บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

แอสตาแซนธิน (astaxanthin) ราชาแห่งแคโรทินอยด์

พูดถึง astaxanthin ( แอสตาแซนธิน )ในปัจจุบันนี้ คงแทบไม่มีใครจะไม่รู้จักซุปเปอร์สารต้านอนุมูลอิสระตัวใหม่ มาแรงแซงทางโค้งที่สุดในยุคนี้กันนะคะ 

ความจริงแอสตาแซนธิน โด่งดังมากๆในอเมริกาเพราะความแรงของการต้านอนุมูลอิสระ ชนะสารต้านอนุมูลอิสระทุกๆตัวที่มีมาก่อนบนโลกใบนี้เลยค่ะ ใครได้อ่านแล้วเป็นต้องเบิกตาโพลงด้วยความอึ้งทึ่ง!!มหัศจรรย์พันลึกยิ่งนัก

  • มากกว่าวิตามินอี  550 เท่า
  • มากกว่าเบต้าแคโรทีน 40 เท่า
  • มากกว่าวิตามินซี 6000 เท่า
  • มากกว่าโคเอนไซม์คิวเท็น 800 เท่า
  • มากกว่าชาเขียว ( cathechin ) 550 เท่า

Haematococcus Pluvialis ( ฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส ) เป็นสาหร่ายสีแดง  พบมากในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย สารสำคัญที่ทำให้สาหร่ายชนิดนี้มีสีแดงสด เรียกว่าastaxanthin ( แอสตาแซนธิน ) มีในสาหร่าย,ยีสต์ปลาแซลมอนปลาเทราท์

แอสตาแซนทิน เป็นรงควัตถุสีแดง ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoidพบความเข้มข้นสูงสุดในสาหร่ายสีแดง นอกจากจะให้สีแดงสดแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ จัดเป็นโภชนะเภสัช ( nutraceutical ) มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidantที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ถึงกับได้รับฉายาว่า "ราชาแห่งสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ "  ซึ่งเมื่อเทียบกับสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น เช่นวิตามินซี วิตามินอี ชาเขียว เบต้าแคโรทีน(beta carotene) สารสกัดจากเมล็ดองุ่น และCoQ10 แล้ว แอสตาแซนธินช่วยชะลอการเสื่อมและช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ดีกว่า จึงเป็นความหวังของมวลมนุษยชาติที่ต้องการคงความเป็นหนุ่มสาว ร่างกายแข็งแรง ปราศจากจากโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรง

ในขณะที่แอสตาแซนธินซึ่งเป็นส่วนประกอบในอาหารตามธรรมชาติ ยังสามารถนำมาใช้เป็นอาหารเสริม โดยเป็นอาหารเสริมทั้งสำหรับมนุษย์และสัตว์น้ำ

การผลิตภาคอุตสาหกรรมของ แอสตาแซนธินมาจากทั้งแหล่งน้ำตามธรรมชาติและสังเคราะห์ขึ้นมา

องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้มีมติอนุมัติ astaxanthin เป็นสีผสมอาหาร (หรือสารเติมแต่งสีสำหรับการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงในสัตว์และอาหารปลา

แอสตาแซนธินมีโครงสร้างเดียวกันแบบเบต้าแคโรทีนและแคโรทีนอยด์ที่เรารู้จักกันแต่จะไม่แปลงเป็นวิตามินเอในร่างกายมนุษย์ เช่นเดียวกับแคโรทีนอยด์ตัวอื่น 

ปัจจุบันแอสตาแซนธิน ได้กลายเป็นพืชใต้ผิวน้ำมูลค่ามหาศาล จากความนิยมเพิ่มขึ้นในการบริโภคของตลาดอาหารเสริม มีการเพาะเลี้ยงในระบบนิเวศน์แบบปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา โดยบริษัท Cyanotech ผู้ผลิต astaxanthin ยี่ห้อ nutrex ที่มีคุณภาพสูงจากเทคโนโลยีการผลิตที่เรียกว่า สารสกัดบริสุทธิ์จากของเหลว  "supercritical fluid extraction" สารสกัดที่ได้จากวิธีการนี้ มีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภคมากกว่าวิธีการสกัดโดยใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ ที่อาจไม่สามารถแยกตัวทำละลายออกมาได้หมดโดยสมบูรณ์ จึงทำให้มีตัวทำละลายตกค้าง แน่นอนว่า วิตามินคุณภาพดี เกรดพรีเมี่ยม มักจะตามมาด้วยราคาที่สูงด้วยเช่นกัน


มีประโยชน์อย่างไร
1.ปรับสมดุลอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต จึงมีผลดีต่อหัวใจ ( พบในหนูทดลอง ) มีงานศึกษาวิจัยปี 2006 ในหนูทดลองที่มีความดันโลหิตสูง พบว่า เพิ่มความหนาของผนังหลอดเลือดและอีลาสติน ( elastin ) ยืดหยุ่นขึ้น

2.เพิ่มระดับความอดทนและลดความเมื่อยล้าหลังออกกำลังกาย ( พบในหนูทดลอง ) มีงานศึกษาในหนูทดลอง แสดงให้เห็นว่า สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันในร่างกาย โดยช่วยเพิ่มระดับความทนทาน ป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและความเสียหายของกระดูกและข้อต่อจากการกระแทก ในขณะออกกำลังกาย

3.ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดข้อ เช่น ไขข้ออักเสบ ผังผืดรัดเส้นประสาท เอ็นอักเสบ

4.เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
5.บรรเทาอาการไซแอ็ททิคา (Sciatica ) คือ อาการปวดร้าวเริ่มจากสะโพกแล่นลงมาที่ขา (ส่วนมากจะเป็นขาข้างใดข้างหนึ่งซึ่งเกิดจากความระคายเคืองหรือ การถูกกดทับของเส้นประสาทไซแอ็ททิค (Sciatic nerve)

เส้นประสาทไซแอ็ททิค (Sciatic nerve) เป็นเส้นประสาทที่ยาวที่สุดในร่างกายของมนุษย์ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของเส้นประสาทที่ออกจากกระดูกสันหลังส่วนเอว 5 เส้น มาเชื่อมรวมกันในบริเวณกระดูกเชิงกราน เส้นประสาทเริ่มต้นจากสะโพกหรือกระดูกเชิงกราน ควบคุมและหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อต่างๆ และรวมทั้งข้อต่างๆ ที่ต้นขา เข่า น่องเท้า และนิ้วเท้า

บริเวณของร่างกายที่มักจะปวด เช่น ด้านหลังของต้นขาและน่อง บางกรณีอาจปวดที่สะโพกด้านหน้าหรือ ด้านข้างของขา  บางครั้งความเจ็บปวด จะร้าวไปถึงข้อเท้า เท้าและนิ้วเท้า ในบางรายผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลัง หรือปวดสะโพกก่อนอาการปวดร้าวลงขา

6.บำรุงสายตาไม่ให้อ่อนล้าจากการจ้องคอมพิวเตอร์หรือแทบเล็ตเป็นเวลานาน โดยปรับสายตาให้มองเห็นได้ดีขึ้น ฟื้นฟูจอประสาทตาที่เสื่อมจากวัยในผู้สูงอายุ ลดความเสี่ยงต้อกระจก โดยแอสตาแซนธินข้ามผ่านอุปสรรคหลอดเลือดสมองและตัวกรองเลือดที่จอประสาทตา (เบต้าแคโรทีนและไลโคปีนไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ )

7.ปกป้องผิวจากแสงแดด ป้องกันผิวไหม้แดด 
ในความเป็นจริง การถูกแสงแดดแผดเผา จะส่งผลให้เกิดการอักเสบ แอสตาแซนธินแทรกซึมสู่เซลล์ผิว โดยช่วยลดลดความเสียหายจากรังสี UVA อาจเรียกได้ว่า เป็นครีมกันแดดจากภายใน 

มีงานวิจัยศึกษาแสดงให้เห็นว่า ในคนที่บริโภคแอสตาแซนธิน จะเพิ่มการป้องกันแสงแดดจากการสัมผัสรังสียูวี ได้เพิ่มขึ้น20-50%

8.ช่วยลดอนุมูลอิสระ

ผลข้างเคียง : ปวดศีรษะ เลือดออกง่าย เจ็บหน้าอก

แป้งทดลองกิน astaxanthin 6 mg ยี่ห้อ nutrex หลังอาหารเช้า-เย็น เป็นเวลา 4 เดือน ไม่พบความเปลี่ยนแปลงของผิวใดๆ นอกจากรู้สึกถึงพลังงานที่เพิ่มขึ้นขณะออกกำลังกาย โดยกินก่อนออกกำลังกายร่วมกับ l-carnitine ซึ่งปกติจะปวดเมื่อยเนื้อตัว เจ็บกล้ามเนื้อประหนึ่งโดนช้างเหยียบ หลังออกกำลังกาย แต่ช่วงที่กิน แอสตาแซนธินนั้น ไม่มีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ ไม่ปวดเมื่อยแต่อย่างใด ตรงตามที่อ่านรีวิวของต่างประเทศเลยทีเดียว 

แป้งมองว่า แอสตาแซนธินช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ระบบประสาท ข้อต่อและเส้นเอ็นได้ดีมาก สาวๆที่ชอบใส่รองเท้าส้นสูงในชีวิตประจำวันหรือผู้ชายที่ใช้แรงยกของหนัก ยืนนานๆ จนปวดหลังปวดเอว ไม่ควรมองข้ามนะคะ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น อนุมูลอิสระจากทุกทาง ทั้งจากการใช้ชีวิตหรือการสันดาปที่เกิดขึ้นภายในแต่ละเซลล์ จะถาโถมประเดประดังเข้ามา กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่เคยแข็งแรง จะเสื่อมลงในอัตราที่เร็วมาก จนเราคาดไม่ถึงเลยค่ะ 

สำหรับคนที่หวังผลในเรื่องผิวพรรณ อาจต้องผิดหวังเพราะ
Mehmet Oz MD. ศัลยแพทย์ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจชื่อดัง ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ผู้จัดรายการโทรทัศน์ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแก่ประชาชน ชื่อ Dr.Oz Show  จัดว่าเป็นรายการยอดฮิตและได้รับความนิยมอย่างสูงของอเมริกา ไม่ได้กล่าวถึงผลลัพธ์ของแอสตาแซนธินในแง่ของผิวพรรณแม้แต่น้อย โดยมากจะเน้นฟื้นฟูข้อต่อและเส้นเอ็น บำรุงสายตา ป้องกันแสง
แดด แต่เราสามารถหาอ่านประโยชน์ทางผิวพรรณได้ในบทความอื่นๆ ได้ค่ะ

ที่สำคัญ การบริโภคแอสตาแซนธินต่อวัน จำเป็นต้องรับประทานอย่างน้อย 6-12 mg ต่อวัน แล้วแต่อาการ จึงจะเห็นผลชัดเจน อาทิเช่น 
บรรเทาอาการปวดหลัง ปวดขา วันละ 12 mg
เพิ่มความทนในการออกกำลังกาย วันละ 12 mg
บำรุงสายตา วันละ 6-8 mg
บรรเทาอาการจอประสาทตาเสื่อม วันละ 12 mg
การถูกกดทับของเส้นประสาทไซแอ็ททิค(Sciatic nerve) วันละ 12 mg 

สิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดคือ การกินแอสตาแซนธิน ไม่ได้เห็นผลชัดเจนในเวลาอันใกล้แต่ใช้เวลาแรมปี ( จากการอ่านรีวิวของต่างประเทศ ) ซึ่งแตกต่างจากวิตามินตัวอื่นๆ ที่ใช้เวลาแรมเดือน แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุนกับสุขภาพโดยเฉพาะระบบกระดูก ข้อต่อและเส้นเอ็นในระยะยาวนะคะ

































ที่มา :

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม