บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562

R-ALA สารต้านอนุมูลอิสระที่ไม่เหมือนใคร

กรดไลโปอิก(LA)หรือที่เรียกว่ากรดอัลฟ่าไลโปอิก(ALA),R-ALA หรือเรียกว่ากรด Thioctic เป็นสารที่ประกอบด้วยซัลไฟด์ พบได้ในเซลล์ทุกเซลล์ของร่างกาย

 ALA จากธรรมชาติหรือเรียกว่า R-ALA พบในเนื้อเยื่อสัตว์และพืช ในปริมาณน้อยมาก ทำหน้าที่เป็นปัจจัยร่วมสำหรับเอนไซม์ไมโตคอนเดรีย(Mitochondria)ในระหว่างการผลิตพลังงาน

เนื่องจากมีความยากลำบากอย่างมากและค่าใช้จ่ายสูงในการแยกส่วนประกอบของ R-ALA นักวิจัยในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจึงทำการศึกษาด้วยกรดไลโปอิกสังเคราะห์ 

กรดไลโปอิกสังเคราะห์ประกอบด้วยส่วนประกอบ 50:50 ของสองรูปแบบ(enantiomers)ที่เรียกว่า R-ALA และ S -ALA  ซึ่งทั้งสอง R-ALAและ S -ALA เป็นรูปแบบของ ALA ที่เรียกว่าไอโซเมอร์

ความแตกต่างของ ALA และ R-ALA คือ ALA เป็นสารต้านอนุมูลอิสระคล้ายวิตามิน ในขณะที่ R-ALA เป็นรูปแบบตามธรรมชาติ มีความคงตัวสูงและดูดซึมได้ดีกว่า ALA

 นอกจากนี้ ALA โจมตีอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ ในขณะที่ R-ALA ทำหน้าที่เป็นปัจจัยร่วมสำหรับเอนไซม์ ไมโตคอนเดรีย(Mitochondria)ในระหว่างการผลิตพลังงาน จากการหายใจด้วยเซลล์

  การวิจัยแสดงให้เห็นว่า R-ALA เป็นรูปแบบทางชีวภาพของ ALA ที่ให้ประโยชน์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะระบบประสาทมากขึ้นในขนาดที่ต่ำกว่ากรดไลโปอิกสังเคราะห์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

 ความเข้มข้นของกรดไลโปอิกในพลาสมาโดยทั่วไป จะสูงสุด ในหนึ่งชั่วโมงหรือน้อยกว่าและลดลงอย่างรวดเร็ว

 อาหารเสริมกรดอัลฟาไลโปอิกสังเคราะห์ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบ Rและ Sในปริมาณที่เท่ากัน  อย่างไรก็ตามมีเพียง R-ALA เท่านั้น เป็นรูปแบบที่พบตามธรรมชาติในร่างกาย

 แม้ว่ากรดไลโปอิกจะถูกผลิตขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย แต่นักวิจัยก็ไม่ได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของ ALA จนกระทั่งปี ค.ศ. 1930

 เมื่อตัวอย่างบริสุทธิ์ถูกแยกออกในปี ค.ศ 1950 เป็นครั้งแรกที่เชื่อว่าเป็นวิตามินใหม่

 ต่อมานักวิจัยค้นพบว่าในความเป็นจริง ALA เป็นโคเอนไซม์ที่จำเป็น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในปฏิกิริยาการขนส่งอิเลคตรอนแบบ ไมโตคอนเดรีย(Mitochondria)ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนกลูโคสเป็นสารให้พลังงานสูงแก่เซลล์(ATP)

 ในปี 1988 นักวิจัยได้เรียนรู้ว่า ALA เป็นสารต้านอนุมูลอิสระทางชีวภาพที่ทรงพลัง เมื่อค้นพบว่า ALA ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมันและละลายน้ำ ซึ่งสามารถข้ามเยื่อหุ้มเซลล์ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น ALA จึงสามารถป้องกันอนุมูลอิสระให้กับโครงสร้างเซลล์ทั้งภายในและภายนอก

 กรดอัลฟ่าไลโปอิก(ALA) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีลักษณะคล้ายวิตามินซึ่งสามารถต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ซ่อมแซมตับที่เสียหาย บรรเทาโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน (polyneuropathy) และป้องกันกระบวนการออกซิเดชั่นที่เร่งให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย

  Dr.Lester Packer นักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่สถาบัน Lawrence Berkeley Laboratory และหัวหน้าห้องแล็บที่ University of California ใช้เวลากว่า 35 ปีในการศึกษาว่า สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C, E และกลูตาไธโอนมีปฏิกิริยาอย่างไรในร่างกาย

 ดร. แพคเกอร์ค้นพบครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนว่า วิตามินอีถูกรีไซเคิลโดยวิตามินซี

แม้จะมีความเข้าใจอย่างละเอียดเกี่ยวกับวัฏจักรการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย เมื่อดร. แพคเกอร์และนักวิจัยคนอื่นทดสอบวิธีการเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระ พวกเขาพบปัญหาเมื่อพยายามเพิ่มระดับกลูตาไธโอนภายในเซลล์ ในขณะที่เพิ่มการบริโภคแหล่งอาหารจากธรรมชาติหรืออาหารเสริม สามารถเพิ่มระดับวิตามินอีและซีได้อย่างง่ายดาย

  แต่นอกเหนือจากการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพที่ทรงพลังแล้ว ดร.แพคเกอร์ยังค้นพบว่า ALA ยังสามารถเพิ่มระดับกลูตาไธโอนในเซลล์ได้อีกด้วย

 มีประโยชน์อย่างไร
 1.ลดความเสียหายของผิวและชะลอริ้วรอยก่อนวัย กรดไลโปอิกที่เป็นส่วนประกอบในครีมบำรุงช่วยเพิ่มความหนาของชั้นผิว ลดความหยาบกร้านและความเสียหายของผิวที่โดนแสงแดด

 2.กรดไลโปอิกอาจมีประโยชน์ในการป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โดยการลดระดับของ cytokines(สารที่หลั่งจากเซลล์ต่างๆ ในระบบภูมิคุ้มกันในภาวะที่ถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจนหรือตอบสนองต่อภาวะการอักเสบ)ในเลือด

 3.กรดไลโปอิกเมื่อรวมกับ Acetyl-l-carnitine จะช่วยลดความดันโลหิตและส่งเสริมการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย

 4.ช่วยยับยั้งการเกิดต้อกระจกและช่วยลดการตายของเซลล์ในจอประสาทตา(พบในสัตว์ทดลอง)

 5.ช่วยลดการอักเสบและการเสื่อมของกระดูกอ่อนในหนูที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม
 6.กรดไลโปอิกสามารถจับโลหะที่เป็นพิษและทำปฏิกิริยาเป็นกลาง เช่น แคดเมียม ทองแดง สังกะสี ตะกั่ว จึงป้องกันสารพิษสะสมในตับและกระแสเลือด

 7.มีประสิทธิภาพในป้องกันความเสียหายของเซลล์จากอนุมูลอิสระ

 8.ช่วยเพิ่มระดับกลูตาไธโอนและเอนไซม์ Superoxide Dismutase(SOD)

  9.ช่วยรีไซเคิลวิตามินซี อี ที่ถูกทำลายลงให้นำกลับมาใช้ในร่างกายได้อีกครั้ง

  10.ลดภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาทของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เป็นนานเกินกว่า 5 ปี(คนที่เป็นเบาหวานนานเกิน 5 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการชาปลายมือปลายเท้า โดยจะมีอาการเฉพาะบริเวณข้อมือหรือข้อเท้าเท่านั้น)

 หมายเหตุ อาหารเสริมกรดไลโปอิกที่วางจำหน่ายในขนาด 600-1800 มิลลิกรัมต่อวัน

 มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ปริมาณที่เพิ่มจะตามด้วยผลข้างเคียงที่มากขึ้น  ผลข้างเคียง : ผื่น ลมพิษ หายใจลำบาก คลื่นไส้ คันที่ผิวหนัง         





  ที่มา

 R-Lipoic Acid - The most active form of alpha-lipoic acid to support healthy nerve and brain function* |

Thorne www .thorne. com › products › r-li... iew

 www .selfhacked. com › blog › lipoi...Alpha-Lipoic Acid Benefits + Dietary Sources - SelfHacked

www .everydayhealth. com › a...Alpha-Lipoic Acid - Side Effects, Dosage, Interactions - Drugs - Everyday Health

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม