บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Restorative hydrating complex วิตามินฟื้นฟูผิวสวย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างรวดเร็ว





ทุกวันนี้มีผู้คนพยายามที่จะชะลอความชราจากอนุมูลอิสระที่จู่โจมเซลล์ต่างๆในร่างกาย ด้วยการโหมกินคอลลาเจนอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจนในรูปแคปซูล ผงชงดื่มหรือรูปแบบอื่นๆ ซึ่งในความเป็นจริง อยากบอกว่าไม่ได้ผลแม้แต่น้อย เพราะคอลลาเจนในร่างกายมนุษย์ ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้จากการกินคอลลาเจนแบบตรงๆ

เวลาเราไปทำคลื่นวิทยุ(RF)หรือเลเซอร์บางชนิด จะกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาชั่วคราว อีกไม่นานผิวหน้าจะกลับมาดังเดิม หากอยากสวยอมตะจำเป็นต้องทำซ้ำเรื่อยไป ว่าแต่ผิวหลายคนอาจไม่สามารถทนความร้อนจากเลเซอร์บางชนิดได้ กลายเป็นกระตุ้นให้เกิดฝ้า กระขึ้นได้ง่าย จากพลังงานความร้อนสูงซะงั้น อันนี้ต้องลองพิจารณาดูนะคะ

ผู้หญิงหลายคนที่ไปฉีดโบท็อกซ์หรือทำเลเซอร์มา หน้าจะตึงและใสมาก แลดูใสกว่าเมื่อก่อน แต่สังเกตุจริงๆยังไงก็ยังแก่ตามวัยอยู่ดี ความฟูอิ่มของผิวหน้าโดยรวมและความเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกไม่มีเหลืออยู่ จากความชราของเซลล์ผิวที่ถูกกาลเวลาพรากความเยาว์วัยไปนั่นเอง

แม้เราจะจ่ายเงินยื้อความอ่อนวัยของผิวหน้าไปมากมายเท่าใดก็ตาม ก็ไม่สามารถรั้งความอิ่มเอิบแห่งวัยได้ แต่ถ้ากินวิตามินบำรุงผิวลึกระดับเซลล์ แววตา ความสดใสและความนวลเนียนของผิวพรรณ จะยังคงอยู่กับเรานานกว่าคนอื่นที่ไม่ได้กินวิตามินนะคะ

Restorative hydration complex ยี่ห้อ Vitality Life เป็นวิตามินที่ผลิตในอเมริกา ผสมผสานกรดอะมิโนรวมกับสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง อย่างได้สัดส่วนและมีความคงตัว รวมเป็นหนึ่งเม็ดที่ทรงพลัง ดูดซึมได้ง่ายในลำไส้เล็กเพราะเป็นรูปแบบซอฟเจล(softgel)มีอานุภาพสูงที่สุดในการบำรุงลึกถึงระดับเซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธิผล

มีส่วนประกอบสำคัญดังนี้
1.L-proline เป็นกรดอะมิโนชนิดเดียวที่เป็นองค์ประกอบของโปรตีนในสิ่งมีชีวิต ที่มีหมู่ฟังก์ชั่นเป็น secondary amine และมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน

L-proline จัดเป็นกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็น เพราะสิ่งมีชีวิตสามารถสังเคราะห์ได้เองจาก ornithine, glutamine และ glutamate ในตับ

Proline เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ร่างกายต้องการในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำหน้าที่เป็นโครงสร้างโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของเส้นใยยืดหยุ่นในผิวหนัง กระดูก เอ็นและเส้นเอ็น

โพรลีนและไลซีนจะเปลี่ยนเป็น hydroxlysine และ hydroxyproline โดยอาศัยการทำงานของวิตามินซี เพื่อช่วยในการสร้างคอลลาเจน

เมื่อมีอายุมากขึ้น การสร้างเส้นใยโปรตีนและการผลิตคอลลาเจนจะลดลง อีกทั้งการสัมผัสกับรังสียูวีและความเสียหายที่เกิดจากจากอนุมูลอิสระ ล้วนเป็นสาเหตที่ทำให้ผิวหนังบอบบางและเริ่มมีรอยเหี่ยวย่น

การมีสุขภาพผิวที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากผิวของเราทำหน้าที่เป็นระบบภูมิคุ้มกันตัวแรกที่ปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อต่างๆ และคอลลาเจนจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง

2.alpha lipoic acid กระตุ้นให้เซลล์เกิดการสร้างกลูต้าไธโอน (Glutathione) ได้ จึงช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอวัย ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ และช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง

กรดอัลฟ่าไลโปอิกแอซิดคุณภาพสูง กระบวนการผลิตเป็นแบบซอฟเจล(softgel) จึงมีความคงตัว ดูดซึมได้ง่าย ไม่เหลือตกค้างในร่างกาย จึงเห็นผลในการปรับผิวพรรณให้สว่างสดใส

3.selenium Selenium ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปีค.ศ 1817 โดยนักเคมีชาวสวีเดน John Jacob Berzelius และ J.G Gahn จัดเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญพบปริมาณน้อยในร่างกาย ทำงานเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร่วมกับวิตามินอีในการป้องกันเซลล์ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ ( ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดความชราและการเกิดโรคร้ายต่างๆ ) เป็นส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระเอนไซม์ peroxidase glutathione และ reductase thioredoxin

ซีลีเนียมช่วยลดรอยแดงและเพิ่มความอ่อนนุ่มของผิว จากคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองผิวหนัง

ซีลีเนียมช่วยลดอนุมูลอิสระและสารประกอบที่เป็นอันตรายต่อผิวอื่น ๆ ก่อนที่จะนำไปสู่ริ้วรอย โดยทำงานร่วมกับวิตามินอี เพื่อปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์และป้องกันเซลล์จากความเสียหาย

4.grape seed อุดมไปด้วยสารประกอบโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นที่ยึดเกาะของเส้นใยคอลลาเจน คงความยืดหยุ่นของผิว
ปกป้องคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Institute) กล่าวว่า สารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องเซลล์จากโมเลกุลที่ไม่เสถียร ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ที่มีสุขภาพดีบนผิวหนังและภายในร่างกาย

สารสกัดจากเมล็ดองุ่นประกอบด้วยสารประกอบ oligomeric proanthocyanidins หรือ OPCs เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ OPCs ในสารสกัดจากเมล็ดองุ่นมีวิตามินเอสูงถึง 20 เท่าและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงถึง 50 เท่าของวิตามินซี

รายงานฉบับนี้ตีพิมพ์ใน "Journal of Medicinal Food" ของ Winter 2003 กล่าวว่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่นสามารถปกป้องร่างกายจากดวงอาทิตย์ได้ แสงแดดสามารถทำลายผิว โดยการทำให้เกิดริ้วรอยและมีการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีและโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนัง

มีประโยชน์อย่างไร
1.เหมาะที่สุดสำหรับผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ ไม่ผ่องใส ผิวมีริ้วรอย ฝ้า กระ
2.ชะลอการเกิดริ้วรอย
3.ลดผดผื่นคัน(eczema)
4.ลดโอกาสเกิดหลุมลึกและรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว
5.ลดสิว rosacea จากคุณสมบัติของซีลีเนียมที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
6.ชะลอกระบวนการชรา
7.ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น มีความยืดหยุ่นดุจวัยแรกสาว
8.ลดการอักเสบของเซลล์ผิวที่ทำให้เกิดรอยแดงบนใบหน้า
9.ปรับโครงสร้างผิวให้มีความนุ่มเนียน มีความสว่างสดใส
10.ฟื้นฟูเซลล์ผิวให้แข็งแรง
11.ช่วยให้ผิวมีความเปล่งปลั่ง ไม่ทรุดโทรมไปตามวัย
12.ป้องกันความเสียหายของผิวที่เกิดจากแสงแดด
13.ลดการอักเสบและเพิ่มระดับภูมิต้านทานในร่างกาย

ตอนนั้นแป้งอายุ 39 ปี คิ้วฝั่งซ้ายเริ่มตก ตามปกติแป้งชอบนอนตะแคงซ้ายอยู่ท่าเดียวมาตลอด พอตะแคงขวา รู้สึกไม่ถนัด นอนไม่หลับอย่างไรไม่รู้ จะให้นอนราบตัวตรง ก็ทำไม่ได้ ยังไงต้องตะแคงซ้ายตลอด คิ้วทั้งสองข้างจึงเริ่มไม่เท่ากันเล็กน้อย มาเห็นชัดๆตอนอายุ 42 ปี ใช้วิธีนวดหน้ายกกระชับทุกคืนก่อนนอน ตื่นเช้ามาคิ้วเท่ากันทั้งสองข้าง ค่อยโล่งใจหน่อย เฮ้อ!

จนเมื่อมาได้ลองกินวิตามิน Restorative hydration complex ได้เพียง 2 เดือน กลับพบความเปลี่ยนแปลงของใบหน้ามหาศาล คิ้วเจ้าปัญหาที่ไม่เท่ากัน กลับยกขึ้นมาเสมอกัน โดยที่ไม่ต้องนวดหน้าทุกคืน แถมสิวผดบริเวณหน้าผากที่ชอบมารบกวนอยู่บ่อยๆ หายเกลี้ยงไปหมด

ใบหน้าที่หย่อนคล้อยฝั่งซ้าย ก็ยกขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่วนร่องแก้มด้านซ้ายที่เริ่มมีรอยลึก(อีกข้างไม่มีร่องลึก ยังเต่งตึงอยู่ค่ะ)ผิวอิ่มฟูขึ้นชัดเจน ที่สำคัญผิวหน้ามีความชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง เนียนละเอียด ส่องกระจกทีไร ตาจะเป็นประกายวิบวับเพราะในความเป็นจริง แป้งอายุ 43 ปีหน้าก็ 44 ปี ไม่กี่นานจะเข้าสู่วัยทองอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ผิวพรรณยังผุดผ่องราวกับมีฮอร์โมนเพศเอสโตรเจนเต็มเปี่ยม ว๊าย! คือดีใจจนเนื้อเต้น ในที่สุด หน้าแป้งก็เด้งแบบไม่ต้องไปทำสารพัดเทคโนโลยีความงามให้สิ้นเปลือง อิอิ

ยอมรับว่า ทุกวันนี้มีความสุขมากมายที่ได้พบเจอคุณค่าจากวิตามินคุณภาพสูง สามารถกินได้ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องหยุดพัก

ทำเลเซอร์ ฉีดโบท็อกซ์ ฉีดไขมันเติมเต็ม สวยแค่ใบหน้าชั่วคราว หากสรรหาวิตามินที่ช่วยสร้างคอลลาเจนได้ทั่วสรรพางค์กาย เรียกได้ว่าสวยทั้งตัวค่ะ

นอกจากสวยตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว ยังได้ของแถมที่ล้ำค่าคือ ระดับภูมิต้านทานที่สูงขึ้น เรียกได้ว่า ความเจ็บป่วยมิอาจกล้ำกลาย อันนี้คือดีงามที่สุด

การทำสารพัดวิธีเพื่อเสริมความงาม แม้จะทำให้รูปลักษณ์ภายนอกดูงดงาม แต่หากภายในร่างกายไม่เปลี่ยนแปลง ปัญหาที่เคยมี ก็ยังคงไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไข นับวันจะเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆพร้อมกับอายุอานามที่มากขึ้น นั่นเอง




สอบถามราคาและสั่งซื้อได้ที่
Tel.081-845-3461

Id line : noi_nunoy2512
















ที่มา
http://www.xtend-life.com/information/ingredients/l-proline
Gundrymd.com/grape-seed-extract/
www.livestrong.com/article/131725-grape-seed-extract-skin-benefits/
https://www.canyonranch.com/blog/beauty/the-skin-benefits-of-selenium/
http://www.livestrong.com/article/68546-alpha-lipoic-acid-skin-health/

วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Quimbamto วิตามินลดกรดไหลย้อนและกระเพาะอาหารอักเสบอย่างได้ผล



มีหลายคนคุ้นเคยกันดีกับโรคกระเพาะอาหาร เมื่อเกิดอาการเรอเปรี้ยว หรือมีรสขมในปาก ปวดแสบร้อนในช่องท้องส่วนบน ปวดบริเวณหน้าอก ก็จะคิดไว้ก่อนว่านั่นเป็นอาการของโรคกระเพาะอาหาร ทั้งที่ความจริงแล้วอาจจะเป็น โรคกรดไหลย้อน(Gastro esophageal reflux disease ,GERD)
    
 โรคกรดไหลย้อน เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร โดยของที่ไหลย้อนส่วนใหญ่จะเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ส่วนน้อยเป็นด่างจากลำไส้เล็ก โดยอาจมีหรือไม่มีภาวะหลอดอาหารอักเสบก็ได้
      
คนที่เป็นโรคนี้จะมีอาการแสบยอดอก เรอเปรี้ยว ภาวะนี้อาจทำให้เกิดหลอดอาหารอักเสบ หรือเป็นมากจนเกิดแผลรุนแรง จนทำให้ปลายหลอดอาหารตีบ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเยื่อบุหลอดอาหาร บางรายอาจรุนแรงจนถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้
     
แต่บางครั้งไม่ได้มาด้วยอาการแสบยอดอก เรอเปรี้ยว แต่มาพบแพทย์ด้วยอาการของโรคหู คอ จมูก เช่น ไอเรื้อรัง เสียงแหบเรื้อรัง มีกลิ่นปาก หรืออาจมาด้วยอาการทางระบบหายใจ เช่น หอบหืด บางรายมาด้วยอาการเจ็บหน้าอก ซึ่งเมื่อวินิจฉัยแล้วไม่พบโรคอื่น จะถูกส่งต่อมาที่แผนกระบบทางเดินอาหาร ส่วนใหญ่จะพบว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน นั่นเอง

โรคกรดไหลย้อน มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพชีวิต ลักษณะของโรคคือการที่มีกรดไหลย้อนขึ้นจากกระเพาะอาหารมาที่หลอดอาหาร โรคกรดไหลย้อนจึงพบได้จากการอักเสบของหลอดอาหาร 

โรคกรดไหลย้อน พบในผู้ใหญ่ ประมาณ 20-40% อาการที่พบเป็นประจำคือ อาการแสบยอดอก
     
โรคกระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่มีอาการปวดท้องบริเวณยอดอกหรือใต้ลิ้นปี่ มีประวัติเป็นเรื้อรังมานาน แต่สุขภาพทั่วไปไม่ทรุดโทรม บางรายมีอาการจุก เสียด แน่น เจ็บ แสบ หรือร้อน อาการมักจะสัมพันธ์กับการรับประทานอาหารหรือชนิดของอาหาร เช่น อาจปวดมากเมื่อหิว หลังรับประทานอาหารจะทุเลา แต่บางรายอาการปวดเป็นมากขึ้นหลังอาหาร โดยเฉพาะเมื่อรับประทานอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เป็นต้น

มีสาเหตุหลักจากเชื้อแบคทีเรียเฮโลโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicombacter Pylori) หรือ เอช.ไพโลไร หากโรคกระเพาะอาหารที่เป็นอยุ่เกิดจากเชื้อ “H. Pylori” อาจทำให้บุคคลในครอบครัว หรือเพื่อนที่ร่วมโต๊ะอาหารเดียวกัน เกิดโรคกระเพาะอาหารได้ 

ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และรับการตรวจหาเชื้อ“H. Pylori” ในกระเพาะอาหาร เพื่อการวินิจฉัยที่ตรงจุดและการรักษาที่ทันท่วงที ก่อนจะลุกลามเป็นโรคร้ายในอนาคต

แป้งเคยเป็นโรคกรดไหลย้อน จากพฤติกรรมชอบอาหารรสเผ็ดจัด เป็นเวลานานหลายปี พอได้กินวิตามิน licorice(DGL) 500 mg ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า อาการปวดแสบร้อนของกรดที่ไหลย้อนมาลำคอ ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่อยากลองวิตามินตัวใหม่ๆเพิ่มเติม จึงศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเรื่องวิตามินที่ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลดกรดไหลย้อนอีกครั้ง

มีวิตามินชื่อ Quimbamto(กระเจี๊ยบเขียว)เป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบมีสารเมือกและเพกทิน(pectin)

  กระเจี๊ยบเขียวเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศเอธิโอเปีย แถบศูนย์สูตรของทวีปแอฟริกา อียิปต์ หมู่เกาะอินเดียตะวันตก และเอเชียใต้ นิยมปลูกมากทั้งในเขตร้อนและเขตอบอุ่น โดยเฉพาะในประเทศไทยที่สามารถปลูกได้ทุกภาค

กระเจี๊ยบเขียวอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน โฟเลต แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินซี อยู่ในปริมาณพอสมควร 

 นอกจากนี้ กระเจี๊ยบเขียวยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนของพืชผักที่ร่างกายย่อยไม่ได้ และเส้นใยที่ละลายน้ำได้ เช่น เพกทิน (pectin) และเมือก (mucilage) ซึ่งเกิดจากสารประกอบ acetyated acidic polysaccharide และกรดกาแล็กทูโลนิก (galactulonic caid)ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้เป็นอย่างดี

ในปี 2547 มีรายงานการศึกษาพบว่าสารประกอบไกลโคไซเลต (glycosylated compounds ซึ่งประกอบด้วย โพลีแซกคาไรด์ (polysaccharides) และไกลโคโปรตีน (glycoproteins) ในกระเจี๊ยบเขียว มีฤทธิ์ยับยั้งความสามารถของเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลริ (helicobacter pylori) ในการเกาะเยื่อบุผิวของกระเพาะอาหาร ซึ่งแบคทีเรียตัวนี้เอง เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร แต่สารไกลโคไซเลต จะมีฤทธิ์ลดลงเมื่อถูกความร้อน

มีประโยชน์อย่างไร
1.ออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ H. pylori ซึ่งเป็นการเกิดอักเสบของกระเพาะอาหาร จากเชื้อ H. pylori หากเกิดขึ้นกับใครแล้ว มันจะทำให้ความต้านทานของเยื่อบุผิวภายในกระเพาะอ่อนแอลง  
ซึ่งง่ายต่อการทำลาย โดยกรดไฮโรคลอริกที่มีอยู่ในตัวกระเพาะอาหารเอง 

ยาแผนปัจจุบันต่าง ๆ ที่นำมาใช้เพื่อลดกรด (antacids) รวมถึงยาลดการสร้างและการปล่อยกรดออกสู่กระเพาะ
เช่น H2 blockers และ proton pump inhibitors or PPIs 
ถูกนำมาใช้รักษาโรคกระเพาะอาหารเป็นแผลมาเป็นเวลานานหลายปี

อย่างไรก็ตาม ยาทั้งสองกลุ่มไม่สามารถทำลายเชื้อ H. pylori ได้
หากหยุดยาเมื่อใด แผลในกระเพาะก็จะกลับมาเหมือนเดิม  

ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงมีการใช้ยาลดกรด H2 blockers และ proton pump inhibitors ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี เพื่อป้องกันไม่ให้แผลในกระเพาะกลับคืนมาอีก โดยไม่ให้มีเลือดออก จนเกิดกระเพาะอาหารทะลุ รวมถึงการป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันในกระเพาะขึ้น

2.รักษาแผลในกระเพาะอาหารโดยไม่ต้องกินยาแผนปัจจุบัน

3.ลดกรดไหลย้อนได้เป็นอย่างดี
4.ลดอาการท้องอืดโดยเฉพาะในผู้ที่ตัดถุงน้ำดี
5.ลดก๊าซในกระเพาะอาหาร
6.ลดอาการลำไส้แปรปรวน
7.ช่วยย่อยอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ
8.ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังตื่นนอนตอนเช้าในคนที่เป็นกรดไหลย้อน

แป้งกินวิตามินชื่อ Quimbamto 500 mg ยี่ห้อ healthy benefits ครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า-เย็น แค่อาทิตย์เดียว อาการแสบปวดท้องจากกรดไหลย้อนหายเป็นปลิดทิ้ง จึงลดวิตามินเหลือวันละ 1 เม็ดค่ะ 

ปัจจุบันนี้เวลาเกิดความเจ็บป่วยใดๆ แป้งเลือกที่จะรักษาตัวเองด้วยวิตามินเป็นลำดับแรกเสมอ  ซึ่งเห็นผลชะงัด ไม่เคยล้มหมอนนอนเสื่อสักครั้ง เหตุผลคือมีระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าปกติ(กินวิตามินต่อเนื่องเป็นประจำ) 

ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ การเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคเกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้ จะต้องมีตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียด จากค่ารักษาหลักพันหลักหมื่นกลายเป็นครึ่งแสน

 หากเรามีความรอบรู้เรื่องวิตามินกับการรักษาแผลในกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อน ยอมรับว่ากินวิตามินดีกว่ายารักษาโรคเยอะเลย อย่างน้อยวิตามิน Quimbamto ก็เป็นสารสกัดจากพืชธรรมชาติที่น่าจับตามองตัวหนึ่งค่ะ

มีเรื่องอยากเตือนให้ระมัดระวังการเสพสื่อสุขภาพทางอินเตอร์เน็ต ที่บอกว่า ควรดื่มน้ำผลไม้เป็นสิ่งแรกเมื่อตื่นนอนตอนเช้า แทนที่จะเป็นน้ำเปล่า เพราะขณะที่ท้องยังว่าง ลำไส้สามารถดูดซึมอาหารและวิตามินจากน้ำผลไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด 

ข้อความข้างบนนี้จะไม่สามารถใช้ได้ในคนที่มีภาวะกรดเกิน แผลในกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ กรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน เพราะในผลไม้ส่วนใหญ่มีวิตามินซีสูง ไฟเบอร์เยอะ จึงช่วยระบบขับถ่าย แต่ในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและลำไส้ จะกลายเป็นเพิ่มปัญหาให้สมดุลกรดด่างในกระเพาะอาหาร

ประสบการณ์ตรงคือ แป้งเคยกินองุ่นไร้เมล็ดสีม่วง รสชาติหวานฉ่ำลิ้น แค่ 6-7 เม็ด หลังตื่นนอนตอนเช้า เพราะไม่รู้จะกินอะไรดี อีก 1 ชั่วโมงต่อมา งานงอกเลยค่ะ ปวดท้องมากๆ ลำไส้บิดตัวอย่างรุนแรง ก่อนที่เข้าห้องน้ำ จะปวดท้องแบบทรมานชนิดตัวขดตัวงอเพราะรู้สึกผ่านผนังหน้าท้องได้ว่า มีน้ำกรดไฮโดรคลอริก จากกระเพาะอาหารไหลมาสมทบในกระเพาะประกอบมีมวลน้ำย่อย ไหลย้อนกระฉอกจากลำคอ คือ คลื่นไส้ตามด้วยอาเจียน 4-5ครั้ง 

ตามมาด้วยอาการท้องเสีย 7-8 ครั้ง ใจหวิวๆสั่นๆตลอด จากนั้นพายุจึงสงบ พลางนึกว่า เราเป็นอะไรไป แค่กินองุ่นเอง อืม! ผลไม้สดมีวิตามินซีสูงมาก แค่ไม่กี่เม็ด ก็สร้างความทุกข์ทรมานไม่น้อยเลยค่ะ

ไม่ว่าเราจะกินวิตามินอะไรก่อนหรือหลังอาหารมื้อนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมที่มีประสิทธิภาพสักนิด ขึ้นกับเอนไซม์ย่อยอาหารในกระเพาะอาหารต่างหาก เพราะถ้าท้องว่างแล้วจะดูดซึมสารอาหารต่างๆได้ดี ทำไมคนที่กินอาหารนั่นโน่นนี่ทั้งวันถึงได้อ้วนท้วนสมบูรณ์ล่ะค่ะ
















ที่มา:

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม