่องท้องและหลอดเลือดหัวใจ
2.ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายจากโครงสร้างของไลโคปีนที่แพร่เข้าเซลล์ต่อมลูกหมากได้ดี
3.ลดอัตราการเกิดสิว ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน สิวผดเม็ดเล็กๆจะหายไปจากใบหน้าด้วยคุณสมบัติของเบต้าแคโรทีนที่ช่วยลดการอุดตันรูขุมขน
4.ปรับผิวให้เนียนนุ่ม ส่องสว่าง กระจ่างใส แลดูสุขภาพดี
5.เพิ่มความทนต่อแสงแดดได้ดี ไม่ทำให้ผิวหมองคล้ำง่าย

Zoe Diana Draelos แพทย์ผิวหนังผู้มีชื่อเสียง เป็นเจ้าของบทความเกี่ยวกับผิวหนัง 300 บทความ เขียนหนังสือมากกว่า 6 เล่ม กล่าวว่า หากใบหน้ารวมถึงร่างกายโดนแสงแดดเพียง 1 วันโดยไม่มีการป้องกัน( ทาครีมกันแดด) อาจทำให้เกิดความเสียหายระดับ DNA เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรและจุดด่างดำบนใบหน้า แขน ขา ซึ่งบ่งบอกถึงความเสื่อมระดับเซลล์ ที่เกิดจากรังสี UVA ,UVB

2.Beta- carotene เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จะเก็บสะสมไว้ที่ตับและเนื้อเยื่อไขมันต่างๆ ทำให้กำจัดออกจากร่างกายช้ากว่ากลุ่มวิตามินที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินบี ซี จึงเป็นสาเหตุที่วิตามินที่ละลายในไขมัน มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดพิษต่อร่างกายได้มากกว่าเมื่อรับประทานเกินขนาด แต่อย่าได้กลัวหรือรู้สึกกังวลไปเลยค่ะ เพราะหากร่างกายรับวิตามินเอมากเกินไป จะสังเกตได้ง่ายมากคือ ฝ่ามือและตัวเหลือง เหมือนตอนที่เรากินแครอทหรือมะละกอติดต่อกันเป็นอาทิตย์ วิธีแก้ง่ายๆคือ ให้หยุดกินวิตามิน 2 สัปดาห์ ฝ่ามือและตัวจะหายเหลืองทันที วิตามินเอ มีความจำเป็นต่อร่างกายในแง่ของผิวพรรณและความสมดุลของฮอร์โมน

วิตามินเอ มี 2 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าได้จากแหล่งใดของอาหาร 

1.ได้จากสัตว์ เช่น ตับ ไข่ นม เนย เรียกว่า free from vitamin a ที่จะดูดซึมในรูปของเรตินอล เวลาสกัดเป็นวิตามินจะเขียนข้างขวดว่า palmitate มักจะเป็นวิตามินสังเคราะห์

2.สกัดได้จากพืช เรียกว่า pro vitamin a เวลาสกัดเป็นวิตามินจะเขียนข้างขวดว่า beta-carotene เพราะเบต้าแคโรทีนเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ อธิบายได้ง่ายๆคือ เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอเหมือน L-cysteine ที่เป็นสารตั้งต้นของกลูต้าไทโอนนั่นเอง เบต้าแคโรทีนจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอและออกฤทธิ์ได้ดี แต่ lutein , zeaxanthin จะออกฤทธิ์ได้แค่ครึ่งหนึ่งของเบต้าแคโรทีนเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น หากมองหาวิตามินที่ดูแลสายตา ช่วยในการมองเห็น ต้องกิน เบต้าแคโรทีนดีกว่าพวก lutein,zeaxanthin เยอะเลยค่ะ

มีประโยชน์อย่างไร

1.ช่วยดูแลรักษาผิวพรรณ ช่วยให้ผิวไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ให้ผิวสดใส เรียบเนียน
2.ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง ช่วยลดอนุมูลอิสระมีผลเกี่ยวข้องกับมะเร็งเนื้อร้าย เบต้าแคโรทีนให้ผลกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายที่ชื่อ ที-เฮลเปอร์ให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง
3.ช่วยบำรุงสุขภาพของดวงตา ลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกได้อีกด้วย
4.ช่วยชะลอความแก่
5.ช่วยลดหน้ามัน จากการที่ต่อมไขมันทำงานน้อยลง
6.ส่งเสริมให้ผิวทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้น

3.PABA ( aminobenzoic ) จัดอยู่ในกลุ่มวิตามินบี กรดพาบาเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ส่วนเกินจะถูกเก็บไว้ที่ตับ พบได้ในกรดโฟลิก รวมถึงอาหารหลายประเภท เช่น ธัญพืช ไข่ นม เนื้อสัตว์

มีประโยชน์อย่างไร
1. ช่วยในการใช้ประโยชน์จากกรด pantothenic ( B5 )
2.เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับสุขภาพผิวและสีผม
3.ช่วยฟื้นคืนสีผมตามธรรมชาติ อาจเรียกคืนผมสีดำเมื่อรับประทานร่วมกับกรดโฟลิกและกรด pantothenic (วิตามิน B5) หรือเป็นสีเทาเนื่องจากความเครียดจากการขาดวิตามินบี
4.บรรเทาอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย
5.มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าอาจช่วยรักษาโรคด่างขาว
6.ช่วยป้องกันการสะสมของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ
7. ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
8.ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ในการเผาผลาญพลังงาน
9.ชะลอการเกิดริ้วรอย
10.ป้องกันผมร่วงเมื่อรับประทานคู่กับ B5
11.ช่วยให้ผิวแลดูสุขภาพดีและเนียนนุ่ม
12.ป้องกันผิวไหม้แดด จึงเป็นส่วนผสมลำดับต้นๆในครีมกันแดดแทบทุกยี่ห้อในโลก

Blog หน้าพบกับวิตามินป้องกันแสงแดดอีก 3 ตัวที่เหลือค่ะ
 

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คาโมมายล์ ( chamomile ) วิตามินเยียวยาคนนอนไม่หลับเบื้องต้น


  วิตามินที่ช่วยเยียวยาสำหรับคนนอนไม่หลับ
คาโมมายล์ เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่นิยมมากที่สุดในโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ดอกคาโมมายล์เป็นพืชที่มีความปลอดภัย โดยใช้อย่างแพร่หลายในการรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบและเป็นถือยานอนหลับจากธรรมชาติ มีทั้งชนิดชาชงดื่มและสกัดเป็นแคปซูล ช่วยให้หลับสบายมานับพันปี

สารสำคัญสกัดได้จากดอกคาโมมายล์ มีชื่อเรียกว่า อะพิจีนีน (Apigenin) เป็นสารที่พบในปริมาณมากที่สุดของดอกไม้ชนิดนี้ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยให้จิตใจสงบ คลายความวิตกกังวล รวมถึงช่วยให้หลับสนิทตลอดคืน

มีประโยชน์อย่างไร
1.ลดการบิดตัวของลำไส้
2.กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
3.บรรเทาอาการปวดศีรษะ,ไมเกรน
4.บรรเทาความวิตกกังวล
5.ช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น
6.ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
7.ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายตลอดวัน

ขนาดที่แนะนำ 400-1600 mg ต่อวันในรูปแบบแคปซูล
แต่หากเป็นแบบชงดื่ม แต่ละยี่ห้อจะมีสารสกัดจากคาโมมายล์ไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 350-600 mg ต่อซอง

คาโมมายล์เพิ่มระดับของซีโรโทนิน ซึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณประสาทมีคุณสมบัติทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย

ควรงดดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนนอนและปรับสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอน เช่น ห้องนอนควรเงียบ สงบ สบาย มีอุณหภูมิที่พอเหมาะ ไม่มีเสียงรบกวน รวมถึงไม่เล่นคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตก่อนเข้านอนด้วยนะคะ



ที่มา ;
www.livestrong.com > food and drink
www.holistic online.com/.../sleep/sleep/_ons_nutrition.htm
นิตยสารชีวจิต

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

5-HTP วิตามินที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดแถมหลับสบายทั้งคืน


 มีหลายคนที่มีอาการนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม เช่น ความวิตกกังวลจนกลายเป็นความเครียด ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล ภาวะกรดไหลย้อน ฯลฯ ส่วนใหญ่มักจะพึ่งยานอนหลับแต่มีผลข้างเคียง ไม่สามารถกินต่อเนื่องได้นาน เวลาตื่นนอนมักจะมึนศีรษะเป็นของแถมอยู่เสมอ

แป้งมีเริ่มมีอาการนอนไม่หลับทั้งๆที่ไม่มีเรื่องกังวล ( อาจจะมีแต่ไม่ยอมรับหรือเปล่านะ ) เริ่มเมื่ออายุ 32 ปี กิน melatonin 3 mg 3 เม็ด ยังไม่หลับเลยค่ะ ใน 1 สัปดาห์จะนอนไม่หลับประมาณ 4-5 วัน นอนดิ้นไปดิ้นมาจนเตียงแทบพัง กว่าจะหลับได้ก็ตีสาม ต้องพยุงร่างตื่นมาอาบน้ำไปทำงานเวลา 6.30 น. เป็นอย่างนั้นอยู่ 2-3 สัปดาห์ ระหว่างพักกลางวันได้นอนหลับสนิทเพิ่มอีกครึ่งชั่วโมง ค่อยยังชั่ว ไม่เคยคิดจะกินยานอนหลับแม้แต่เม็ดเดียว ก่อนนอนดื่มชาคาโมมายล์ก็แล้ว ดื่มนมอุ่นๆ หรือกินกล้วยหอมก็จุกคอหอย อ๊าก!! สารพัดวิธี ไม่ได้การละ!! ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้อีกไม่นาน อาจจะเริ่มเป็นผีดิบ ลองไปฝังเข็มดีกว่า อุตส่าห์ซื้อคอร์สไว้ 10 ครั้ง แต่ใช้เพียง 3 ครั้ง ปรากฎว่า หลับได้ตามปกติ แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ( ปัจจุบันอายุ 40 ปี ) มีอาการนอนหลับยาก กินวิตามินที่ช่วยให้นอนหลับประมาณ 8-10 เม็ด ยังไม่ค่อยหลับดี ยิ่งเวลาดื่มชาเขียว ( มีคาเฟอีน ) หนักเลย แต่แป้งเพิ่งจะค้นพบว่า สิ่งที่กระตุ้นให้นอนไม่หลับแท้จริงแล้ว คือ ความไม่สมดุลของฮอร์โมน นั่นเอง มิน่าละ !! กินวิตามินเป็นกอบเป็นกำ ยังไม่หลับเลย แต่ขณะที่กำลังเขียน blog อยู่นี้ หลับสบายสุดๆทั้งๆที่กินชาเขียวหมดเป็นขวด เย้!!

แป้งเคยเขียน blog : เมลาโทนินไปนานแล้ว วันนี้มีวิตามินที่มีมายาวนานกว่า 25 ปีมาฝากกันนะคะ

5-HTP ( 5-Hydroxytryptophan ) คือ
กรดอะมิโนตามธรรมชาติที่มีในร่างกายและสารตั้งต้นในการเผาผลาญอาหาร เป็นสื่อกลางในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทเซโรโตนินและเมลาโทนินในสมอง 

พบในอาหารเช่น นม เนื้อสัตว์ ฟักทอง ผักใบเขียวต่างๆแต่มีปริมาณไม่มากพอที่จะแก้ไขปัญหานอนไม่หลับได้

5-HTP จดทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในอังกฤษ ออสเตรเลีย อเมริกาและแคนาดาเพื่อช่วยให้นอนหลับและระงับความอยากอาหาร ผลิตจากเมล็ดพืช Griffonia Simpliciofolia พบมากในแถบชายฝั่งแอฟริกาตะวันตก

มีประโยชน์อย่างไร
1.ลดความวิตกกังวล
2.ช่วยทำให้นอนหลับสนิทได้ดีขึ้น
3.บรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน
4.รักษาภาวะซึมเศร้าโดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ายา Prozac แต่ไม่ก่อให้เกิดการติดยาและมึนงงศีรษะ
5.ระงับความอยากอาหาร ( เป็นเพียงการศึกษาในกลุ่มทดลองขนาดเล็ก )
6.บรรเทาโรค fibromyagia ( มีการปวดทั่วร่างกาย เป็นการปวดที่รุนแรงกว่าปกติอย่างมาก ผู้ป่วยจะบ่นว่าปวดเหมือนกล้ามเนื้อถูกดึงหรือตึง เหมือนใช้งานมาอย่างหนัก ปวดเหมือนถูกเหยียบระบมทั้งตัว บางครั้งปวดจนเหมือนคนหมดแรง บางครั้งมีกล้ามเนื้อกระตุกร่วมด้วย )

ผลข้างเคียง ; คลื่นไส้ วิงเวียน

แต่วิตามิน 5-HTP ในอดีตเคยมีประวัติที่ด่างพร้อย น่าสะพรึงกลัว เมื่อปีค.ศ 1998 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา รายงานว่าตรวจพบสารเคมีปนเปื้อนมีชื่อเรียกเฉพาะว่า " peak x " ในวิตามิน 5-HTP บางยี่ห้อ ก่อนหน้านี้ L-tryptophan ถูกนำออกจากตลาดอาหารเสริมเมื่อมีผู้ป่วยหลายพันคนป่วยเป็นโรคเลือดอย่างรุนแรง สาเหตุถูกเปิดเผยในเวลาต่อมาคือ มีสารปนเปื้อนที่พบในกระบวนการหมัก L-tryptophan ( วัตถุดิบ ) ที่ผลิตโดยบริษัทวิศวกรรมเคมีชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น ชื่อ Showa Denka 

ประมาณ 60%ของ 5-HTP ที่ผลิตโดย Showa Denka ที่วางจำหน่ายในอเมริกา ได้ใช้กระบวนการผลิตที่ไม่ผ่านการทดลองลดปริมาณถ่านกัมมัน ( activated chacoal ) ในการกรอง L-tryptophan ที่มาของสารปนเปื้อนดังกล่าว ประเด็นนี้ได้จบไปนานแล้ว ปัจจุบัน 5-HTP มีกระบวนการผลิตระดับมาตรฐานสูงสุด ไร้สารปนเปื้อน ปลอดภัยกับร่างกายมนุษย์ดีกว่ายานอนหลับเสียอีก

ดังนั้น 5-HTP ถือเป็นวิตามินสำหรับคนนอนไม่หลับ ตัวเลือกที่สองร่วมกับเมลาโทนิน จัดไปโลดค่ะ
 

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพที่สุด ( ตอนจบ )



คำว่า " แก่ " พูดเบาๆก็เจ็บ อันที่จริงสังขารย่อมไม่เที่ยง มีหลากหลายวิธีที่จะชะลอความชราได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความมีวินัยของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกินอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่านอนดึก มองโลกในแง่ดีเสมอ รวมถึงวิตามินคุณภาพสูงที่เหมาะสมกับวัย รถยนต์ยังต้องเติมน้ำมันเครื่อง คนเราก็ต้องเติมวิตามินให้ร่างกายด้วยเช่นกัน

สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพที่สุด มีดังนี้
1.pycnogenol   ที่สุดของวิตามินเหนือระดับ ในบรรดาสารต้านอนุมูลอิสระทั้งหลายในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น Q10,glutathione ,grape seed,ester-c,vitamin e ,beta-carotene,selenium,astaxanthin ฯลฯ ไม่อาจเทียบได้กับ pycnogenol ซึ่งถือกำเนิดเกิดมา ตั้งแต่ ค.ศ 1947 โดย Dr.Jacques Masquelier นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ผู้ปรีชาสามารถ โดยค้นพบ OPC จากการสกัดเปลือกถั่วลิสง โดยบังเอิญ จากนั้นจึงต่อยอดพัฒนาและจดสิทธิบัตรกระบวนการสกัด OPC ( Oligomeric Proanthocyanidins ) จากเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส ( frence maritime pine bark ) มีชื่อทางการค้า คือ pycnogenol
โดยสามารถสกัดได้ทั้งจากเปลือกสนฝรั่งเศสและเมล็ดองุ่นแดง ความเข้มข้นของ OPC โดยทั่วไป
ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ 95% จะพบได้ในเมล็ดองุ่น และรองลงมา 80-85% ในเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส

Dr.Jacques Masquelier ได้เคยกล่าวไว้ว่า " กระบวนการสกัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้า flavonoid ไม่ได้รับการสกัดอย่างถูกต้อง มันจะมีความเป็นไปได้สูงที่สารต้านอนุมูลอิสระจะกลายเป็นอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

การค้นคว้างานวิจัยของ pycnogenol มีมากกว่า 280 บทความและ 98 การทดลองทางคลีนิก ยืนยันถึงความปลอดภัยในการกิน pycnogenol ซึ่งละลายน้ำได้ และมีความโดดเด่นในเรื่องผิวพรรณ กล่าวคือ  pycnogenol ลดความเสียหายของอนุมูลอิสระที่คอยพรากความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณ มีผลดีอย่างมากในการปกป้องคอลลาเจนและอีลาสตินจากการย่อยสลายของเอนไซม์โปรตีน ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจของนักวิทยาศาสตร์หลายคน ว่าทำไมการกิน pycnogenol สม่ำเสมอ จะสามารถย้อนอายุผิวได้มากถึง 10-15 ปี ดีกว่าการที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน นิยมกินคอลลาเจนสกัดเป็นหลายพันมิลลิกรัม พอนานวันเข้า ร่างกายย่อยสลายไม่หมด จึงกลายเป็นผังผืดรัดที่ไต อันตรายเห็นๆ เพราะฉะนั้น การที่เราจะทดแทนและเสริมสร้างคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพจากวัยที่มากขึ้น ควรเลือกกิน Pycnogenol ®จะเป็นวิธีดูแลผิวพรรณและฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างปลอดภัยสูงสุด แถมยังสามารถป้องกันผลกระทบความเสียหายของแสงยูวีได้อีกด้วย

2. Alpha Lipoic Acid  หรือ ALA เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ครอบจักรวาล( Universal Antioxidation ) ถูกใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และทดลองทางคลีนิกในปี ค.ศ 1950 และได้รับการยอมรับในแง่ของสารต้านอนุมูลอิสระ ในปีค.ศ 1988

ร่างกายสามารถสร้างได้เอง จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น พบมากที่ตับ,เนื้อเยื่ออื่นๆและอาหารบางชนิดเช่น บร็อกโคลี่ ผักขม เครื่องในสัตว์ ยีสต์ มะเขือเทศ แต่ไม่มากพอที่จะใช้เพื่อเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(ชะลอความเสื่อมของเซลล์) บางประเทศอนุมัติให้เป็นยารักษาโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน (คนที่เป็นเบาหวานนานเกิน 5 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการชาปลายมือปลายเท้า โดยเฉพาะบริเวณข้อมือหรือข้อเท้าเท่านั้น ) โรคตับอักเสบ เช่น ประเทศเยอรมัน แต่ในอเมริกาและญี่ปุ่น จัดเป็นอาหารเสริม

ALA  ทำหน้าที่เปลี่ยนกลูโคสให้กลายเป็นพลังงานและคอยจัดการกับอนุมูลอิสระ(Antioxidant)ที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการสลายกลูโคสภายในเซลล์ จึงมีผลในการลดน้ำตาลได้อีกด้วย แต่จะสร้างลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ทั้งสามารถออกฤทธิ์ได้ในส่วนของร่างกายที่เป็นน้ำและน้ำมัน เรามารู้จักก่อนนะคะว่าวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอีและวิตามินเค อาศัยน้ำดีช่วยในการดูดซึม ร่างกายเก็บสะสมไว้ที่ตับ หากมีมากเกินจะเกิดอาการแพ้ได้ ส่วนวิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำ เช่น วิตามินบีและวิตามินซี ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้จากการกินเข้าไปเท่านั้น หากมีมากเกิน ร่างกายจะขับออกมาทางปัสสาวะ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระแทบทุกตัวจะออกฤทธิ์ได้ดีในส่วนที่เป็นน้ำหรือน้ำมันเท่านั้น

กรดอัลฟ่าไลโปอิก มีบทบาทส่งเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ เช่น วิตามินซี วิตามินอี กลูต้าไธโอนและCOQ10 ปกติสารต้านอนุมูลอิสระพวกนี้เมื่อผ่านกระบวนการกำจัดอนุมูลอิสระแล้ว จะหมดฤทธิ์ทันทีแต่กรดอัลฟ่าไลโปอิกจะชุบชีวิตให้ฟื้นคืนเพื่อทำหน้าที่อีกครั้ง แถมโดดเด่นด้วยคุณสมบัติลดขนาดรูขุมขน ลดริ้วรอยและส่งเสริมให้ผิวขาวใสได้อีก ซึ่งแทบไม่มีวิตามินตัวไหนมีคุณสมบัติเหมือน ALA โดยเฉพาะลดขนาดรูขุมขนได้จริง เครื่องสำอางบางแบรนด์มีส่วนผสมของ ALA ยังต้องรีบจดสิทธิบัตรไว้เลยนะคะ

3.SOD สารสกัดจากแคนตาลูปฝรั่งเศสอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นสายพันธ์ุที่หายาก ปลูกเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส มี SOD มากกว่าเมลอนธรรมดา 7 เท่า จดสิทธิบัตรโดยใช้ชื่อว่า Extramel  เอนไซม์ SOD ได้รับการขนานนามว่า " เอนไซม์แห่งชีวิต " ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ 1968

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ สามารถสกัดเอสโอดีจากแคนตาลูปฝรั่งเศส โดยใช้กรรมวิธีเทคโนโลยีชั้นสูงencapsulation จดสิทธิบัตรมีชื่อเรียกว่า GilSODin  เพื่อให้คงตัวในระบบทางเดินอาหาร ลอดผ่านการย่อยของกระเพาะอาหารโดยไม่ถูกทำลาย สามารถดูดซึมที่ลำไส้เล็กได้ดี

สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มเปอร์ออกไซด์ ( peroxide ) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีการซ้อนของโมเลกุลออกซิเจนมากเป็น 2 เท่าของสารอนุมูลอิสระทั่วไป ส่งผลให้สารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป เช่น A,C,E ไม่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระจำพวกนี้ได้ ร่างกายจึงสร้างสารต้านอนุมูลอิสระชนิดพิเศษขึ้นมาเรียกว่า SOD จัดว่าเอนไซม์ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างทรงพลังที่สุดลำดับต้นๆโดยเฉพาะกับเนื้อเยื่อผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงและลดอัตราการถูกทำลายของเซลล์จากอนุมูลอิสระได้ดีอีกด้วย

ครบถ้วนทุกประการในการจัดลำดับสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระที่ไม่ควรพลาดแล้วนะคะ วิตามินมีคุณประโยชน์กับร่างกายมนุษย์หากรู้จักเลือกให้ตรงกับความต้องการของแต่ละคน อายุขัยเดินหน้าไปเรื่อยๆเหลือทิ้งไว้เพียงความมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความทรงจำและความดีงามที่เราได้ประพฤติปฏิบัติต่อผู้อื่น สุขภาพดี ไม่ทนทุกข์ทรมานกับโรคต่างๆ เพียงเท่านี้ชีวิตก็มีความสุขเหลือคณา


วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

SOD สารต้านอนุมูลอิสระแห่งความเยาว์วัย

  ในโลกของวิตามินแท้จริงแล้ว มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก วิตามินหลายตัว บางคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนด้วยซ้ำไป ถ้าชอบค้นคว้าวิตามินอยู่เป็นนิจ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

ความเสื่อมโทรมของร่างกายมาพร้อมอายุที่มากขึ้น แม้จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่นอนดึก ความชรายังคงติดตามเรามาเรื่อยไป จะมีวิธีอื่นใดที่จะชะลอกระบวนการชราโดยสารต้านอนุมูลอิสระให้ช้าลงได้บ้าง มาดูกันเลยค่ะ

สารต้านอนุมูลอิสระคือ สารที่ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้พวกอนุมูลอิสระก่อตัวขึ้น โดยจะทำการยับยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระและหยุดการก่อตัวใหม่ของอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระที่ไปทำลายเซลล์ต่างๆในร่างกาย รวมถึงช่วยกำจัดและแทนที่โมเลกุลที่ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง

ใน Blog นี้จะกล่าวถึง SOD ( Superoxide Dismutase ) สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มเปอร์ออกไซด์ ( peroxide ) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีการซ้อนของโมเลกุลออกซิเจนมากเป็น 2 เท่าของสารอนุมูลอิสระทั่วไป ส่งผลให้สารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป เช่น A,C,E ไม่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระจำพวกนี้ได้ ร่างกายจึงสร้างสารต้านอนุมูลอิสระชนิดพิเศษขึ้นมาเรียกว่า SOD จัดว่าเอนไซม์ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างทรงพลังที่สุดลำดับต้นๆโดยเฉพาะกับเนื้อเยื่อผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงและลดอัตราการถูกทำลายของเซลล์

เอสโอดีช่วยให้ร่างกายใช้แร่ธาตุที่สำคัญอย่างสังกะสี ทองแดง แมงกานีส ได้อย่างมีประสิทธิภาพหากแร่ธาตุเหล่านี้มีไม่เพียงพอ เอนไซม์ก็ไม่อาจทำงานได้ เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ร่างกายของเราจะผลิตเอนไซม์เอสโอดีน้อยลงเรื่อยๆการรับประทานเอสโอดีเสริม นับเป็นอีกทางเลือกที่สำคัญในการช่วยลดริ้วรอยและชะลอกระบวนการชราได้

SOD รูปแบบเดิมมีโครงสร้างโมเลกุลที่เปราะบางมาก มักถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะอาหารและเอนไซม์ย่อยอาหาร

สารสกัดจากแคนตาลูปฝรั่งเศสอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นสายพันธ์ุที่หายาก ปลูกเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส มี SOD มากกว่าเมลอนธรรมดา 7 เท่า จดสิทธิบัตรโดยใช้ชื่อว่า Extramel  เอนไซม์ SOD ได้รับการขนานนามว่า " เอนไซม์แห่งชีวิต " ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ 1968

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ สามารถสกัดเอสโอดีจากแคนตาลูปฝรั่งเศส โดยใช้กรรมวิธีเทคโนโลยีชั้นสูง encapsulation เรียกชื่อว่า GilSODin  เพื่อให้คงตัวในระบบทางเดินอาหาร ลอดผ่านการย่อยของกระเพาะอาหารโดยไม่ถูกทำลาย สามารถดูดซึมที่ลำไส้เล็กได้ดี

กลุ่มนักวิจัยในฝรั่งเศสและเยอรมนี โดย Dr.Claus Muth สรุปว่า GilSODin สามารถป้องกันความเสียหายของ DNA ที่เกิดจากการโจมตีของอนุมูลอิสระ

ในปีค.ศ 2005 Rutgers University ในมลรัฐนิวเจอซี่ย์ อเมริกา พบว่า GilSODin สามารถเสริมสร้างประสิทธิภาพของร่างกายนักกีฬา ลดความเจ็บปวดและเมื่อยล้าได้อย่างดี

มีประโยชน์อย่างไร
1.ยับยั้งกระบวนการเกิดอนุมูลอิสระภายในเซลล์
2.ยับยั้งการสะสมของกรดแลกติกในระหว่างการออกกำลังกายซึ่งจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อ ( ภาวะซึ่งเลือดและเนื้อเยื่อในร่างกายมีความเป็นกรดมากกว่าปกติ กล้ามเนื้อจะมีอาการเมื่อยล้าและเจ็บปวด ถือเป็นภาวะเลือดเป็นกรด ส่วนใหญ่เกิดจากการที่เซลล์ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่อความต้องการ เช่น ขณะออกกำลังกายอย่างหนัก )
3.ป้องกันการเผาไหม้จากรังสีUV
4.เพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย
5.ป้องกันการอักเสบของหลอดเลือด
6.ย้อนเวลาให้ผิว
7.ลดขนาดของเซลล์มะเร็งบางชนิด
8.ปกป้องผิวจากแสงแดด
9.ลดการอักเสบทั่วร่างกาย
10.เพิ่มพลังงาน ทำให้ไม่เหนื่อยง่าย
11.ริ้วรอยลดลงแลดูตื้นขึ้น ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
12.เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
13.ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สว่างใส
14.ลดอาการปวดศีรษะ

แหล่งของเอสโอดีตามธรรมชาติได้แก่ ข้าวบาร์เล่ย์ บร็อกโคลี กะหล่ำดาว กะหล่ำปลี ต้นอ่อนข้าวสาลี

ขอแนะนำ SOD GilSODin ยี่ห้อ life extension ครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น เกรดคุณภาพเยี่ยม แป้งกินมาครบ 4 เดือน ผิวหน้าเปล่งปลั่ง สว่างใสแถมเวลาออกกำลังกายแต่ละวันไม่เคยปวดเมื่อยตามตัวแม้เพียงสักครั้ง ยังไงก็ตามแต่ สารสกัดจากแคนตาลูปฝรั่งเศสให้ผลลัพธ์สุดคุ้มในการลงทุนสุขภาพครั้งนี้แน่นอนค่ะ


วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

wobenzym เอนไซม์เพิ่มพลังชีวิตให้กลับคืนสู่วัยหนุ่มสาวอีกครั้ง


  Blog นี้อาจจะเข้าใจยากอยู่สักหน่อยเนื่องจากสิ่งที่แป้งกล่าวถึง อยู่ในระบบย่อยอาหาร ซึ่งมองไม่เห็นภาพชัดเจน นึกอย่างไรก็ไม่ออก แต่มีความสำคัญลำดับต้นๆในร่างกายเลยนะคะ ใครที่เคยอ่าน blog อื่นๆที่แป้งมักเขียนว่าวิตามินบีจะมีประโยชน์ในการเผาผลาญอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงานในร่างกาย นี่แหละต้นกำเนิดของการเปลี่ยนแปลงสารอาหารทุกประเภท มีความลึกลับสลับซับซ้อนอยู่ในนี้ค่ะ

โดยทั่วไปแล้ว อาหาร ยาและวิตามินจะถูกกระบวนการย่อยอาหารซึ่งเป็นกระบวนการทางเคมีชีวภาพเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปสารรวมถึงแยกย่อยโดยการทำงานของเอนไซม์ให้มีขนาดเล็กลงและมีโครงสร้างทางเคมีที่ง่ายขึ้น เช่น อาหารประเภทโปรตีนจะถูกย่อยให้เป็นกรดอะมิโน อาหารประเภทไขมันจะถูกย่อยกลายเป็นกรดไขมันเพื่อง่ายต่อการดูดซึมที่ลำไส้เล็กต่อไป


Enzyme ( เอนไซม์ ) มาจากภาษากรีก แปลว่า " หมัก " มนุษย์ทุกคนหลีกไม่พ้นความเสื่อมอันเกิดจากวัยที่มากขึ้น เห็นได้จากระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี การสร้างเนื้อเยื่อและซ่อมแซมอวัยวะลดลง ระดับภูมิคุ้มกันต่ำลง ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมหาศาลในร่างกายที่เราไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่รับรู้ได้จากความรู้สึกและสัญญาณบางอย่างในผู้ที่ช่างสังเกตเท่านั้น


เอนไซม์มีความจำเป็นต่อการย่อยอาหาร นำพาวิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโนเข้าสู่ร่างกาย เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาต่างๆที่เกิดขึ้นในร่างกาย ถูกทำลายได้ด้วยความร้อน เอนไซม์แต่ละชนิดทำงานกับอาหารแต่ละประเภท แยกเป็นอิสระ ในภาวะที่ร่างกายขาดเอนไซม์ตัวใดตัวหนึ่งจะส่งผลให้เกิดความเจ็บป่วยตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนถึงรุนแรง

Wobenzym คือสูตรเอนไซม์เฉพาะของระบบย่อยอาหารมานานหลายทศวรรษ เป็นผู้นำระดับโลกสุขภาพองค์รวม โดดเด่นที่สุดในด้านกระดูกและการอักเสบ ( การอักเสบเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ระบบภูมิคุ้มกันและต่อต้านการอักเสบในร่างกายเสียสมดุล )  ผลิตในประเทศเยอรมัน

โดดเด่นมากที่สุดในด้านสุขภาพของกระดูก เอ็น กล้ามเนื้อ เป็นที่รู้จักในเยอรมนีมากกว่า 40 ปี ประกอบด้วย พลังเอนไซม์จากพืช เอนไซม์ตับอ่อนและสารต้านอนุมูลอิสระ ถือได้ว่าเป็นเอนไซม์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในระบบย่อยอาหารแบบองค์รวม ส่งเสริมและเกี่ยวข้องเกือบทุกกระบวนการภายในร่างกายตั้งแต่การหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด การซ่อมแซมเนื้อเยื่อจนถึงส่งเสริมภูมิคุ้มกันในความเป็นจริง ร่างกายมนุษย์แต่ละคนมีพันเอนไซม์ช่วยขับสามล้านปฏิกิริยาทางเคมีทุกวินาที

มีการศึกษาทางคลีนิกในผู้ป่วยถึง 2400 คน วางจำหน่ายใน 22 ประเทศ มีผู้ใช้กว่า 29 ล้านคนทั่วโลก

เรามาดูส่วนประกอบหลักคุณภาพเยี่ยมที่ทรงคุณค่าในแต่ละเม็ดกันนะคะ

1.Pancreatin ( แพนครีเอติน ) เป็นเอนไซม์ที่ผลิตจากตับอ่อน ทำหน้าที่ย่อยอาหารประเภทไขมันและคาร์โบไฮเดรตโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีไขมันและวิตามินที่ละลายในไขมัน ( A,D,E,K )
2.Papain ( ปาเปน ) เป็นเอนไซม์จากมะละกอ ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนที่มีขนาดใหญ่ให้เป็นโมเลกุลที่เล็กลงเรียกว่า กรดอะมิโน
3.Bromelain ( บรอมีเลน ) เป็นเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติคล้ายยาแอสไพริน ลดการจับตัวของเกล็ดเลือดโดยมีฤทธิ์ยับยั้งการรวมตัวกันของเกล็ดเลือด เพิ่มการหลั่ง cytokine ที่มีความสามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว กำจัดเซลล์มะเร็งได้จึงมักใช้ควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้องอกและชิ้นส่วนของเนื้อร้าย ใช้ในการสมานแผลเช่น ลดการอักเสบของแผลจากการผ่าตัด ช่วยให้รอยแผลเป็นดูดีขึ้นได้รวมถึงช่วยลดการเกิดโรคที่เกิดจากการอุดตันในเส้นเลือด เช่น หลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ เป็นต้น
4.Chymotrypsin ( ไคโมทริปซิน ) เป็นเอนไซม์ที่เพิ่มความเร็วในการเกิดปฏิกิริยาเคมีในร่างกายบางชนิด ช่วยลดอาการบวม อักเสบและการทำลายเนื้อเยื่อ
5.Typsin  ( ทริปซิน ) เป็นเอนไซม์ย่อยโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโนเพื่อให้ง่านต่อการดูดซึมที่ลำไส้เล็ก ผลิตมาจากตับอ่อน

มีประโยชน์อย่างไร
1.ลดอาการปวดหลัง-คอ-ไหล่
2.ลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย
3.ลดการบาดเจ็บของเส้นเอ็นรวมถึงเส้นเอ็นอักเสบ
4.ช่วยเพิ่มระบบการย่อยอาหารในวัยชราจากความเสื่อมแห่งวัย
5.เพิ่มภูมิต้านทานจากส่วนผสมของ rutin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง ช่วยในระบบไหลเวียนเลือด
6.ลดการอักเสบของเนื้อเยื่อโดยเฉพาะโรค autoimmune thyrioditis ( hashimoto )
7.ลดรอยแผลเป็น
8.เป็นประโยชน์อย่างมากในผู้ที่หยุดให้เคมีบำบัดเพราะระบบย่อยอาหารจะเปลี่ยนแปลงมหาศาล
9.บรรเทาโรคปอดเรื้อรัง มะเร็งปอด ตับอ่อนอักเสบ มะเร็งตับอ่อน
10.อาจช่วยลดการอักเสบเรื้อรังในระบบหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยจากศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ใช้การตรวจเลือดแบบแม่นยำเป็นพิเศษเพื่อตรวจวัดระดับของ CRP ( C-reactive protein ) ซึ่งเป็นโปรตีนในเลือดที่ก่อให้เกิดและบ่งบอกถึงระดับการอักเสบในร่างกาย พบว่า ระดับการอักเสบที่เพิ่มขึ้นทำให้ความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายเฉียบพลันเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ระดับของ CRP ที่สูงในเลือด พบในโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ อัลไซเมอร์ มะเร็ง เบาหวาน ( การอักเสบเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ระบบภูมิคุ้มกันและต่อต้านการอักเสบในร่างกายเสียสมดุล )
11.ลดอาการปวดบวมช้ำหลังการผ่าตัด
12.เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักกีฬาในการกู้คืนการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว นักกีฬาที่เข้าแข่งขันโอลิมปิก ใช้ wobenzym ลดอาการบาดเจ็บได้มากถึง 70%
13.บรรเทาอาการปวดบวมข้อต่อและไขข้ออักเสบ ข้อเข่าอักเสบ
14.ป้องกันการอักเสบและความเสียหายระดับเซลล์
15.ลดการอักเสบที่เกิดจากภูมิแพ้

Joseph Brasco M.D. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินอาหารในอลาบามา สหรัฐอเมริกา ได้แนะนำให้ผู้ที่เข้าแข่งขันไตรกีฬารวมถึงคนไข้กินเอนไซม์ wobenzym เป็นเวลานานกว่าทศวรรษ

แป้งมักมีอาการเจ็บเส้นเอ็นข้อเท้าเวลาที่ใส่ส้นสูง บางทีต้องกินขมิ้นชัน ทายานวดคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดความเจ็บปวดเวลาลงน้ำหนักที่เท้าข้างซ้าย พอลองกิน wobenzym N ครั้งละ 3 เม็ด ก่อนอาหาร 45 นาที เช้า-เย็น อีก2 วันต่อมาปรากฏว่า ความเจ็บปวดมลายหายไปสิ้น แทบไม่น่าเชื่อเลย ทุกวันนี้อาการปวดเส้นเอ็นจากการใส่ส้นสูง ไม่เกิดขึ้นอีกเลย เริ่ดค่ะ
 


วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารต้านอนมูลอิสระขั้นสูง มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ตอนที่3

 
 1.Q10 คือวิตามินที่ผลิตได้ตามธรรมชาติในร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตพลังงานในเซลล์และป้องกันอนุมูลอิสระ พบได้เกือบทุกเซลล์ในร่างกายแต่คนส่วนใหญ่มีปริมาณ Q10 ไม่เพียงพอ มีคุณสมบัติละลายในไขมัน รูปแบบของวิตามินที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ softgel

ปริมาณที่เหมาะสมของ Q10 ในแต่ละวัน

1.Q10 30-100 มิลลิกรัม สำหรับสุขภาพทั่วไป
2.Q10 90-160 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหักโหม
3.Q10 60-160 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่มีกรรมพันธุ์เป็นโรคหัวใจ
4.Q10 100-200 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจอย่างอ่อน
5.Q10 200-300 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่กินยาลดไขมัน
6.Q10 300-360 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจล้มเหลว
7.Q10 1200 มิลลิกรัม สำหรับผู้ที่เป็นโรคพาร์กินสัน

แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น บร็อกโคลี ผักใบเขียว ถั่ว หอย เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว

มีการศึกษาหนึ่งพบว่า คนที่กินQ10 ภายใน 3 วัน นับจากหัวใจวายมีโอกาสน้อยมากที่จะมีอาการเจ็บหน้าอกรวมถึงหัวใจวายตามมาและเสียชีวิตจากโรคหัวใจมากกว่าผู้ที่ไม่ได้กิน Q10 

ทุกวันนี้ Q10 ถูกใช้กับผู้คนนับล้านในประเทศญี่ปุ่นสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหัวใจล้มเหลวนอกจากนี้ยังมีการใช้อย่างกว้างขวางในยุโรปและรัสเซีย

Q10 ส่วนใหญ่ที่วางขายในอเมริกาและแคนาดาผลิตมาจากประเทศญี่ปุ่นโดยการหมักหัวบีตและอ้อยสายพันธุ์พิเศษของยีสต์

2.glutathione เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นใน cytoplasma ของเซลล์ เรียกได้ว่า แทบทุกเซลล์จะต้องมีกลูต้าไธโอน ถูกสังเคราะห์จาก 3 กรดอะมิโนในกระบวนการ 2 ขั้นตอน เริ่มด้วยการรวมตัวกันของ glutamic acid & cysteine สิ้นสุดด้วย glycine

สามารถผลิตได้ตามธรรมชาติโดยตับ ทำหน้าที่ช่วยสร้างเยื้อเยื่อรวมถึงการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นในเซลล์ อัดฉีดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและมีส่วนในการยับยั้งกระบวนการชรา

Glutathione ได้รับการศึกษาวิจัยทางคลีนิกและพิสูจน์ได้ว่า สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ทั่วร่างกายรวมไปถึงเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ ยังช่วยป้องกันมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งตับ ล้างพิษในระดับเซลล์ เพิ่มความแข็งแรงและความทนทานให้กับร่างกาย 

กลูต้าไทโอน ดูดซึมได้ไม่ดีนักเมื่อรับประทานทางปากเนื่องจากโดนน้ำย่อยในระบบทางเดินอาหารทำลาย ไม่เหลือไว้ให้ลำไส้เล็กดูดซึมไปใช้ จึงนิยมฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ มักฉีด glutathione เพื่อป้องกันผลข้างเคียงจากเคมีบำบัดและรักษาภาวะมีบุตรยาก

แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น หน่อไม้ฝรั่ง มันฝรั่ง พริก แครอท หัวหอม อะโวคาโด ผักโขม กระเทียม มะเขือเทศ ส้มโอ แอปเปิ้ล ส้ม กล้วย ลูกพีช

3.NAC ย่อมาจากคำว่า N-acetyl- cysteine เป็นแหล่งของกลูต้าไธโอนชั้นเยี่ยม ทำหน้าที่กระตุ้นให้ตับสร้างกลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการล้างพิษ ป้องกันการอักเสบไปจนถึงความเสียหายระดับเซลล์และอาจป้องกันการเกิดมะเร็งได้

แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลา ไข่ บร็อกโคลี หัวหอม

มีการทดลองในหนูและการศึกษาในมนุษย์พบว่า ช่วยปกป้องเซลล์กับการเกิดความเครียดได้ดีซึ่งความเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆโดยเฉพาะโรคมะเร็งจากความอ่อนแอของระบบภูมิคุ้มกันอีกทั้งลดการเกิดกระบวนการ oxidation ( อนุมูลอิสระ ตัวการที่เร่งให้เกิดความชรา ) ในเซลล์ประสาทและการตายของเซลล์สมอง ต้นเหตุของโรคสมองเสื่อมอีกด้วย

4.grape seed เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเพียงไม่กี่ตัวที่สามารถผ่านระบบกั้นระหว่างเส้นเลือดและสมองได้ มีสารสำคัญเรียกว่า OPC ( oligomeric proanthocyanidins ) ได้รับการขนานนามว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดตัวหนึ่ง มีหลักฐานที่ดีว่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยรักษาหลอดเลือดดำอุดกั้นเรื้อรัง ( เส้นเลือดขอด ) อาการฟกช้ำและอาการบวมน้ำ

แหล่งอาหารตามธรรมชาติ สารสกัดจากเมล็ดองุ่นมาจากองุ่น ไม่มีแหล่งอาหารอื่น

การศึกษาของอาสาสมัครสุขภาพดี พบว่าการใช้สารสกัดจากเมล็ดองุ่นสามารถเพิ่มระดับของสารต้านอนุมูลอิสระในเลือด สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่ทำลายอนุมูลอิสระ ( สารประกอบที่อันตรายในร่างกายก่อให้เกิดความเสียหายของ DNA ) แม้กระทั่งทำให้เกิดการตายของเซลล์ต่างๆ รวมถึงการนำไปสู่การเกิดริ้วรอยเช่นเดียวกับการพัฒนาปัญหาสุขภาพรวมถึงโรคหัวใจและโรคมะเร็ง

5.เมลาโทนิน คือฮอร์โมนที่เกิดจากการสังเคราะห์จากกรดอะมิโนทริปโตเฟน ( tryptophan ) โดยมีความมืดเป็นตัวกระตุ้นและหยุดหลั่งเมื่อเจอแสงสว่าง ปริมาณเมลาโทนินจะเพิ่มสูงขึ้นในตอนกลางคืนเริ่มตั้งแต่ประมาณ 22 นาฬิกามีปริมาณสูงสุดประมาณ 3 นาฬิกา เมลาโทนินเหนี่ยวนำให้เกิดการนอนหลับลึก ช่วยกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนการเจริญเติบโต ( growth hormone ) เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตเมลาโทนินน้อยลง ส่งผลให้เวลานอนของผู้สูงอายุลดน้อยลงและประสบปัญหานอนไม่หลับบ่อยครั้งรวมถึงการทำงานที่ต้องเปลี่ยนกะและอาการ jet-lag ( การนอนไม่หลับเมื่อต้องเดินทางโดยเครื่องบินข้ามเขตเส้นแบ่งเวลา ) ก็จะทำให้ปริมาณเมลาโทนินต่ำเกินไปด้วยเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะฮอร์โมนแห่งการนอนหลับแต่เมลาโทนินยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ดีอีกตัวหนึ่ง

นักวิทยาศาสตร์ พบว่าเมลาโทนินชะลอสัญญาณแรกของริ้วรอยในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กนอกเหนือจากบทบาทที่ช่วยให้นอนหลับอีกทั้งยังมีประโยชน์ในด้านส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย รวมถึงรักษาความดันโลหิตสูงและไมเกรน

 แหล่งอาหารตามธรรมชาติ เช่น สับปะรด กล้วย ส้ม ข้าวโอ๊ต ข้าวโพดหวาน ข้าว มะเขือเทศ บาร์เลย์

ในปี 2005 มีการศึกษาในหนูทดลองพบว่า สมองของหนูชรากลับมีความกระฉับกระเฉงเพิ่มขึ้นสวนทางกับอายุที่มากขึ้น

จะเห็นได้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด นักวิทยาศาตร์ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวข้องกับโรคภัยไข้เจ็บและกระบวนการชราซึ่งเกิดจากอนุมูลอิสระโจมตีทั้งสิ้น แทบไม่มีงานวิจัยไหนเลยที่บ่งบอกถึงผลลัพธ์ของผิวพรรณที่นุ่มเนียนขาวใส จึงถือได้ว่าหากเรากินวิตามินเกรดวัตถุดิบคุณภาพสูง นอกจากจะเพิ่มระดับภูมิต้านทาน ลดการอักเสบ ล้างพิษในระดับเซลล์ ร่างกายแข็งแรงขึ้นรวมถึงชะลอวัย ผลพลอยได้คือความขาวใสที่สังเกตเห็นด้วยตาเปล่านั่นเอง





ที่มา ;
www.immunehealthscience.com/glutathione.html
www.nutrionexpress.com...>health concerns>heart
marshanunleymd.wordpress.com/.../melatonin-a-true-anti-aging
th.wikipedia.org/wiki/เมลาโทนิน
www.webmd.com/.../ingredientmono-938-coenzyme%20Q...

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สารต้านอนุมูลอิสระขั้นพื้นฐาน มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ตอนที่2


สารต้านอนุมูลอิสระพื้นฐาน มีดังนี้
1.วิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ มีความสำคัญในการผลิตคอลลาเจนและซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิว นับเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นช่วยต่อสู้สัญญานที่มองเห็นและมองไม่เห็นของริ้วรอย ในขณะที่อายุมากขึ้นจะทำให้ร่างกายผลิตเส้นใยอิลาสตินและคอลลาเจนลดลง 
แหล่งอาหารจากธรรมชาติ เช่น ส้ม บลูเบอรี่ มะเขือเทศ สตรอเบอรี่ สับปะรด แครนเบอรี่ มันฝรั่ง 
มีงานวิจัยจากศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยดุ๊ก สรุปว่า วิตามินซีสามารถปกป้องผิวจากแสงแดดและจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับวิตามินอี


2.เบต้าแคโรทีน เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ มีบทบาทในการบำรุงสุขภาพและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย 
แหล่งอาหารตามธรรมชาติของเบต้าแคโรทีน เช่น ตับ ไข่แดง แครอท ฟักทองผักสีเหลืองและเขียวเข้ม
ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ กล่าวว่า เป็นวิตามินที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในการปกป้องดวงตาที่จะไม่ให้เสื่อมสภาพตามอายุรวมถึงการพัฒนาของโรคต้อกระจก มีรายงานว่า วิตามินเอจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนโดยปกป้องมวลกระดูกรวมถึงอาจช่วยปรับปรุงความสามารถในการเรียนรู้และหน่วยความจำในผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ซึ่งมีระดับวิตามินเอต่ำอย่างมีนัยสำคัญ


3.วิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จะดูดซึมจากลำไส้เล็ก เก็บเอาไว้ในตับและเนื้อเยื่อไขมัน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญอีกตัวหนึ่งเพราะจะช่วยปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์และป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระยับยั้งให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
แหล่งอาหารธรรมชาติ เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน ธัญพืช ข้าวโอ๊ต ถั่ว ผลิตภัณฑ์นม 

วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำงานร่วมกับวิตามินซีและต่อสู้ความเสียหายภายในเซลล์ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมอง 

ตามรายงานวารสารวิทยาศาสตร์โลก ฉบับ 22 พฤษภาคม ค.ศ 2009 อธิบายว่า การเสริมวิตามินอีในวัยกลางคนพร้อมกับออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถป้องกันการโจมตีของภาวะสมองเสื่อม ความจำลดลง รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย


4.ซีลีเนียม เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร มีประสิทธิภาพป้องกันร่างกายให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งรวมถึงมะเร็งผิวหนังที่เกิดจากแสงแดด นอกจากนี้ยังรักษาความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อและชะลอการเสื่อมสภาพของของเซลล์ที่เกิดอนุมูลอิสระโจมตีได้ดีมาก
มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า เมื่อรับประทานหรือทาลงบนผิวหนัง ซีลีเนียมในรูปแบบของ L-selenomethionine สามารถป้องกันความเสียหายที่เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเล็ตรวมถึงชะลอการดำเนินของโรคมะเร็งผิวหนังในสัตว์ทดลองอีกด้วย


แหล่งอาหารตามธรรมชาติของซีลีเนียมเมล็ดธัญพืช อาหารทะเล กระเทียม ไข่


มีหลากหลายครีมบำรุงผิวที่กล่าวว่า สามารถลดเลือนริ้วรอยและป้องกันรอยเหี่ยวย่น โฆษณาชวนเชื่อต่างๆนานา แต่ในความเป็นจริง คุณได้รับน้อยกว่าเงินในกระเป๋าที่จ่ายไป แม้ว่าครีมบำรุงหลากหลายยี่ห้อจะใส่วิตามินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระแต่ปริมาณน้อยนิดเหลือเกิน จึงไม่มีประสิทธิภาพที่จะป้องกันริ้วรอยหรือย้อนกลับความเสียหายของผิวที่เกิดขึ้นได้
"แม้จะมีการกล้าวอ้างในโฆษณาสูตรเฉพาะที่มีอยู่เกือบทั้งหมด ส่วนใหญ่จะมีความเข้มข้นต่ำมากของสารต้านอนุมูลอิสระที่ไม่ได้ดูดซึมได้ดีทางผิว " 


ในการประชุมประจำปีของสถาบันโรคผิวหนังอเมริกัน Karen E.Burke M.D กล่าวว่า มีสารต้านอนุมูลอิสระ 3 ชนิดที่ได้รับการพิสูจน์เพื่อลดความเสียหายจากแสงแดดและปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหาย คือ selenium vitamin e และ vitamin c


ส่วนวิตามินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นสูงและวิตามินที่เป็นสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ จะกล่าวใน blog หน้า โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ










ที่มา ;
http:www.webmd.com/beauty/aging/myth-us-reallity-on-anti-aging-vitamin

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สารต้านอนุมูลอิสระมีความสำคัญแค่ไหนกับร่างกาย ตอนที่1


ทุกลมหายใจเข้าออก ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้น ร่างกายมนุษย์ใช้สารต้านอนุมูลอิสระที่แตกต่างกันในการควบคุมอนุมูลอิสระ
จำแนกเป็น 2 ชนิดคือ
1.สารต้านอนุมูลอิสระภายใน ( ผลิตได้เองในร่างกาย )
2.สารต้านอนุมูลอิสระภายนอก ( จากการบริโภคอาหารและแหล่งอื่นๆ )
ซึ่งอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นโมเลกุลที่สามารถทำลายเซลล์โดยไม่อาจควบคุมได้ ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าใด สารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสร้างโดยธรรมชาติเพื่อควบคุมโมเลกุลที่พร้อมทำลายล้าง ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่ออนุมูลอิสระสะสมในร่างกาย ร่างกายของเราจะเสื่อมสภาพลง ความชราจะมาเยือนเร็วขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงต่อทุกอย่าง ตั้งแต่จุดด่างดำ ริ้วรอยไปจนถึงโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาได้

ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระ

1.ชะลอกระบวนการชรา
2.ลดระดับ cholesterol
3.ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว
4.ช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคเส้นโลหิตในสมองตีบ
5.ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งทุกชนิด
6.ช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ( ความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ ) 
7.ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกต่างๆ
8.ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษที่อาจก่อมะเร็ง
9.ปกป้องดวงตาจากโรคจอประสาทตาเสื่อมซึ่งเป็นสาเหตุของการตาบอดในผู้สูงอายุ
10.ช่วยป้องกันโรคปอดเรื้อรังต่างๆเช่น โรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ ถุงลมโป่งพอง
11.เป็นเกราะป้องกันมลพิษจากสิ่งแวดล้อม
12.ย้อนอายุผิวและความเยาว์วัยได้ 5-10 ปี

ในโลกของวิตามิน มีวิตามินหลายชนิดที่จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระพื้นฐาน สารต้านอนุมูลอิสระชั้นสูงและสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ไม่มีใครหยุดยั้งความชราได้ นอกจากชะลอวัยให้
ช้าลงโดย

1.เลือกกินอาหารที่อุดมไปด้วยผักและผลไม้สด 
2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเป็นยาอายุวัฒนะแต่ต้องมีขีดจำกัด การออกกำลังกายที่มากเกินไปในระยะยาว สามารถเร่งการเกิดริ้วรอยได้เช่นกัน เนื่องจากร่างกายอยู่ภายใต้ความกดดันขณะออกกำลังกาย คอร์ติซอล ( ฮอร์โมนแห่งความเครียด ) ถูกปล่อยออกมาเมื่อมีระดับความเครียดสูงในร่างกาย ภาควิชาสรีรวิทยา มหาวิทยาลัยวาเลนเซีย ระบุว่า การออกกำลังกายอย่างหนักทำให้เกิดการผลิตของอนุมูลอิสระจากเซลล์และอนุมูลอิสระเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสียหายระดับเซลล์ 
3.พักผ่อนให้เป็นเวลา อย่านอนดึก ส่งผลให้ระดับภูมิต้านต่ำ ความเจ็บไข้ได้ป่วยจะมาเยือนได้ง่ายมาก
4.ไม่เคร่งเครียดจนเกินไป ระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้นจะสวนทางกับระดับสารต้านอนุมูลที่ลดลง นานวันเข้าภาวะความเครียดสูงจะนำไปสู่ความเหนื่อยล้า เจ็บป่วย เสื่อมสมรรถภาพ ภาวะซึมเศร้า นอนไม่หลับ สูญเสียความทรงจำ รวมถึงริ้วรอยก่อนวัยอันสมควร 
5.มองโลกในแง่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตที่ช่วยเพิ่มระดับภูมิต้านทานในร่างกายได้เป็นอย่างดีรวมถึงเลือกกินวิตามินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ ซึ่งจะกล่าวถึงใน blog หน้าค่ะ








ที่มา ; Vitamin bible

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม