บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

เบต้าแคโรทีน วิตามินลดการเกิดสิว หน้าไม่มันแถมผิวสวยด้วยจ้า



 Beta- carotene เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จะเก็บสะสมไว้ที่ตับและเนื้อเยื่อไขมันต่างๆ ทำให้กำจัดออกจากร่างกายช้ากว่ากลุ่มวิตามินที่ละลายในน้ำ เช่น วิตามินบี ซี จึงเป็นสาเหตุที่วิตามินที่ละลายในไขมัน มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดพิษต่อร่างกายได้มากกว่าเมื่อรับประทานเกินขนาด 

แต่อย่าได้กลัวหรือรู้สึกกังวลไปเลยค่ะ เพราะหากร่างกายรับวิตามินเอมากเกินไป จะสังเกตได้ง่ายมากคือ ฝ่ามือและตัวเหลือง เหมือนตอนที่เรากินแครอทหรือมะละกอติดต่อกันเป็นอาทิตย์ วิธีแก้ง่ายๆคือ ให้หยุดกินวิตามิน 1-2 สัปดาห์ ฝ่ามือและตัวจะหายเหลืองทันที 

วิตามินเอ มีความจำเป็นต่อร่างกายในแง่ของผิวพรรณและความสมดุลของฮอร์โมน มีงานวิจัยมากมายที่พบว่า คนที่เป็นสิวรุนแรงนั้น มีระดับวิตามินเอในเลือดต่ำ ประโยชน์ของมันมีเยอะกว่าโทษหลายสิบเท่า มาดูความเป็นมาของเบต้าแคโรทีนกันนะคะ

 ถูกค้นพบใน ศตวรรษที่ 19 โดยนักวิทยาศาสตร์ ชาวเยอรมัน ชื่อ Wachen Roder H. หลังจากตกผลึกเบต้าแคโรทีนจากรากของแครอท แต่ถ้าเป็นอุตสาหกรรมเชิงพานิชย์ จะสังเคราะห์ได้จากน้ำมันปาล์ม , สาหร่าย หรือ เทคโนโลยีทางชีวภาพ

 วิตามินเอ มี 2 แบบ ขึ้นอยู่กับว่าได้จากแหล่งใดของอาหาร พืชหรือสัตว์ ดังต่อไปนี้

1.ได้จากสัตว์ เช่น ตับ ไข่ นม เนย เรียกว่า free from vitamin a ที่จะดูดซึมในรูปของเรตินอล เวลาสกัดเป็นวิตามินจะเขียนข้างขวดว่า palmitate มักจะเป็นวิตามินสังเคราะห์

2.สกัดได้จากพืช เรียกว่า pro vitamin a เวลาสกัดเป็นวิตามินจะเขียนข้างขวดว่า beta-carotene เพราะเบต้าแคโรทีนเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอค่ะ

 อธิบายได้ง่ายๆคือ เบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอเหมือน L-cysteine ที่เป็นสารตั้งต้นของกลูต้าไทโอนนั่นเอง

 เบต้าแคโรทีนจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอและออกฤทธิ์ได้ดี แต่  lutein ,zeaxanthin จะออกฤทธิ์ได้แค่ครึ่งหนึ่งของเบต้าแคโรทีนเท่านั้น

 เพราะฉะนั้น หากมองหาวิตามินที่ดูแลสายตา ช่วยในการมองเห็น ต้องกิน เบต้าแคโรทีนดีกว่าพวก lutein,zeaxanthin เยอะเลยค่ะ
  มีประโยชน์อย่างไร

1.ช่วยดูแลรักษาผิวพรรณ ช่วยให้ผิวไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ให้ผิวสดใส เรียบเนียน
2.ช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง ช่วยลดอนุมูลอิสระมีผลเกี่ยวข้องกับมะเร็งเนื้อร้าย เบต้าแคโรทีนให้ผลกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายที่ชื่อ ที-เฮลเปอร์ ( T-helper ) ให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง
3.ช่วยบำรุงสุขภาพของดวงตา ลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกได้อีกด้วย
4.ช่วยชะลอความแก่
5.ช่วยลดหน้ามัน จากการที่ต่อมไขมันทำงานน้อยลง
6.ส่งเสริมให้ผิวทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้น
  หลังจากได้ลองกิน beta- carotene 25000 iu ยี่ห้อ source naturals วันละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า เพื่อลดสิว ( หลังจากได้หยุดกิน acnotin ) เวลาล่วงเลยมาครบ 1 ปีพอดี ถึงเวลาที่ต้องตรวจสุขภาพประจำปี เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แป้งไปตรวจสายตา พบว่า สายตาสั้น 2 ข้าง 50 กับ 75 แถมเอียงอีกต่างหาก แต่มาปีนี้ กลับกลายเป็นว่า สายตาทั้ง 2 ข้างเป็นปกติ ไม่สั้นและเอียงเลยค่ะ มานั่งขบคิดว่า วิตามินเบต้าแคโรทีน นี่ดีจัง นอกจากช่วยลดการเกิดสิว หน้าไม่ค่อยมัน แล้วยังช่วยบำรุงสายตาได้อีกด้วยนะเนี่ย

