บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ประโยชน์ของกิมจิ สุดยอดผักดองเกาหลี มีคำกล่าวไว้ว่า ถ้าอาหารรักษาโรคไม่ได้ ยาก็เอาไม่อยู่หรอก

เมื่อเวลาผ่านไป มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ หากเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆ สุขภาพจะเสื่อมถอยและสมรรถภาพจะลดลงแถมโรคภัยคอยรุมเร้า
บางคนอาจเคยฝันถึงคืนวันที่มีสุขภาพดีๆ เคยรับประทานอาหารได้เยอะ จัดบุฟเฟต์ทุกอาทิตย์ รสเผ็ดจัดหวานเจี๊ยบได้หมด กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ท้องไส้ไม่ปั่นป่วน พออายุถึงวัยเลข 5 หลายสิ่งที่เคยกินอร่อยในอดีต จะไม่สามารถกินได้เหมือนเดิม

สาเหตุสำคัญคือ มีการเปลี่ยนแปลงของระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ถดถอย รวมถึงเอนไซม์ในระบบทางเดินอาหารทำงานได้น้อยลง  เวลารับประทานอาหารเข้าไปจึงเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ท้องผูกได้ง่าย

การเลือกรับประทานผักและผลไม้สด อาจช่วยลดปัญหาของ
ระบบย่อยอาหารได้ แต่ผักสดหลายชนิดมักจะมีก๊าช ส่งผลให้ท้องอืดท้องเฟ้อนะคะ

โปรไบโอติกคือ จุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งเมื่อได้รับในปริมาณที่เพียงพอ จะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ตามรายงานงานของสมาคมวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศเพื่อโปรไบโอติกและพรีไบโอติก(ISAPP)แม้ว่าเราจะได้รับแบคทีเรียชนิดดีกระตุ้นการย่อยอาหารเพียงเล็กน้อยจากอาหารเสริม แต่มีอาหารมากมายที่มีโปรไบโอติกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

อาหารหมักดองหลายชนิดมีประโยชน์ต่อสุขภาพและอุดมไปด้วยสารอาหารรวมถึงไฟเบอร์และจุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นโปรไบโอติก แบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสแบบเดียวกับที่พบในโยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์หมักอื่น ๆ ก็พบได้ในกิมจิเช่นกัน

การบริโภคสิ่งที่เรียกว่า "แบคทีเรียชนิดดี" ในกิมจิสามารถช่วยรักษาระบบย่อยอาหาร ลดอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการลำไส้แปรปรวนและลำไส้อักเสบ กรดแลคติกจากการหมัก ช่วยเพิ่มระดับของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ส่งผลให้อาการท้องผูกดีขึ้น

กิมจิเป็นอาหารหลักของเกาหลี มีต้นกำเนิดเมื่อ 3,000 ปีก่อน เป็นระบบการเก็บรักษาเพื่อให้อาหารคงอยู่เป็นเวลานาน

กิมจิมีวิตามินเอ บี ซี แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และกรดอะมิโน
ปริมาณกิมจิ 150 กรัม ประกอบด้วย
    •    พลังงาน 23 แคลอรี่
    •    โปรตีน 1 กรัม
    •    ไขมันต่ำกว่า 1 กรัม
    •    คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม
    •    ไฟเบอร์ 2 กรัม

มีประโยชน์อย่างไร

1.ดีต่อลำไส้เช่นเดียวกับผักและอาหารหมักดองอื่นๆ
กิมจิอุดมไปด้วยโปรไบโอติก ซึ่งแบคทีเรียชนิดดีเหล่านี้เชื่อมโยงกับประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งหมดนี้เริ่มต้นในระบบทางเดินอาหาร

การกินกิมจิสามารถช่วยปรับปรุงสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพ ด้วยการช่วยให้การย่อยอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น

2.กิมจิอาจช่วยเพิ่มสุขภาพภูมิคุ้มกัน

การย่อยอาหารของกิมจิส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน โปรไบโอติกในกิมจิมีประโยชน์ต่อการทำงานของภูมิคุ้มกัน เพราะการทำงานของภูมิคุ้มกันส่วนใหญ่เกิดขึ้นในลำไส้

เมื่อไมโครไบโอมในลำไส้หรือที่เรียกกันว่าสมดุลของแบคทีเรีย
อยู่ในสภาพดี ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น

3. อาจช่วยลดคอเลสเตอรอล
กิมจิอาจช่วยลดคอเลสเตอรอล ในการศึกษาวิจัยปี 2018
นักวิจัยให้อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงแก่หนู โดยหนูบางตัวได้รับสารสกัดจากกิมจิ หนูที่กินกิมจิมีระดับไขมันในตับและการไหลเวียนโลหิตต่ำกว่าหนูที่กินแต่อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง

แม้ว่าความสัมพันธ์ที่แน่นอนระหว่างกิมจิกับคอเลสเตอรอลจะไม่ชัดเจนนัก แต่งานวิจัยหลายชิ้น พบว่าคนที่กินกิมจิเป็นประจำมักจะมีระดับคอเลสเตอรอลที่ "ไม่ดี" (LDL) ต่ำกว่า

4. กิมจิสามารถปรับปรุงการทำงานของหัวใจ
กิมจิยังช่วยให้หัวใจดีขึ้นด้วยการเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ด้วยส่วนผสมอย่างขิงและพริกแดงร้อน สารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้เซลล์ที่เสียหายมีความเสถียรซึ่งสามารถเร่งกระบวนการเกิดโรคได้ ดังนั้นการมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงจึงสามารถปกป้องเซลล์จากโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ

5. อาจช่วยในเรื่องการอักเสบ
การอักเสบที่มากเกินไปหรือเรื้อรังส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ
โปรไบโอติกในกิมจิมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในลำไส้ได้

การศึกษาในสัตว์ชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารจุลชีววิทยา พบว่า
โปรไบโอติกสายพันธุ์เฉพาะที่พบในกิมจิช่วยลดสัญญาณการอักเสบในลำไส้ได้หลายอย่าง

6. กิมจิช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา
กิมจิเป็นแหล่งที่ดีของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อว่า เบต้าแคโรทีน
โดยเฉพาะส่วนผสมหลักอย่างกะหล่ำปลี ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ มีความสำคัญต่อสุขภาพของดวงตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น และเป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญในแง่ของสายตา

7. อาจช่วยป้องกันการติดเชื้อยีสต์
โปรไบโอติกในกิมจิสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อยีสต์ได้
การติดเชื้อยีสต์ที่ผู้หญิงคุ้นเคยมากที่สุดเกิดขึ้นเมื่อ เชื้อราแคนดิดา (Candida)ซึ่งปกติไม่เป็นอันตราย เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วภายในช่องคลอด

การศึกษาบางชิ้น แสดงให้เห็นว่า แบคทีเรียชนิดดีบางสายพันธุ์ที่พบในกิมจิมีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพเพื่อต่อสู้กับเชื้อราที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อยีสต์ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการเกิดการติดเชื้อ

8.กิมจิสามารถลดน้ำตาลในเลือดได้
การศึกษาขนาดเล็กที่ดำเนินการกับผู้เข้าร่วมการทดลองที่เป็น
เบาหวาน เผยให้เห็นว่า ความทนทานต่อกลูโคสดีขึ้นหลังจากรับประทานอาหารหมักที่มีส่วนประกอบของกิมจิเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า กิมจิสามารถช่วยลดความต้านทานต่ออินซูลินและปรับปรุงการเผาผลาญกลูโคสได้

หากชอบรับประทานทานขนมหวาน การเพิ่มกิมจิในอาหารอาจเป็นประโยชน์ เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดเกิดความผันผวน

ข้อควรระมัดระวัง
โดยทั่วไปแล้ว กิมจิปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ เว้นแต่ว่าจะมีอาการแพ้ส่วนผสมใดๆ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น แก๊สและท้องอืด(หากไม่คุ้นเคยกับอาหารหมักดองหรืออาหารที่มีเส้นใยสูง)

กิมจิแบบดั้งเดิมมักจะร้อนจัดจากรสเผ็ด ความเผ็ดนั้นสามารถกระตุ้นกรดไหลย้อนในผู้ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นได้
รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ อาจเกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารและลำไส้ได้เช่นกัน

หากไม่ได้ทำกิมจิเอง ให้ตรวจสอบฉลากอาหารเพื่อดูปริมาณเกลือ เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจมีเกลือมากถึง 3% ควรมองหาแบบที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ เนื่องจากการพาสเจอร์ไรส์จะฆ่าแบคทีเรียที่มีประโยชน์ เช่นเดียวกับน้ำนมดิบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นนมแกะ นมแพะ หรือนมวัวที่มีอายุมากจะมีโปรไบโอติกสูง ผลิตภัณฑ์นม
พาสเจอร์ไรส์ส่วนใหญ่ไม่มีแบคทีเรียชนิดดีต่อสุขภาพ

โปรดระลึกไว้ว่า ผลิตภัณฑ์กิมจิหลายชนิดมีโซเดียมอยู่มาก ดังนั้นควรควบคุมปริมาณอาหารเพื่อไม่ให้กินเกลือมากเกินไป อย่างไรก็ตาม มีการศึกษา 2 ชิ้นที่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคกิมจิกับการเพิ่มขึ้นของความดันโลหิตสูง

ตอนอายุ 30 ปี แป้งทำงานเป็นพยาบาลประจำแผนกตรวจสุขภาพในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีหน้าที่จัดและจ่ายยาให้พนักงานตามความเหมาะสมกับอาการป่วยเบื้องต้น

ทุก 2-3 วัน จะมีผู้บริหารฝ่ายขายอายุน่าจะ  65-66 ปี มาขอเบิกยาธาตุน้ำแดง(เป็นยาขับลมในกระเพาะและลำไส้ ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียด)ขวดละ 60 ml.ประจำ เป็นเวลาราวครึ่งปี ทุกครั้งที่จ่ายยา พลางนึกในใจว่า คนอะไรจะท้องอืดได้ทุกวี่ทุกวัน พิลึกจริง

เวลาผ่านมา 19 ปี แป้งถึงได้เข้าใจชัดแจ้งจากการสังเกตร่างกายตัวเองว่า อ๋อ!! คนเราเมื่อมีอายุมากจะมีน้ำย่อยในกระเพาะอาหารน้อยลง การบีบและคลายตัวของกระเพาะอาหาร และลำไส้ทำงานไม่ปกติ ย่อยอาหารได้ไม่ดี ที่มาของอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นั่นเอง

แป้งเริ่มกินกิมจิ(ทำเอง)เกือบ 2 เดือนโดยจะกินแนมแทนผักสดในมื้อเย็น พบว่า ถึงแม้จะกินอาหารที่มีรสเผ็ด พอกินกิมจิตามเข้าไป กลับไม่มีอาการกรดไหลย้อนกำเริบ หรือกินกิมจิในมื้อกลางวันตามหลังของมันของทอด ก็ไม่มีอาการจุกเสียดท้อง ท้องอืด แถมระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย เมื่อเทียบกับกินโยเกิร์ตวันละ 1 ถ้วย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับระบบย่อยอาหาร ยกให้กิมจิชนะเลิศ



ที่มา :

“กิ ม จิ” กับ ข้อ ควร ระวัง ก่อน กิน - สำนักโภชนาการกระทรวงสาธารณสุขhttps://nutrition2.anamai.moph.go.th › rrhlnews

10 Health Benefits of Kimchi, According To NutritionistsWomen's Healthhttps://www.womenshealthmag.com › food

What are the effects of kimchi on human health?News-Medical.nethttps://www.news-medical.net › news

Health Benefits of KimchiWebMDhttps://www.webmd.com › ... › Reference

Top 5 health benefits of kimchiBBC Good Foodhttps://www.bbcgoodfood.com › guide

วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

Long Covid กลุ่มอาการที่ไม่มีใครอยากเป็น

 ลองโควิด(Long Covid)เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้น หลังจากที่การติดเชื้อได้จบสิ้น (ไม่พบเชื้อแล้ว) มีโอกาสเกิดได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าดังต่อไปนี้

1. อาการของลองโควิด(Long Covid)ไม่ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของอาการติดเชื้อโควิดที่เป็นตอนแรก

2. เกิดได้ทุกอายุ ทุกเพศ แต่แนวโน้มอาจเจอในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะที่สูบบุหรี่ ภาวะอ้วน และมีโรคประจำตัวต่างๆ

3. เกิดอาการได้ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า หลายระบบหรืออวัยวะพร้อมกัน รวมถึงความรู้สึกทางเพศลดลงหรือหายไปทั้งชายหญิงและประจำเดือนผิดปกติ เวลาร่วมเพศมีอาการเจ็บปวด

4. เป็นอาการเดิมขณะติดเชื้อ ที่สามารถทอดยาวนานกว่าสามเดือน หรืออาการที่เกิดขึ้นเป็น “อาการใหม่”

5. กลุ่มอาการเป็นลักษณะที่เรารู้จักกันดีมานานแล้วเกือบ 80-90 ปีในรูปของ Chronic fatique syndrome คือกลุ่มอาการอ่อนเพลียเหนื่อยล้าเรื้อรัง  เช่น รู้สึกไม่สบายตัว นอนหลับไม่สนิท ไม่มีสมาธิ ความจำไม่ดี ปวดเมื่อย ปวดข้อ เจ็บคอ ปวดศีรษะ เหนื่อยล้าทุกวัน จนส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

โดยกลุ่มอาการนี้สามารถอ้างอิงในชื่อ อาการปวดกล้ามเนื้อเหตุสมองและไขสันหลังอักเสบ (Myalgic Encephalomyelitis)ที่มีสาเหตุจากไวรัสต่างๆเช่น  Epstein-Barr Virus, human herpes virus 6 และ mouse leukemia viruses แต่โควิดเกิดได้รุนแรงและยาวนานกว่าไวรัสตัวอื่นๆ มาก

6. กลุ่มอาการทางสมองและจิตอารมณ์ พบได้ 30% หรือมากกว่า ส่งผลทำให้รู้สึกเฉื่อยชา คิดช้า ความจำสั้น สมองเสื่อมและอารมณ์แปรปรวน โดยเฉพาะคนที่เป็นอยู่แล้วหรือกำลังจะเป็นโรคสมองเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์ หรือพาร์กินสัน

7. ที่พบชัดเจนในขณะนี้คือ คนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรคผิวหนัง ระบบทางเดินอาหาร กล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ ปอด หัวใจ อาการจะเลวลง รวมถึงคนที่มีอาการเพียงน้อยนิดของสมองเสื่อมหรือพาร์กินสัน จะรุนแรงเห็นได้ชัดว่าเลวลงมากภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน

8. หลักในการบำบัด ต้องยับยั้งการอักเสบ โดยคำนึงถึงผลข้างเคียงของยาที่ใช้รักษาและหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เกิดการกระตุ้นภาวะ
อักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้น ได้แก่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด
ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบ เช่น เนื้อแดง ระวังพืชผักผลไม้ที่ปนเปื้อนด้วยสารเคมีฆ่าแมลงและภาวะมลพิษ เช่น พีเอ็ม 2.5 เป็นต้น

9. วิธีที่อาจป้องกันการเกิดลองโควิดได้ คือ การรีบรักษาให้เร็วที่สุดเมื่อรู้ว่าติด เพื่อให้ระยะของการติดเชื้อสั้นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรฟ้าทะลายโจรตั้งแต่เริ่มเป็น ขนาดยาตามกระทรวงสาธารณสุข และถ้าเอาไม่อยู่ภายในสองวัน เริ่ม MoInupiravir
(มอลนูพิราเวีย)เป็นยาเม็ดชนิดรับประทานออกฤทธิ์ต้านไวรัส พัฒนาขึ้นเพื่อใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่และยังสามารถออกฤทธิ์ต่อต้านไวรัสโคโรนาได้หลายชนิด เช่น โรคซาร์ส โรคเมอร์ส และเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 มีกลไกการออกฤทธิ์ไม่ต่างจากยาฟาวิพิราเวียร์ คือ ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของ RNA ไวรัสและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรง มีรายงานจากสหรัฐอเมริกาว่า
การใช้ยาภายในห้าวันหลังมีอาการในยุคโอไมครอนนี้ (ค.ศ 2022-2023) สามารถลดอาการหนักและภาวะลองโควิดได้

10. ตากแดด(มีวิตามินดีตามธรรมชาติ) เดินหนึ่งหมื่นก้าว เข้าใกล้มังสวิรัติ ลดแป้ง กินผักผลไม้กากใยให้มากขึ้น ถูกแดดเช้า หรือบ่าย เย็น อาบน้ำร้อน (ตอนนี้ร้อนมหาศาลอยู่แล้ว)

นอกจากนี้ กัญชง(ไม่ใช่กัญชา ไม่เมา ไม่ติด) ยังมีหลักฐานช่วยลดอาการหนักได้ จากวารสาร Science 2023 และมีข้อมูลในเรื่อง ของการลด Mitochondrial Stress(การเสียสมดุลระหว่างระบบจัดการอนุมูลอิสระที่ส่งผลให้เกิดอนุมูลอิสระมากเกินไป)ลดอนุมูลอิสระ จนเพิ่ม Innate immunity(ระบบภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด) เช่น ผิวหนัง น้ำตา น้ำลาย น้ำมูก เยื่อบุหลอดอาหาร การไอเพื่อขับสิ่งแปลกปลอมออกจากหลอมลม ความเป็นกรดของสารคัดหลั่งในช่องคลอดเพื่อป้องกันการเจริญเติบโตจากเชื้อโรค

กัญชา(Marijuana) และกัญชง(Hemp) พืชทั้งสองชนิดเป็นพืชล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดเดียวกันในวงศ์Cannabaceae ที่อยู่ในตระกูล Cannabis เหมือนกัน ต่างกันที่สายพันธุ์ย่อยจึงทำให้กัญชงและกัญชามีลักษณะที่คล้ายกัน โดยจะแตกต่างกันในด้านลักษณะทางกายภาพ และปริมาณสารสำคัญ

สรรพคุณของพืชเศรษฐกิจ “กัญชง” เรื่องแรกคือ ทำให้นอนหลับพักผ่อนได้ง่ายขึ้น เกิดอาการเคลิ้มฝัน ระงับอาการเจ็บปวด ช่วยยับยั้งการจับตัวของเกร็ดเลือด เพราะมีสาร CBD (Cannabidiol) สรรพคุณเหมือนยาแก้อักเสบ หรือยาปฏิชีวนะต่าง แต่แม้ว่าพืชชนิดนี้จะมีสาร THC หรือ (Tetrahydrocannabinol) เหมือนกับกัญชา แต่เมื่อเปรียบเทียบด้านปริมาณแล้วมีน้อยกว่ามาก หรืออาจแทบไม่มีเลยก็ได้ จึงช่วยเสริมความเคลิบเคลิ้ม พักผ่อนสบาย ผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนใบสามารถใช้เป็นยาบำรุงเลือดได้ ช่วยคลายกล้ามเนื้อ รักษาโรคเกาต์ หรือเจ็บปวดข้อกระดูก ในอดีตใช้รักษาโรคบิด โรคท้องร่วง

-เดินวันละ 10,000 ก้าว ผัก ผลไม้ กากใยเยอะ ลดแป้ง งดขนมหวาน น้ำอัดลม งดเนื้อสัตว์บก สามารถรับประทานกุ้งหอยปูปลาได้
-ควบคุมโรคประจำตัวให้ได้ 100%
-ออกกำลังกาย(ไม่หักโหม)สม่ำเสมอ
-ถึงเวลาสร้างความแข็งแกร่งของระบบของภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อเพราะวัคซีนป้องกันโควิดตามเชื้อไวรัสไม่ทัน แม้พลาดท่าติดแล้ว เกิดลองโควิดก็เอาอยู่



ที่มา :

เพจเฟซบุ๊ก ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสภากาชาดไทย

อยู่ๆ ก็รู้สึกหมดแรง อ่อนเพลีย มาเป็นระยะเวลายาวนานแบบไม่ทราบ ...brandthink.mehttps://brandthink.me › chronic-fatigue-syndrome

โมลนูพิราเวียร์แนวทางใหม่ในการรักษาโรคโควิด-19chulalongkornhospital.go.thhttps://chulalongkornhospital.go.th › Home › Line

เสริมภูมิคุ้มกันธรรมชาติ ป้องกันเชื้อด้วยตำรับอาหารไทยสี่ภาคdmh.go.thhttps://dmh.go.th › news › view

“กัญชง” ไม่ใช่กัญชา มาทำความรู้จักเศรษฐกิจตัวใหม่อย่างเจาะลึกกันดี ...arda.or.thhttps://www.arda.or.th › knowledge_detail

กัญชง VS กัญชา ความเหมือนบนความต่างsciplanet.orghttps://sciplanet.org › content

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม