คำว่า " แก่ " พูดเบาๆก็เจ็บ อันที่จริงสังขารย่อมไม่เที่ยง มีหลากหลายวิธีที่จะชะลอความชราได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความมีวินัยของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกินอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่านอนดึก มองโลกในแง่ดีเสมอ รวมถึงวิตามินคุณภาพสูงที่เหมาะสมกับวัย รถยนต์ยังต้องเติมน้ำมันเครื่อง คนเราก็ต้องเติมวิตามินให้ร่างกายด้วยเช่นกัน
สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพที่สุด มีดังนี้
1.pycnogenol ที่สุดของวิตามินเหนือระดับ ในบรรดาสารต้านอนุมูลอิสระทั้งหลายในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น Q10,glutathione ,grape seed,ester-c,vitamin e ,beta-carotene,selenium,astaxanthin ฯลฯ ไม่อาจเทียบได้กับ pycnogenol ซึ่งถือกำเนิดเกิดมา ตั้งแต่ ค.ศ 1947 โดย Dr.Jacques Masquelier นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ผู้ปรีชาสามารถ โดยค้นพบ OPC จากการสกัดเปลือกถั่วลิสง โดยบังเอิญ จากนั้นจึงต่อยอดพัฒนาและจดสิทธิบัตรกระบวนการสกัด OPC ( Oligomeric Proanthocyanidins ) จากเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส ( frence maritime pine bark ) มีชื่อทางการค้า คือ pycnogenol
โดยสามารถสกัดได้ทั้งจากเปลือกสนฝรั่งเศสและเมล็ดองุ่นแดง ความเข้มข้นของ OPC โดยทั่วไป
ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ 95% จะพบได้ในเมล็ดองุ่น และรองลงมา 80-85% ในเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส
Dr.Jacques Masquelier ได้เคยกล่าวไว้ว่า " กระบวนการสกัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้า flavonoid ไม่ได้รับการสกัดอย่างถูกต้อง มันจะมีความเป็นไปได้สูงที่สารต้านอนุมูลอิสระจะกลายเป็นอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
การค้นคว้างานวิจัยของ pycnogenol มีมากกว่า 280 บทความและ 98 การทดลองทางคลีนิก ยืนยันถึงความปลอดภัยในการกิน pycnogenol ซึ่งละลายน้ำได้ และมีความโดดเด่นในเรื่องผิวพรรณ กล่าวคือ pycnogenol ลดความเสียหายของอนุมูลอิสระที่คอยพรากความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณ มีผลดีอย่างมากในการปกป้องคอลลาเจนและอีลาสตินจากการย่อยสลายของเอนไซม์โปรตีน ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจของนักวิทยาศาสตร์หลายคน ว่าทำไมการกิน pycnogenol สม่ำเสมอ จะสามารถย้อนอายุผิวได้มากถึง 10-15 ปี ดีกว่าการที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน นิยมกินคอลลาเจนสกัดเป็นหลายพันมิลลิกรัม พอนานวันเข้า ร่างกายย่อยสลายไม่หมด จึงกลายเป็นผังผืดรัดที่ไต อันตรายเห็นๆ เพราะฉะนั้น การที่เราจะทดแทนและเสริมสร้างคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพจากวัยที่มากขึ้น ควรเลือกกิน Pycnogenol ®จะเป็นวิธีดูแลผิวพรรณและฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างปลอดภัยสูงสุด แถมยังสามารถป้องกันผลกระทบความเสียหายของแสงยูวีได้อีกด้วย
2. Alpha Lipoic Acid หรือ ALA เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ครอบจักรวาล( Universal Antioxidation ) ถูกใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และทดลองทางคลีนิกในปี ค.ศ 1950 และได้รับการยอมรับในแง่ของสารต้านอนุมูลอิสระ ในปีค.ศ 1988
ร่างกายสามารถสร้างได้เอง จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น พบมากที่ตับ,เนื้อเยื่ออื่นๆและอาหารบางชนิดเช่น บร็อกโคลี่ ผักขม เครื่องในสัตว์ ยีสต์ มะเขือเทศ แต่ไม่มากพอที่จะใช้เพื่อเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(ชะลอความเสื่อมของเซลล์) บางประเทศอนุมัติให้เป็นยารักษาโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน (คนที่เป็นเบาหวานนานเกิน 5 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการชาปลายมือปลายเท้า โดยเฉพาะบริเวณข้อมือหรือข้อเท้าเท่านั้น ) โรคตับอักเสบ เช่น ประเทศเยอรมัน แต่ในอเมริกาและญี่ปุ่น จัดเป็นอาหารเสริม
ALA ทำหน้าที่เปลี่ยนกลูโคสให้กลายเป็นพลังงานและคอยจัดการกับอนุมูลอิสระ(Antioxidant)ที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการสลายกลูโคสภายในเซลล์ จึงมีผลในการลดน้ำตาลได้อีกด้วย แต่จะสร้างลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ทั้งสามารถออกฤทธิ์ได้ในส่วนของร่างกายที่เป็นน้ำและน้ำมัน เรามารู้จักก่อนนะคะว่าวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอีและวิตามินเค อาศัยน้ำดีช่วยในการดูดซึม ร่างกายเก็บสะสมไว้ที่ตับ หากมีมากเกินจะเกิดอาการแพ้ได้ ส่วนวิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำ เช่น วิตามินบีและวิตามินซี ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้จากการกินเข้าไปเท่านั้น หากมีมากเกิน ร่างกายจะขับออกมาทางปัสสาวะ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระแทบทุกตัวจะออกฤทธิ์ได้ดีในส่วนที่เป็นน้ำหรือน้ำมันเท่านั้น
กรดอัลฟ่าไลโปอิก มีบทบาทส่งเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ เช่น วิตามินซี วิตามินอี กลูต้าไธโอนและCOQ10 ปกติสารต้านอนุมูลอิสระพวกนี้เมื่อผ่านกระบวนการกำจัดอนุมูลอิสระแล้ว จะหมดฤทธิ์ทันทีแต่กรดอัลฟ่าไลโปอิกจะชุบชีวิตให้ฟื้นคืนเพื่อทำหน้าที่อีกครั้ง แถมโดดเด่นด้วยคุณสมบัติลดขนาดรูขุมขน ลดริ้วรอยและส่งเสริมให้ผิวขาวใสได้อีก ซึ่งแทบไม่มีวิตามินตัวไหนมีคุณสมบัติเหมือน ALA โดยเฉพาะลดขนาดรูขุมขนได้จริง เครื่องสำอางบางแบรนด์มีส่วนผสมของ ALA ยังต้องรีบจดสิทธิบัตรไว้เลยนะคะ
3.SOD สารสกัดจากแคนตาลูปฝรั่งเศสอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นสายพันธ์ุที่หายาก ปลูกเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส มี SOD มากกว่าเมลอนธรรมดา 7 เท่า จดสิทธิบัตรโดยใช้ชื่อว่า Extramel เอนไซม์ SOD ได้รับการขนานนามว่า " เอนไซม์แห่งชีวิต " ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ 1968
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ สามารถสกัดเอสโอดีจากแคนตาลูปฝรั่งเศส โดยใช้กรรมวิธีเทคโนโลยีชั้นสูงencapsulation จดสิทธิบัตรมีชื่อเรียกว่า GilSODin เพื่อให้คงตัวในระบบทางเดินอาหาร ลอดผ่านการย่อยของกระเพาะอาหารโดยไม่ถูกทำลาย สามารถดูดซึมที่ลำไส้เล็กได้ดี
สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มเปอร์ออกไซด์ ( peroxide ) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีการซ้อนของโมเลกุลออกซิเจนมากเป็น 2 เท่าของสารอนุมูลอิสระทั่วไป ส่งผลให้สารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป เช่น A,C,E ไม่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระจำพวกนี้ได้ ร่างกายจึงสร้างสารต้านอนุมูลอิสระชนิดพิเศษขึ้นมาเรียกว่า SOD จัดว่าเอนไซม์ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างทรงพลังที่สุดลำดับต้นๆโดยเฉพาะกับเนื้อเยื่อผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงและลดอัตราการถูกทำลายของเซลล์จากอนุมูลอิสระได้ดีอีกด้วย
ครบถ้วนทุกประการในการจัดลำดับสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระที่ไม่ควรพลาดแล้วนะคะ วิตามินมีคุณประโยชน์กับร่างกายมนุษย์หากรู้จักเลือกให้ตรงกับความต้องการของแต่ละคน อายุขัยเดินหน้าไปเรื่อยๆเหลือทิ้งไว้เพียงความมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความทรงจำและความดีงามที่เราได้ประพฤติปฏิบัติต่อผู้อื่น สุขภาพดี ไม่ทนทุกข์ทรมานกับโรคต่างๆ เพียงเท่านี้ชีวิตก็มีความสุขเหลือคณา
สุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระทรงประสิทธิภาพที่สุด มีดังนี้
1.pycnogenol ที่สุดของวิตามินเหนือระดับ ในบรรดาสารต้านอนุมูลอิสระทั้งหลายในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น Q10,glutathione ,grape seed,ester-c,vitamin e ,beta-carotene,selenium,astaxanthin ฯลฯ ไม่อาจเทียบได้กับ pycnogenol ซึ่งถือกำเนิดเกิดมา ตั้งแต่ ค.ศ 1947 โดย Dr.Jacques Masquelier นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ผู้ปรีชาสามารถ โดยค้นพบ OPC จากการสกัดเปลือกถั่วลิสง โดยบังเอิญ จากนั้นจึงต่อยอดพัฒนาและจดสิทธิบัตรกระบวนการสกัด OPC ( Oligomeric Proanthocyanidins ) จากเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส ( frence maritime pine bark ) มีชื่อทางการค้า คือ pycnogenol
โดยสามารถสกัดได้ทั้งจากเปลือกสนฝรั่งเศสและเมล็ดองุ่นแดง ความเข้มข้นของ OPC โดยทั่วไป
ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ 95% จะพบได้ในเมล็ดองุ่น และรองลงมา 80-85% ในเปลือกสนทะเลฝรั่งเศส
Dr.Jacques Masquelier ได้เคยกล่าวไว้ว่า " กระบวนการสกัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้า flavonoid ไม่ได้รับการสกัดอย่างถูกต้อง มันจะมีความเป็นไปได้สูงที่สารต้านอนุมูลอิสระจะกลายเป็นอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
การค้นคว้างานวิจัยของ pycnogenol มีมากกว่า 280 บทความและ 98 การทดลองทางคลีนิก ยืนยันถึงความปลอดภัยในการกิน pycnogenol ซึ่งละลายน้ำได้ และมีความโดดเด่นในเรื่องผิวพรรณ กล่าวคือ pycnogenol ลดความเสียหายของอนุมูลอิสระที่คอยพรากความอ่อนเยาว์ของผิวพรรณ มีผลดีอย่างมากในการปกป้องคอลลาเจนและอีลาสตินจากการย่อยสลายของเอนไซม์โปรตีน ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจของนักวิทยาศาสตร์หลายคน ว่าทำไมการกิน pycnogenol สม่ำเสมอ จะสามารถย้อนอายุผิวได้มากถึง 10-15 ปี ดีกว่าการที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน นิยมกินคอลลาเจนสกัดเป็นหลายพันมิลลิกรัม พอนานวันเข้า ร่างกายย่อยสลายไม่หมด จึงกลายเป็นผังผืดรัดที่ไต อันตรายเห็นๆ เพราะฉะนั้น การที่เราจะทดแทนและเสริมสร้างคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพจากวัยที่มากขึ้น ควรเลือกกิน Pycnogenol ®จะเป็นวิธีดูแลผิวพรรณและฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างปลอดภัยสูงสุด แถมยังสามารถป้องกันผลกระทบความเสียหายของแสงยูวีได้อีกด้วย
2. Alpha Lipoic Acid หรือ ALA เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ครอบจักรวาล( Universal Antioxidation ) ถูกใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และทดลองทางคลีนิกในปี ค.ศ 1950 และได้รับการยอมรับในแง่ของสารต้านอนุมูลอิสระ ในปีค.ศ 1988
ร่างกายสามารถสร้างได้เอง จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น พบมากที่ตับ,เนื้อเยื่ออื่นๆและอาหารบางชนิดเช่น บร็อกโคลี่ ผักขม เครื่องในสัตว์ ยีสต์ มะเขือเทศ แต่ไม่มากพอที่จะใช้เพื่อเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(ชะลอความเสื่อมของเซลล์) บางประเทศอนุมัติให้เป็นยารักษาโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน (คนที่เป็นเบาหวานนานเกิน 5 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการชาปลายมือปลายเท้า โดยเฉพาะบริเวณข้อมือหรือข้อเท้าเท่านั้น ) โรคตับอักเสบ เช่น ประเทศเยอรมัน แต่ในอเมริกาและญี่ปุ่น จัดเป็นอาหารเสริม
ALA ทำหน้าที่เปลี่ยนกลูโคสให้กลายเป็นพลังงานและคอยจัดการกับอนุมูลอิสระ(Antioxidant)ที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการสลายกลูโคสภายในเซลล์ จึงมีผลในการลดน้ำตาลได้อีกด้วย แต่จะสร้างลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ทั้งสามารถออกฤทธิ์ได้ในส่วนของร่างกายที่เป็นน้ำและน้ำมัน เรามารู้จักก่อนนะคะว่าวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอีและวิตามินเค อาศัยน้ำดีช่วยในการดูดซึม ร่างกายเก็บสะสมไว้ที่ตับ หากมีมากเกินจะเกิดอาการแพ้ได้ ส่วนวิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำ เช่น วิตามินบีและวิตามินซี ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องได้จากการกินเข้าไปเท่านั้น หากมีมากเกิน ร่างกายจะขับออกมาทางปัสสาวะ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระแทบทุกตัวจะออกฤทธิ์ได้ดีในส่วนที่เป็นน้ำหรือน้ำมันเท่านั้น
กรดอัลฟ่าไลโปอิก มีบทบาทส่งเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ เช่น วิตามินซี วิตามินอี กลูต้าไธโอนและCOQ10 ปกติสารต้านอนุมูลอิสระพวกนี้เมื่อผ่านกระบวนการกำจัดอนุมูลอิสระแล้ว จะหมดฤทธิ์ทันทีแต่กรดอัลฟ่าไลโปอิกจะชุบชีวิตให้ฟื้นคืนเพื่อทำหน้าที่อีกครั้ง แถมโดดเด่นด้วยคุณสมบัติลดขนาดรูขุมขน ลดริ้วรอยและส่งเสริมให้ผิวขาวใสได้อีก ซึ่งแทบไม่มีวิตามินตัวไหนมีคุณสมบัติเหมือน ALA โดยเฉพาะลดขนาดรูขุมขนได้จริง เครื่องสำอางบางแบรนด์มีส่วนผสมของ ALA ยังต้องรีบจดสิทธิบัตรไว้เลยนะคะ
3.SOD สารสกัดจากแคนตาลูปฝรั่งเศสอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นสายพันธ์ุที่หายาก ปลูกเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส มี SOD มากกว่าเมลอนธรรมดา 7 เท่า จดสิทธิบัตรโดยใช้ชื่อว่า Extramel เอนไซม์ SOD ได้รับการขนานนามว่า " เอนไซม์แห่งชีวิต " ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ 1968
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ สามารถสกัดเอสโอดีจากแคนตาลูปฝรั่งเศส โดยใช้กรรมวิธีเทคโนโลยีชั้นสูงencapsulation จดสิทธิบัตรมีชื่อเรียกว่า GilSODin เพื่อให้คงตัวในระบบทางเดินอาหาร ลอดผ่านการย่อยของกระเพาะอาหารโดยไม่ถูกทำลาย สามารถดูดซึมที่ลำไส้เล็กได้ดี
สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มเปอร์ออกไซด์ ( peroxide ) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีการซ้อนของโมเลกุลออกซิเจนมากเป็น 2 เท่าของสารอนุมูลอิสระทั่วไป ส่งผลให้สารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป เช่น A,C,E ไม่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระจำพวกนี้ได้ ร่างกายจึงสร้างสารต้านอนุมูลอิสระชนิดพิเศษขึ้นมาเรียกว่า SOD จัดว่าเอนไซม์ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้อย่างทรงพลังที่สุดลำดับต้นๆโดยเฉพาะกับเนื้อเยื่อผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงและลดอัตราการถูกทำลายของเซลล์จากอนุมูลอิสระได้ดีอีกด้วย
ครบถ้วนทุกประการในการจัดลำดับสุดยอดสารต้านอนุมูลอิสระที่ไม่ควรพลาดแล้วนะคะ วิตามินมีคุณประโยชน์กับร่างกายมนุษย์หากรู้จักเลือกให้ตรงกับความต้องการของแต่ละคน อายุขัยเดินหน้าไปเรื่อยๆเหลือทิ้งไว้เพียงความมีน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความทรงจำและความดีงามที่เราได้ประพฤติปฏิบัติต่อผู้อื่น สุขภาพดี ไม่ทนทุกข์ทรมานกับโรคต่างๆ เพียงเท่านี้ชีวิตก็มีความสุขเหลือคณา
ตอนนี้คุณแป้ง ทานวิตามินตัวไหนบ้างคะ
ตอบลบPycnogenol,Q10,vit-e,omega-3,ester-c,melatonin,taurine,glycine,folic acid,msm,turkey tail,borage oil,folic acid,hyaluronic acid,dandelion,milk thistle,ALA,licorice, turmeric,lyc-o-mato,NAC,SOD ประมาณนี้ค่ะ
ตอบลบ