                

 วิตามินไม่ใช่ยารักษาโรค ร่างกายมนุษย์ต้องการวิตามินที่มีคุณภาพเพื่อสังเคราะห์พลังงานเริ่มต้นในการดำรงชีวิตและมีกลไกตามธรรมชาติที่จะนำวิตามินไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ซึ่งจะเริ่มเสื่อมเมื่ออายุ 25 ปี ขึ้นไป จึงไม่มีพิษตกค้างสะสม ( หากเป็นวิตามินเกรดวัตถุดิบคุณภาพสูง)

 ถึงแม้จะมีเรื่องราวพิษของวิตามินมากมาย แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดในระหว่างการทดลอง ซึ่งต้องเป็นโดสที่สูงมากๆยากที่คนทั่วไปจะกินได้ เป็นเรื่องที่อาจเข้าใจได้ไม่ง่าย หากไม่ได้ศึกษาวิตามินอย่างถ่องแท้ แต่วิตามินที่แนะนำใน blog เป็นสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูงทั้งสิ้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องหยุดกินแต่ประการใด เพราะเรามีความจำเป็นต้องกินเติมเข้าไปในร่างกายอยู่เรื่อยๆ เพื่อช่วยลดปัญหาสิวและบำรุงผิวพรรณ

 การกินวิตามินร่วมกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นสิ่งที่ดีมาก นอกจากอายุยืน ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บแล้วยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วยค่ะ 


วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

เมลาโทนิน วิตามินแห่งความงามจากภายใน ไม่ได้มีดีแค่ช่วยให้หลับได้ลึกเท่านั้น


คงมีคนทั่วไปจำนวนไม่น้อยที่จะรู้จักวิตามินชื่อ melatonin ( เมลาโทนิน ) แป้งเองก็รู้จักได้เกือบ 4 ปีล่ะ ครั้งแรกจากการอ่านคอลัมน์ในนิตยสารชื่อดัง ยอดจำหน่ายสูงที่สุดในประเทศ โดยคนที่ให้สัมภาษณ์ เป็นคุณหมอที่เก่งมากๆแถมยังมีชื่อเสียงอย่างมากในวงการแพทย์ผิวหนัง

ตอนนั้นยังงงๆว่า วิตามินอะไรหว่า ไม่เห็นจะคุ้นเลย พอได้มีโอกาสเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ก็สอดส่ายหาวิตามินตัวนี้ ฮ้า ! เจอแล้ว เหมามา 6 กระปุก เก็บไว้ให้กินเอง 3 กระปุก ( หนึ่งกระปุก มี 240 เม็ด ) ที่เหลือแบ่งแฟนกับพ่อแม่ กินก่อนนอน 30 นาที จนหมดที่ครอบครอง จึงหยุดกินไปพักนึง แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์มานี้ แป้งได้มีโอกาสเข้าฟังบรรยายพิเศษเกี่ยวกับ anti-aging ; ความชราที่ไปไม่ถึง โดย นายแพทย์ พัฒนา เต็งอำนวย ผู้เชี่ยวชาญโรคไตและ anti-aging จบปริญญาเอก ด้านเซลล์วิทยา จากสหรัฐอเมริกา ท่านเล่าว่า ตอนเป็น residence ( แพทย์ประจำบ้าน ) เรียนหนักมาก เข้าเวรไม่หยุดหย่อน บางคืนถึงกับฝันว่า ถูกตามไปรักษาคนไข้ก็มี จึงเริ่มกิน melatonin 3 mg ( อายุ 30 ปี ) และกินเรื่อยมา จวบจนปัจจุบัน อายุ 52 ปี ท่านบอกว่า ไม่มีผมหงอกสักเส้น พอหูแป้งได้ยินเช่นนี้ กลับบ้านคืนนั้น รีบกินเมลาโทนิน ก่อนนอนทันที (คาดหวังว่า อนาคตผมจะไม่หงอก อิๆ)

Melatonin เป็นฮอร์โมนที่พบตามธรรมชาติในร่างกาย เกิดจากการสังเคราะห์กรดอะมิโน ทริปโตเฟน ( tryptophan ) โดยมีการสร้างที่ลำไส้ใหญ่ จอตาและต่อมไพเนียล (เป็นส่วนหนึ่งของสมองส่วนกลาง ) โดยมีความมืดเป็นตัวกระตุ้น หน้าที่หลักของเมลาโทนิน คือกำหนดรอบกลางวันและกลางคืน หรือเรียกว่า วงจรการนอนหลับ นั่นเอง

ความมืดจะทำให้ร่างกายผลิตเมลาโทนินมากขึ้น เป็นการส่งสัญญาณให้ร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับ แสงสว่างจะลดการผลิตเมลาโทนินลง คนที่มีปัญหาในการนอนหลับ มักมีระดับเมลาโทนินต่ำ ระดับเมลาโทนินในกระแสเลือดจะค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น เริ่มตั้งแต่ 22.00 น. จนถึงระดับสูงสุดในเวลาตีสาม ในฤดูหนาว ช่วงเวลากลางวันจะสั้น ทำให้ระหว่างวันร่างกายมีระดับเมลาโทนินเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย


ในบางคนจะมีปัญหาเรื่องการนอนและอาการซึมเศร้าในฤดูหนาว มิน่าล่ะ เวลาถึงฤดูหนาวทีไร มองเห็นท้องฟ้ามืดครึ้ม บรรยากาศอึมครึม แป้งมักรู้สึกเหงาพิกลบอกไม่ถูก แต่เป็นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้นเอง

 หากคนที่ดูหนังฮอลลีวู้ดเป็นประจำ จะมีฉากนอนหลับในยามค่ำคืน เค้าจะไม่ติดหลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือเรียกว่า หลอดนีออน เพราะจะมีแสงสว่างแยงตา แต่จะมีโคมไฟบนหัวเตียงเป็นไฟสีนวล( warm white ) มีส่วนช่วยให้นอนหลับได้มากขึ้น ตามโรงแรมมักจะตกแต่งด้วยไฟประเภทนี้ ทำให้แขกที่มาพักผ่อนเกิดความผ่อนคลาย หลับสนิท ตื่นมาพร้อมรับวันรุ่งขึ้นที่สดใส

มีประโยชน์อย่างไร
1.ใช้เพื่อปรับนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย ในคนที่เดินทางโดยเครื่องบินข้ามเขตแบ่งเวลาจากตะวันออกไปเขตตะวันตก ( Jet lag )

2.ช่วยให้คนที่นอนไม่หลับจากความเครียด ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง คนที่ต้องทำงานเป็นกะ หลับสนิทขึ้น ชีวิตมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

3. ป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อ DNA บางส่วน โดยมีกลไกการยับยั้งเซลล์มะเร็ง คนเรายิ่งมีความเครียดสะสมมากเท่าไหร่ ถึงแม้จะออกกำลังกายสม่ำเสมอแค่ไหน ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ทุกเมื่อ เพราะความเครียดจะกดภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ลดต่ำลง ส่งผลให้โรคภัยมาเบียดเบียนเราได้ง่ายขึ้น นั่นเอง

4.ลดความเสียหายจากการทำลายของเซลล์สมองจากโรคพาร์กินสัน

5.มีบทบาทในการป้องกันโรคหัวใจเต้นผิดปกติ

6.ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในคนสูงอายุ มีส่วนในการป้องกันการตายของเซลล์ประสาท amyloid (สารที่สะสมในสมองของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ) จากความผิดปกติในเนื้อสมอง จะพบลักษณะที่สำคัญสองอย่างคือ

6.1 กลุ่มใยประสาทที่พันกัน Neurofibrillary Tangles และ มีสาร Beta Amyloid ในสมอง ใยสมองที่พันกันทำให้สารอาหารไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ การที่สมองมีคราบ Beta Amyloid หุ้ม ส่งผลให้ระดับ acetylcholine (สารสื่อประสาท) ในสมองลดลง ( acetylcholine จะมีส่วนสำคัญในเรื่องการเรียนรู้และความจำ )
6.2 การอักเสบ (inflammatory) สาร amyloid เมื่อสลายตัวจะให้สารอนุมูลอิสระออกมา อนุมูลอิสระนี้จะทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์สมอง

7.เพิ่มอายุขัยให้ยืนยาวมากขึ้น 20 % ( พบในหนูทดลอง )

8.มีคุณสมบัติต่อต้านริ้วรอย จากการทดลองในหนูชรา พบว่า หนูชรามีการเปลี่ยนแปลง 13 genes ซึ่งจะพบได้ในยีนหนูอายุน้อยเท่านั้น

9.เมลาโทนิน เป็นสารที่ช่วยปรับสภาพร่างกายในรอบวัน เพราะมีคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับความสว่างและความมืด ( circadian rhythm ) และเหนี่ยวนำให้เกิดการนอนหลับลึก จึงช่วยกระตุ้นการหลั่ง growth hormone ( ฮอร์โมนแห่งความเยาว์วัย )


 เคยแนะนำให้พี่ในออฟฟิศกิน ช่วงที่มีปัญหาชีวิต จึงนอนหลับไม่สนิท กินได้ 8 เดือน มาเล่าให้แป้งฟัง มีแต่คนชมว่า ไปทำอะไรมา ทำไมสวยขึ้น ทั้งๆที่ปัญหารุมเร้า แป้งได้ยินพี่เค้าเล่าแล้ว รู้สึกดีมากๆที่มีส่วนช่วยทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งมีภูมิคุ้มกันและมีความสุขจากความงามที่เพิ่มขึ้นค่ะ

การใช้ melatonin พบว่าบางคนใช้ได้ผลดีใน dose น้อยกว่า 1 mg ขณะที่อีกหลายคนต้องใช้ใน dose สูงถึง 20 mg ( ในต่างประเทศ น่าจะเกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัว เพราะชาวอเมริกันส่วนใหญ่มีรูปร่างใหญ่โต อ้วนอืด )

แต่โดยทั่วไปแล้วพบว่า dose ที่ให้ผลดีที่สุดอยู่ในระหว่าง 3 ถึง 10 mg

ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ขึ้นทะเบียนเมลาโทนินเป็นอาหารเสริมจึงหาซื้อได้ทั่วไป ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ. 1995 ยอดขายของเมลาโทนินนั้นสูงกว่าแอสไพริน

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 เป็นต้นมา คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission)
ได้อนุมัติให้ใช้เมลาโทนินเป็นยา ชื่อทางการค้า คือ Circadin ข้อบ่งใช้ ; รักษาอาการนอนไม่หลับเบื้องต้น (การหลับที่ไม่มีประสิทธิภาพ) เป็นระยะเวลาสั้นๆในผู้ป่วยอายุ 55 ปีขึ้นไป

ยา Circadin มีส่วนประกอบของเมลาโทนิน 2 มิลลิกรัม โดยเป็นยาประเภทออกฤทธิ์ช้าปริมาณที่แนะนำคือ 2 มิลลิกรัม รับประทานสองชั่วโมงก่อนเข้านอนและหลังอาหารมื้อสุดท้ายของวัน ในประเทศเยอรมนี กำหนดให้เมลาโทนินเป็นยาที่ต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของการใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ โดยไม่ว่าจะมีปริมาณเท่าไหร่ก็ยังต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์ รวมทั้งไม่อนุญาตให้มีขึ้นทะเบียนว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารเสริม แต่ในประเทศไทย เมลาโทนิน ถูกขึ้นทะเบียนเป็นยา จำหน่ายในโรงพยาบาลเท่านั้น

แป้งเลือกกิน melatonin 3 mg ยี่ห้อ nature's bounty วันละ 1 เม็ด ก่อนนอน 30 นาที เพราะเกรดวัตถุดิบคุณภาพสูง แต่ไม่รู้ว่าจะป้องกันไม่ให้ผมหงอก ทันหรือเปล่าเนี่ย

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

NAC วิตามินปรุงผิวให้ขาวผ่องยองใย ดีกว่า glutathione เสียอีก


จากการสังเกตุร่างกายและจิตใจของตัวเองมาสักพัก นับตั้งแต่กินวิตามินชะลอวัยแถมความงดงามมาให้ด้วย หากวันไหนออกกำลังกายร่วมด้วย ความงามและสุขภาพแข็งแรงขึ้น 3 เท่าเลยนะคะ (เหงื่อออกเป็นการระบายของเสีย เลือดสูบฉีดทั่วร่างกาย ผิวใสเด้ง ) แม้กระทั่งตอนที่กำลังเขียน blog นี้อยู่ค่ะ โอ! ทำไมถึงได้มีความสุขล้นเหลือเช่นนี้นักก็ไม่รู้ อาจเพราะความสงบที่เกิดขึ้นในหัวใจ ก่อเกิดความผ่อนคลาย ชนิดที่ไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว สุภาษิตที่ว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" อยู่ภายในจิตใจเรานี่เองค่ะ

วันนี้มีสรรสาระและเบื้องหลังวิตามินชื่อ NAC มาฝากค่ะ

NAC ย่อมาจากคำว่า N-acetyl- L-cysteine เป็นแหล่งของกลูต้าไธโอนชั้นเยี่ยม พบได้จากอาหารตามธรรมชาติ แต่มีปริมาณน้อยเกินไป

Glutathione ประกอบด้วยกรดอะมิโน (หน่วยย่อยของโปรตีน) 3 ชนิด คือ cysteine , glycine และ glutamic acid เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่นใน cytoplasma ของเซลล์ เรียกได้ว่า แทบทุกเซลล์จะต้องมีกลูต้าไธโอนและถูกสังเคราะห์จาก 3 กรดอะมิโนในกระบวนการ 2 ขั้นตอน เริ่มด้วยการรวมตัวกันของ glutamic acid & cysteine สิ้นสุดด้วย glycine

โดยตับและปอด มีหน้าที่หลักในการสังเคราะห์กลูต้าไธโอน หากร่างกายได้รับในปริมาณสูงจะยับยั้งการสร้างสีผิว แต่ไม่แนะนำให้กินกลูต้าไธโอนแบบเม็ด เพราะถูกน้ำย่อยในระบบทางเดินอาหารทำลายหมด ไม่เหลือให้ลำไส้เล็กดูดซึมให้ร่างกายนำไปใช้ ต้องอยู่ในรูปฉีดเข้าเส้นเลือดดำ เท่านั้น

ในยุโรปใช้ NAC เป็นยารักษาโรคหลอดลมอักเสบ มานานกว่า 30 ปี ประเทศไทยขึ้นทะเบียนเป็นยากลุ่ม mucolytic ( ละลายเสมหะ ) และล้างพิษจากการกินยาแก้ปวดเกินขนาด ( 20-30เม็ดต่อครั้ง) ที่มีชื่อทางเคมี ; acetaminophen ส่วนชื่อทางการค้าที่เรารู้จักกันดี ในชีวิตหนึ่งทุกคนต้องเคยกินคือ ไทลินอล (tylenol)และ พาราเซต( paracetamol) นั่นเอง ในต่างประเทศ จัดเป็นอาหารเสริมที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดตัวหนึ่ง

มีประโยชน์อย่างไร
1.กระตุ้นให้ตับสร้างกลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการล้างพิษและป้องกันการเกิดมะเร็ง

2. การทดลองในหนูและการศึกษาในมนุษย์ของ NAC พบว่า ช่วยปกป้องเซลล์กับการเกิดความเครียด ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่เครียด คนเราเกิดมาใช้กรรมค่ะ ส่วนคนที่ตายไปแล้วถือได้ว่า หมดสิ้นเวรในชาตินี้ เพราะไม่ต้องรับรู้อะไรในโลกมนุษย์ แต่คนที่เหลืออยู่นี่สิ ต้องต่อสู้ดิ้นรน ดำเนินชีวิตต่อไป ความเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆโดยเฉพาะ มะเร็ง จากความอ่อนแอของระบบภูมิคุ้มกัน (ความเครียดที่เพิ่มขึ้นทำให้ระดับของกลูต้าไธโอนในร่างกายลดลงจนหมดไป หน้าจึงหมองดำคล้ำประหนึ่งโดนของ ทาครีมเทพอย่างไร ก็ไม่มีวันขาวใส )

3.ลดความเสี่ยงของไตวาย ในคนที่ต้องฉีดสี( สารทึบแสง)เพื่อการวินิจฉัยโรค

4.เมื่อกินคู่กับวิตามินซี จะทำให้เพิ่มศักยภาพของกลูต้าไธโอนให้โดดเด่น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

5.บรรเทาโรคปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง หอบหืด

6.ลดอาการของโรคซึมเศร้า (เป็นโรคทางจิตเวชที่ซับซ้อน เกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง)

7.เพิ่มพลังงานและช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังบาดเจ็บ

8.ลดการเกิดกระบวนการ oxidation ( อนุมูลอิสระ ตัวการที่เร่งให้เกิดความชรา ) ในเซลล์ประสาทและการตายของเซลล์สมอง ต้นเหตุของโรคสมองเสื่อม

9.คนที่สูบบุหรี่และเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี,ซี จะมีระดับกลูต้าไทโอนลดลง การกิน NAC จะช่วยเพิ่มระดับกลูต้าไธโอนในกระแสเลือดได้

10.ในคนสูงอายุจะมีระดับกลูต้าไธโอนในระดับต่ำมาก หากไม่อยากแก่ ต้องกินอะไรเอ่ย คำตอบคือ NAC ค่ะ

NAC จัดเป็นอาหารเสริมที่ปลอดภัย มหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา กำหนด dose เริ่มต้น 500 mg แต่ในปริมาณสูงถึง 7000 mg อาจก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกาย

ผลข้างเคียง ; คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ผื่นคัน

NAC จะมีกลิ่นเฉพาะตัวคือ ค่อนข้างมีกลิ่นคล้ายยาฆ่าเชื้อ แป้งเคยกินแค่ 3 วัน ทนกลิ่นไม่ไหว เลยเลิกกิน แต่พอได้มาสืบค้นข้อมูลลึกๆจากเวปต่างประเทศ อุ๊ย! คุณประโยชน์มหาศาล จัดเป็นวิตามิน anti-aging( ชะลอวัย) แนะนำให้ผู้หญิงอายุ 55 ปี พี่เค้ามีฝ้าเป็นปื้น 2 แก้ม กินไป 3 เดือนพร้อมทา jabushe original 24 hr cream ( 1 ปี) แป้งสังเกตว่า ฝ้าพี่เค้าจางลง ตอนนี้พี่เค้าไม่ต้องใช้คอนซีลเลอร์ เพื่อปกปิดอีกต่อไป แถมขาวขึ้นทั้งตัวอีกต่างหาก เห็นมากับสองตา ก็เลยกลั้นใจกิน NAC 500 mg ยี่ห้อ jarrow formulas ได้เกือบเดือนล่ะ อิๆ ก็ไม่อยากแก่นี่ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

เห็ดถั่งเช่ากับสุขภาพที่ย่ำแย่กลายเป็นแข็งแรง อย่างไม่น่าเชื่อ


โลกของเราทุกวันนี้ เต็มไปด้วยมลพิษต่างๆมากมาย ไม่ว่า สิ่งปนเปื้อนในอาหาร สารเคมี เช่น ควันรถยนต์ คนส่วนใหญ่ขาดการออกกำลังกาย ประกอบกับหน้าที่การงานย่ำอยู่กับที่หรือสูงขึ้น ความเครียดแทบไม่ต่างกัน เพราะแค่ออกจากบ้าน เจอรถติดมหาศาล เริ่มเครียดตั้งแต่เช้าเลยค่ะ ไม่นับสารพันปัญหาในที่ทำงาน พอกลับถึงบ้าน จึงเหนื่อยอ่อนล้า สิ้นเรี่ยวแรง นานวันเข้า กลายเป็นความเหนื่อยล้า แป้งเองก็เป็นหนึ่งในนั้น สรรหาวิตามินคุณภาพสูง หลากหลายยี่ห้อ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เหนื่อยง่าย ตื่นขึ้นในรุ่งเช้า อย่างสดชื่น จนเมื่อได้มาเจอกับ cordyceps สมุนไพรจีนที่เลื่องชื่อมานานกว่า 1000 ปี

Cordyceps หรือเรียกว่า เห็ดถั่งเช่า ผู้ชายอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป มักจะได้ยินสรรพคุณเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ แต่ในความเป็นจริง มันมีดีมากกว่านั้น 

Cordyceps คือ เห็ดราชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหนอน บนเทือกเขาสูง 18,000 ฟุต ( 5400 เมตร) จากระดับน้ำทะเล กระทั่งหนอนตายลงในฤดูหนาว พอถึงฤดูร้อน เห็ดราชนิดนี้ จะงอกออกมาจากตัวหนอนที่เด๊ดสะมอเร่ เป็นที่มาของ เห็ดถั่งเช่า ซึ่งมีหลากหลายถึง 400 สายพันธ์ุ

มีประโยชน์อย่างไร
1.กระตุ้นภูมิคุ้มกันในระดับเซลล์ บรรเทาอาการอ่อนเพลีย มีพลังมากขึ้น
2.ต่อต้านการอักเสบ เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
3.ปกป้องไต จากความเสียหาย ยาและสารพิษทำลายทึ่ตับ ขับออกที่ไตนะคะ
4.ลดความเครียดได้ดีมาก ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น จากการที่ปอดนำออกซิเจนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.ลดไขมันโคเลสเตอรอล
6.บรรเทาอาการหอบหืดและโรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น ไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่
7.เพิ่มสรรถภาพทางเพศในเพศชาย แต่ในผู้หญิง จะช่วยให้ไม่เหนื่อยง่าย ไม่ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แถมมีกำลังวังชาขึ้นอีกต่างหาก
8.เพิ่มภูมิต้านทาน เหมาะกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี คนที่สูบบุหรี่ คนพวกนี้มักมีภูมิต้านทานจะต่ำกว่าคนอื่นๆ
9.ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ( พบในหลอดทดลองและหนูทดลอง )

เห็ดถั่งเช่า ได้ชื่อว่า เป็นสมุนไพรที่แพงที่สุดในโลก นับตั้งแต่ ปี ค.ศ 2005 เป็นต้นมา โดยอยู่ที่กก.ละ 10,000-60,000 $ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเห็ดถั่งเช่า ไร้ตะกั่วปนเปื้อน แต่เป็นเรื่องยากที่จะเก็บเห็ดถั่งเช่าจากเทือกเขาสูงที่อุดมสมบูรณ์เฉกเช่นเทือกเขาในทิเบตและเนปาล จากความพยายามค้นคว้าและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ จึงได้ถั่งเช่าจากการเพาะเนื้อเยื่อในเวลา 20 ปีที่ผ่านมา

บริษัท aloha medicinals inc. ของอเมริกา เป็นผู้ผลิตวิตามินเห็ดถั่งเช่าออร์แกนิก รายใหญ่ที่สุดในโลก มากกว่าครึ่งหนึ่งในโลกของอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์เห็ดถั่งเช่า เป็นของเค้านะคะ ถั่งเช่าที่ผลิตภายใต้การควบคุมคุณภาพต่อยอดจากงานวิจัยได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์(organic) จากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้สิทธิบัตรการผลิตถั่งเช่าออร์แกนิกเพียงรายเดียวในโลก ดูความเป็นมาว่า ถั่งเช่าคุณภาพสูงมาอยู่ในมือของบริษัทเอกชนในอเมริกาได้อย่างไร ในเมื่อมีต้นกำเนิดจากประเทศจีน 

ค.ศ 1972 บริษัทเอกชนในจีน ก่อตั้ง academy of sciences โดยเลือก สายพันธุ์ CS-4 ในการผลิตถั่งเช่าในระดับอุตสาหกรรมเชิงพาณิชย์

ค.ศ 1986 ได้รับการอนุมัติในประเทศจีน ในการทดลองทางคลีนิกและเป็นยาภายใต้ชื่อ Jin-shui

ค.ศ 1999 aloha medicinals inc. เข้าซื้อ cordyceps sinensis CS-4 จากผู้ผลิตเอกชนในจีน

Organic cordyceps ยี่ห้อ aloha medicinals ชื่อจำยากนิดนึง แต่เป็นวิตามินที่มีเกรดวัตถุดิบคุณภาพสูงและมีศักยภาพในแง่ของการเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย บรรเทาความเครียดและลดความอ่อนเพลียได้ชนะเลิศ


แป้งกินวิตามินถั่งเช่าเพียง 1เดือน รู้สึกถึงความแข็งแรงมากกว่าในอดีต ตื่นตอนเช้าไม่งัวเงีย ไม่เหนื่อยง่าย อันนี้ชอบมากค่ะ ไม่มีความสุขใดเทียบได้กับการนอนหลับง่ายแถมตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นเพียงนี้อีกแล้ว


วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

Hyaluronic Acid วิตามินชะลอความร่วงโรยของผิว ริ้วรอยแลดูลดเลือน


                  
อีกไม่กี่วัน เราเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่กันได้แล้วนะคะ 
เด็กๆเจริญเติบโตขึ้นอีก 1 ปี ตัวเราเองก็แก่ขึ้นอีกปี
ว๊าย! ทำไมเวลาช่างผ่านเลยไปรวดเร็วเช่นนี้
อันที่จริงเวลาจะผ่านเท่าไหร่ ไม่สำคัญเท่าริ้วรอยที่เพิ่มมาด้วยสิค่ะ
ทำอย่างไรดีเนี่ยที่จะชะลอความชราของผิวพรรณได้น๊า

                 

 คนผิวมันริ้วรอยจะมาช้ากว่าผิวประเภทอื่น เพราะมีน้ำมันตามธรรมชาติ
หล่อเลี้ยงผิวอยู่เยอะ ยิ่งเวลาอากาศร้อนในฤดูร้อน หรือ ร้อนชื้น
ในฤดูฝน ต่อมไขมันจะขยันขับน้ำมันออกมามากเหลือเกิน 
หน้าจะมันเยิ้มไหลย้อยเลยล่ะ
 คนผิวมันจะต้องพกซับมันติดตัวไว้ตลอดเวลา เพราะหากไม่ซับน้ำมัน
ส่วนเกิน ปล่อยให้หน้ามัน ความหมองจะครอบงำใบหน้าเห็นๆ
 ในคนผิวแห้งจะมีผิวเรียบเนียน สดใส ไร้ความมัน แต่ริ้วรอยก็จะมา
เร็วกว่าผิวประเภทอื่น 

เรามาหาตัวช่วยให้ผิวแห้งน้อยลง ริ้วรอยจึงแลดูลดลงกันดีกว่าค่ะ

                 

 กรดไฮยารูโลนิก (Hyaluronic Acid) หรือ HA. มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่ง
ว่า hyaluronan เป็นส่วนผสมที่พบในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว 
หากเป็นอาหารเสริมหรือครีมบำรุงผิว 
จะอยู่ในรูป sodium hyaluronate พบได้ตามธรรมชาติในเซลล์
ของร่างกาย พบมากถึง 50% ในผิวหนังและคอลลาเจน 
มีความสำคัญต่อการรักษาโครงสร้างชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวมีความ
อ่อนนุ่ม กระชับ ยืดหยุ่นดี ร่างกายคนสามารถสร้างได้เอง
 แต่จะสร้างได้น้อยลงเมื่ออายุเกิน 25 ปีขึ้นไป 

พบในจุดเชื่อมต่อระหว่างอวัยวะและเซลล์ต่างๆเพื่อเพิ่มความต้านทาน
ต่อการเสียดสีและความยืดหยุ่น โดนเฉพาะจุดเชื่อมต่อบริเวณหัวเข่า 
กระดูกอ่อน ผิวหนัง ดวงตาและลิ้นหัวใจ

                

 กรดไฮยาลูโรนิก ถูกค้นพบครั้งแรก ค.ศ 1934 ในห้องปฏิบัติการของ 
Karl Friedrich Meyer นักวิทยาศาสตร์สาขาพยาธิวิทยาผู้มีชื่อเสียง
ระดับโลก ชาวอเมริกันเชื้อสายสวิส บางคนเรียกว่า หลุยส์ ปาสเตอร์ 
ของศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียว

 จากการทดลองแยก Glycosaminoglycan (ทำหน้าที่รักษาระดับน้ำ
และลำเลียงสารอาหารไปยังโมเลกุล) ในน้ำเลี้ยงลูกตาวัว
 นักวิจัยชาวญี่ปุ่น ได้ต่อยอดและพัฒนากระบวนการผลิต
กรดไฮยาลูโรนิกจากหงอนไก่ จดสิทธิบัตรในญี่ปุ่นและถูกจดสิทธิบัตร
ใช้ในอุตสาหกรรมเชิงพานิชย์ในปี 1942 จากการเพาะเชื้อจุลินทรีย์
 สายพันธุ์ที่มีชื่อว่า Bacillus Subtilis

                

 FDA (องค์การอาหารและยาของอเมริกา )ได้อนุมัติว่า เป็นเชื้อ
จุลินทรีย์ที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษในร่างกาย สามารถ
ใช้ได้อย่างกว้างขวาง (ในประเทศญี่ปุ่นจะเรียกว่า Natto มีการบริโภค
อย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก รองลงมาคือ ประเทศจีน ใช้ใน
อุตสาหกรรมผลิตอาหารจำพวก ซอส ซีอิ้ว มีประโยชน์กับร่างกายคือ
 ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้นและสร้างวิตามิน k2)

                

 ในอดีตกรดไฮยาลูโรนิก จะมีขนาดโมเลกุลใหญ่ ส่งผลให้การดูดซึม
ในระบบทางเดินอาหารแทบไม่ได้เลย แต่ปัจจุบัน สามารถผ่านกรรมวิธี
ที่ทำให้มีโมเลกุลเล็กลง จึงดูดซึมได้ง่ายมากและรวดเร็วในลำไส้เล็ก

                

  มีประโยชน์อย่างไร
1.บำรุงผิวพรรณให้นุ่มเนียน เต่งตึง ผิวจะนุ่มนวลไปทั่วร่างกาย
2.ลดเลือนริ้วรอยตื้นๆได้ดีมากรวมถึงริ้วรอยลึกให้แลดูอิ่มเอิบ

 ฟูเด้งขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
3.เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้าและผิวกายโดยไม่ทำให้ผิวหน้า

เกิดความมันเยิ้มเหมือนวิตามินอีและอีฟนิ่งพริมโรสออยล์
4.บรรเทาอาการปวดตึงบริเวณข้อต่อ
5.ลดอาการอักเสบและการบาดเจ็บกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
6.รักษาอาการข้ออักเสบและข้อเข่าเสื่อมได้เป็นอย่างดี

และเป็นยอมรับในระดับนานาชาติ
7.บรรเทาอาการตาแห้งที่เกิดจากการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ

ได้ นอกจากนี้ ยังมีอาการตาแห้งที่มักจะเกิดในผู้หญิง
ที่หมดประจำเดือน จากการที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนหมดไปจากร่างกาย 
จึงทำให้ผิวหนัง ช่องคลอดรวมถึงดวงตาแห้งไปหมด
8.ปกป้องผิวหน้าจากรังสียูวีบี ซึ่งทำให้เกิดจุดด่างดำ กระฝ้าตามมา 

อันนี้น่าสนใจค่ะ หากผิวหน้ามีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา
 เวลาโดนแสงแดด กรดไฮยาลูโรนิกช่วยป้องกันผิวไม่ให้เสียหาย
จากทำลายของแสงยูวี บ้านเรามีแสงแดดแรงกล้าในทุกฤดู
 ป้องกันไว้ดีกว่าแก้นะคะ

                 

 เราอาจเคยเห็น กรดไฮยาลูโรนิก ในรูปแแบบของการฉีด 
ในชื่อทางการค้า Restylane หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า NASHA 
ย่อมาจากคำว่า Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid 
(กรดไฮยาลูโรนิกที่ไม่ได้มาจากสัตว์ มีความคงตัวสูง)ซึ่งผ่าน
การอนุมัติจาก FDA ของอเมริกา แคนาดาและยุโรป

 ในปี ค.ศ 2003 วงการแพทย์ผิวหนังมักใช้กรดไฮยาลูโรนิกในการเติม
เต็มริ้วรอย ร่องแก้ม เสริมจมูก ริมฝีปากให้อวบอิ่ม หรือเรียกว่า Filler 
นั่นเอง มีหลากหลายเกรด ผลิตในอเมริกา อิตาลี สเปนและจีน

                

  ฟิลเลอร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ       
 1.ฟิลเลอร์ชั่วคราวมี 2 ชนิดคือ
1.1 คอลลาเจน มีอายุ 2-4 เดือน ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมเพราะสกัด

มาจากสัตว์ ทำให้เกิดการแพ้อย่างรุนแรงได้ง่าย เพิ่งถูกยกเลิก
การใช้ Filler จากคอลลาเจนเมื่อปี ค.ศ 2010 
1.2 กรดไฮยาลูโรนิก เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกาย จะมีอายุ 4-6 เดือน 
จากนั้นจะสลายตัวไปเองตามธรรมชาติ Restylane จัดอยู่ในกลุ่มนี้ 
ขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้น หากมีความเข้มข้นสูง
 จะอยู่ได้ในร่างกายนาน 6-12 เดือน

2. ฟิลเลอร์กึ่งถาวร ได้รับการอนุมัติจาก FDA มีชื่อทางการค้า

คือ Radiesse&Sculptra มีอายุ 12-18 เดือน ใช้ฉีดเข้าผิวหนังแท้
เพื่อเติมร่องลึก เติมริมฝีปากให้อวบอิ่มและใช้ในผู้ที่มีภาวะไขมันฝ่อตัว ( Lipoatophy ) พบในผู้ป่วย HIV ระยะสุดท้าย ซึ่งในระยะแรกๆจะไม่เห็น 
มีลักษณะไขมันใต้ผิวหนังบริเวณผิวหน้า แขน ต้นขาและ
น่องแฟบหายไป ถึงจะพบความผิดปกติของการกระจายตัวของไขมัน
เช่นนี้ ส่วนมากมักได้รับยาต้านไวรัส เราจึงพบเห็นในทีวีบ่อยๆ
ผู้ป่วยมีร่างกายผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูก จากสาเหตุนี้นั่นเอง

3. ฟิลเลอร์ถาวร มีชื่อทางการค้า ArteFill มีอายุ 5-8 ปี FDA อนุมัติให้ใช้เฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ 2006 นี่เองค่ะ

                

 แป้งเลือกกิน Hyaluronic Acid 50 mg วันละ 2 เม็ด
 ยี่ห้อ Jarrow Formulas เพราะเกรดวัตถุดิบคุณภาพสูง
แถมกระบวนการผลิตเทียบเท่ามาตรฐานการผลิตยาของสหรัฐอเมริกา
เลยทีเดียว แค่ไม่กี่อาทิตย์ ความผุดผ่อง นุ่มเนียน น่าสัมผัส 
ก็บังเกิดกับผิวพรรณ อย่างเห็นได้ชัดเจน แม้กระทั่งฝ่าเท้าเลยค่ะ 

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม