เป็นที่ถกเถียงกันมาแสนนานว่า กินวิตามินซีเท่าไหร่ดีถึงจะมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแท้จริง ยิ่งค้นคว้าหาความรู้ ยิ่งงงมากเพราะไม่มีข้อมูลว่า ร่างกายดูดซึมไปใช้ทั้งหมดเท่าไหร่ รู้แต่เพียงว่า วิตามินซีละลายน้ำได้ หากมีมากเกินจะถูกขับออกมาทางไต กลายเป็นปัสสาวะ เท่านั้นเอง แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
Linus Carl Pauling นักเคมีอัจฉริยะ ชาวอเมริกัน ผู้พิชิตรางวัลโนเบล สาขาเคมี ค.ศ1954 จากผลงานเรื่อง ธรรมชาติของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ผลงานชิ้นนี้ได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์สังเคราะห์โมเลกุลขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนได้ เช่น protein,antibodyในร่างกายมนุษย์
ในปีค.ศ1962 Pauling ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ จากความพยายามที่ได้ผลักดันให้ประเทศมหาอำนาจลงนามในสัญญาไม่ทดลองระเบิดปรมาณูอีกต่อไป เพราะเขาเชื่อว่ากัมมันตภาพรังสีจากระเบิดปรมาณู ถึงแม้จะมีปริมาณน้อยนิดก็สามารถทำลายDNAของมนุษย์ นำไปสู่การเกิดโรคร้ายแรงได้ แต่ในยุคสมัยที่ Pauling เดินขบวนคัดค้านนั้น ทุกคนคิดว่า เขาเป็นเสียสติไปแล้ว
Pauling ได้รับการยกย่องให้เป็น"นักเคมีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่20"โดยเริ่มกินวิตามินซีเมื่ออายุ40ปีและเมื่อรู้ว่าตนเองเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก จึงได้เพิ่มขนาดสูงเป็น18000mg เมื่ออายุุได้64ปีและเสียชีวิตในเวลาต่อมาเมื่ออายุได้93ปี เนี่ย!ขนาดเป็นมะเร็งยังมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างผลงานที่ควรค่าแก่การยกย่อง ช่างเป็น คนที่มีความคิดก้าวไกล ยังกับรู้ว่า โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยมลพิษโดยแท้
แป้งคาดว่าน่าจะแบ่งทานเป็น4มื้อ ไม่ก็อาจเป็นวิตามินซีชนิดผง มิฉะนั้นวิตามินซีคงจุกคอหอยตายก่อนที่จะพิสูจน์ให้โลกรับรู้ว่า วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง จากผลงานการค้นคว้าวิจัยมานานเกือบ20ปี
ขณะที่ Pauling มีชีวิตอยู่ ได้อธิบายหลักการ dynamic flow model เกี่ยวกับวิตามินซีว่า หากมีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดคงที่ จะสามารถนำไปใช้เมื่อร่างกายต้องการได้ตลอดเวลา นั่นหมายความว่า เราจะต้องกินวิตามินซีต่อเนื่องไปตลอด เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น หากวิตามินซีในกระแสเลือดลดระดับลง ภูมิต้านทานจากวิตามินซีจะลดลงตามไปด้วย และจะต้องแบ่งกินเป็น2มื้อเพื่อให้ร่างกายชุ่มฉ่ำด้วยวิตามินซีตลอดเวลา
Pauling ได้ค้นพบการดูดซึมของวิตามินซี หลังจากกินวิตามินซีวันละ18000mg.และยืนยันว่า วิตามินซี mega dose ช่วยทำให้มะเร็งในร่างกาย สงบลง ดังต่อไปนี้
1. วิตามินซีถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก 60% คงค้างที่ลำไส้ใหญ่ 25% ขับออกเป็นปัสสาวะ 15%เท่านั้น ขณะที่วิตามินซีอยู่ในลำไส้ใหญ่ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยการขจัด carcinoma(สารก่อมะเร็ง)ที่มีในอุจจาระ(ร่างกายจึงต้องมีการขับถ่ายของเสียทุกวันเพื่อลดสารพิษตกค้างในลำไส้)และช่วยดูดน้ำกลับเข้ามาในลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้อุจจาระนิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราต้องดื่มน้ำมากๆ เมื่อกินวิตามินซีปริมาณสูงและไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดนิ่วในไตแต่อย่างใด(ไม่งั้นPauling คงได้โรคนิ่วในไตแถมมาด้วยเป็นแน่แท้)
2.วิตามินซี mega dose สามารถป้องกันการทำลายของเซลล์มะเร็ง ด้วยกลไกการสร้างคอลลาเจน วิตามินซียับยั้งได้ โดยจะทำให้โครงสร้างภายในเซลล์มะเร็งเปลี่ยนแปลงไป เยื่อหุ้มเซลล์มะเร็งจะขาดออก แล้วถูกล้อมรอบด้วยคอลลาเจน
3.เมื่อวิตามินซีถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กและกระจายไปยังกระแสเลือด จะสามารถป้องกันโรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ วิตามินซีจะลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด และช่วยขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ส่งผลให้หัวใจทำงานได้ตามปกติ การบริโภคอาหารไขมันสูงเป็นประจำจะทำให้เกิดโรคหัวใจและมะเร็งลำไส้ใหญ่ในที่สุด
4.วิตามินซีป้องกันการติดเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจส่วนต้นเช่น โรคไข้หวัด หากร่างกายได้รับเชื้อโรค ปริมาณเม็ดเลือดขาวจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วมหาศาลเพื่อจับกินเชื้อโรคเมื่อมีวิตามินซีสะสมอยู่ในร่างกายปริมาณมาก อันนี้แป้งพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วหลายครั้งค่ะ(ก่อนที่จะกินวิตามินจากอเมริกาต่อเนื่อง10เดือนนะคะ) เวลารู้สึกเหมือนจะเป็นหวัด เริ่มเจ็บคอนิดๆ แป้งจะรีบหยิบวิตามินซี2เม็ด(2000mg.)ใส่ปาก ดื่มน้ำตาม500ml.จากนั้นอีก1ชั่วโมง กรอกวิตามินซีใส่ปากอีก2เม็ดตามด้วยน้ำ500ml รวมทั้งหมด 4000mg. อีก2ชั่วโมงต่อมา อาการเหมือนจะเจ็บคอ หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ แป้งจึงไม่ต้องกินยาฆ่าเชื้อโรคแม้เพียงเม็ดเดียวเลยค่ะ Pauling นี่สุดยอดจริงๆค่ะ
5.วิตามินซีสามารถเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายเมื่อมีระดับวิตามินซีสูงและความสามารถในการจับกินเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ข้อนี้แป้งพิสูจน์มาแล้วเช่นกัน เมื่อ2ปีที่แล้วเดินทางไปเที่ยวอเมริกาพร้อมครอบครัวเป็นเวลา9วัน พกวิตามินติดตัวไปแค่ 3ชนิดคือ วิตามินซีวันละ4000mg,Q10วันละ200mg และเมลาโทนินวันละ3mg(จำเป็นมากเนื่องจากเดินทางข้ามเส้นแบ่งเขตเวลา จะทำให้ร่างกายปรับเวลานอนไม่ได้ จึงต้องกินเมลาโทนินค่ะ) แบ่งวิตามินกินเป็น2มื้อ ซึ่งการเดินทางไปกับทัวร์ จะเหนื่อยมากกว่าปกติ ทุกอย่างต้องตรงเวลา ตื่นนอน 6โมง 7โมงทานอาหารเช้า 8โมงล้อหมุน กว่าจะได้นอนในแต่ละคืน ปาเข้าไปเที่ยงคืนทุกวัน กลับมาเมืองไทยแป้งไม่เหนื่อย แถมสวยเด้งอีกต่างหาก(น้องในออฟฟิศชม)
เมื่อปีที่แล้วเดินทางไปอังกฤษ-สก็อตแลนด์พร้อมครอบครัวเป็นเวลา9วัน นำวิตามินไปสูตรเดิม ก็ไม่โทรมกลับมานะคะ สวยเด้งและสุขภาพแข็งแรงมาเชียว ไม่มีวี่แววของความเหนื่อยล้าเลยค่ะ และกลางปีที่ผ่านมาเดินทางไปยุโรป ระยะเวลา9วัน อยากซ่าส์! ลองเปลี่ยนสูตรวิตามินค่ะ ไม่เอาวิตามินซีไป(เม็ดมันใหญ่ กลืนลำบาก) แต่เอาgrape seed 300mg วันละ2เม็ด,Q10 วันละ 300mgและเมลาโทนินวันละ 3mg ไม่อยากบอกว่า รู้สึกเหนื่อยมากมาย กลับมาเมืองไทย นอนสลบ 1วันเต็มๆ ตื่นมากินข้าวอย่างเดียว ชำรุดทรุดโทรมมาก เรียกได้ว่า ยับเยินที่สุดในชีวิต ตอนนี้เชื่อหลักการดูดซึมวิตามินซี ของPauling สนิทใจเลยค่ะ
FDA(องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) ได้กำหนดให้บริโภควิตามินซีเพียงวันละ 60mg ส่วนอ.ย ประเทศไทย อนุญาตให้กินวิตามินซีได้แค่ วันละ 200mg นอกจากกินวิตามินซีชนิดที่เป็นอาหารเสริมแล้ว ควรบริโภควิตามินซีจากธรรมชาติด้วยนะคะเช่น ผักใบเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว มะเขือเทศ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ฝรั่ง แตงโมและมะละกอ
ค.ศ 1970 ขณะยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนคิดว่า Pauling สติแตก แต่หลังจากนั้นอีก20ปี สิ่งที่ Pauling ได้ศึกษาและวิจัยเรื่อง วิตามินซี ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นว่า หลักการของPauling เรื่องวิตามินซีถูกต้องที่สุด อีกทั้งได้รับการยกย่องว่า เป็น"บิดาแห่งวิตามินซี" และ ในวันที่19สิงหาคม2555 นี้ เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของ Pauling ปีที่18 ขอบคุณมากมายด้วยนะคะ
แป้งเลือกกินวิตามินซี ชนิด ester-c 1000mg ซึ่งมี bioflavonoid (เป็นส่วนประกอบที่พบได้จากพืชธรรมชาติเท่านั้น) มากถึง 200mg (หากมีมากในร่างกาย จะช่วยปกป้องเนื้อเยื่อจากการทำลายของอนุมูลิอสระและป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้เป็นอย่างดี ) ยี่ห้อ SOLGAR ผลิตในอเมริกา นับได้ว่าคุ้มค่าที่สุดในการกินวิตามินซี อีกทั้งจดสิทธิบัตรไป 25 ประเทศทั่วโลก เนื่องจาก ถูกสกัดความเป็นกรดออกไปจนหมดสิ้น จึงไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและไม่กัดกร่อนหูรูดอาหาร ไม่ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้องหรือท้องเสียแต่อย่างใด แถมมาด้วยคุณสมบัติเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีได้ดียิ่งขึ้น สามารถรับประทานขณะท้องว่างได้อีกด้วย
มีจำหน่ายที่ jabushebeautyplus.weloveshopping.com เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ควรปรับปริมาณวิตามินซี ตามระดับความเครียด มลภาวะ ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ความเจ็บป่วย รวมถึงผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำและชอบกินอาหารทอด ปิ้ง ย่าง ส่งเสริมให้เกิดcarcinogen (สารก่อมะเร็ง ) ในร่างกาย คนเราหน้าตาสดใส สุขภาพกายแข็งแรง ไม่ต้องเอาเงินไปให้หมอ เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เพียงเท่านี้ก็มีความสุขในชีวิตมากพอแล้ว
ที่มา;1.www.medicalnewtoday.com/release/12154.php
2.www.healingdaily.com/detoxification.../vitaminc.htm
v
Linus Carl Pauling นักเคมีอัจฉริยะ ชาวอเมริกัน ผู้พิชิตรางวัลโนเบล สาขาเคมี ค.ศ1954 จากผลงานเรื่อง ธรรมชาติของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ผลงานชิ้นนี้ได้ทำให้นักวิทยาศาสตร์สังเคราะห์โมเลกุลขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนได้ เช่น protein,antibodyในร่างกายมนุษย์
ในปีค.ศ1962 Pauling ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ จากความพยายามที่ได้ผลักดันให้ประเทศมหาอำนาจลงนามในสัญญาไม่ทดลองระเบิดปรมาณูอีกต่อไป เพราะเขาเชื่อว่ากัมมันตภาพรังสีจากระเบิดปรมาณู ถึงแม้จะมีปริมาณน้อยนิดก็สามารถทำลายDNAของมนุษย์ นำไปสู่การเกิดโรคร้ายแรงได้ แต่ในยุคสมัยที่ Pauling เดินขบวนคัดค้านนั้น ทุกคนคิดว่า เขาเป็นเสียสติไปแล้ว
Pauling ได้รับการยกย่องให้เป็น"นักเคมีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่20"โดยเริ่มกินวิตามินซีเมื่ออายุ40ปีและเมื่อรู้ว่าตนเองเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก จึงได้เพิ่มขนาดสูงเป็น18000mg เมื่ออายุุได้64ปีและเสียชีวิตในเวลาต่อมาเมื่ออายุได้93ปี เนี่ย!ขนาดเป็นมะเร็งยังมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างผลงานที่ควรค่าแก่การยกย่อง ช่างเป็น คนที่มีความคิดก้าวไกล ยังกับรู้ว่า โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยมลพิษโดยแท้
แป้งคาดว่าน่าจะแบ่งทานเป็น4มื้อ ไม่ก็อาจเป็นวิตามินซีชนิดผง มิฉะนั้นวิตามินซีคงจุกคอหอยตายก่อนที่จะพิสูจน์ให้โลกรับรู้ว่า วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง จากผลงานการค้นคว้าวิจัยมานานเกือบ20ปี
ขณะที่ Pauling มีชีวิตอยู่ ได้อธิบายหลักการ dynamic flow model เกี่ยวกับวิตามินซีว่า หากมีระดับวิตามินซีในกระแสเลือดคงที่ จะสามารถนำไปใช้เมื่อร่างกายต้องการได้ตลอดเวลา นั่นหมายความว่า เราจะต้องกินวิตามินซีต่อเนื่องไปตลอด เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น หากวิตามินซีในกระแสเลือดลดระดับลง ภูมิต้านทานจากวิตามินซีจะลดลงตามไปด้วย และจะต้องแบ่งกินเป็น2มื้อเพื่อให้ร่างกายชุ่มฉ่ำด้วยวิตามินซีตลอดเวลา
Pauling ได้ค้นพบการดูดซึมของวิตามินซี หลังจากกินวิตามินซีวันละ18000mg.และยืนยันว่า วิตามินซี mega dose ช่วยทำให้มะเร็งในร่างกาย สงบลง ดังต่อไปนี้
1. วิตามินซีถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็ก 60% คงค้างที่ลำไส้ใหญ่ 25% ขับออกเป็นปัสสาวะ 15%เท่านั้น ขณะที่วิตามินซีอยู่ในลำไส้ใหญ่ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยการขจัด carcinoma(สารก่อมะเร็ง)ที่มีในอุจจาระ(ร่างกายจึงต้องมีการขับถ่ายของเสียทุกวันเพื่อลดสารพิษตกค้างในลำไส้)และช่วยดูดน้ำกลับเข้ามาในลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้อุจจาระนิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราต้องดื่มน้ำมากๆ เมื่อกินวิตามินซีปริมาณสูงและไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดนิ่วในไตแต่อย่างใด(ไม่งั้นPauling คงได้โรคนิ่วในไตแถมมาด้วยเป็นแน่แท้)
2.วิตามินซี mega dose สามารถป้องกันการทำลายของเซลล์มะเร็ง ด้วยกลไกการสร้างคอลลาเจน วิตามินซียับยั้งได้ โดยจะทำให้โครงสร้างภายในเซลล์มะเร็งเปลี่ยนแปลงไป เยื่อหุ้มเซลล์มะเร็งจะขาดออก แล้วถูกล้อมรอบด้วยคอลลาเจน
3.เมื่อวิตามินซีถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กและกระจายไปยังกระแสเลือด จะสามารถป้องกันโรคหัวใจ โดยการไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ วิตามินซีจะลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด และช่วยขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ส่งผลให้หัวใจทำงานได้ตามปกติ การบริโภคอาหารไขมันสูงเป็นประจำจะทำให้เกิดโรคหัวใจและมะเร็งลำไส้ใหญ่ในที่สุด
4.วิตามินซีป้องกันการติดเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจส่วนต้นเช่น โรคไข้หวัด หากร่างกายได้รับเชื้อโรค ปริมาณเม็ดเลือดขาวจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วมหาศาลเพื่อจับกินเชื้อโรคเมื่อมีวิตามินซีสะสมอยู่ในร่างกายปริมาณมาก อันนี้แป้งพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วหลายครั้งค่ะ(ก่อนที่จะกินวิตามินจากอเมริกาต่อเนื่อง10เดือนนะคะ) เวลารู้สึกเหมือนจะเป็นหวัด เริ่มเจ็บคอนิดๆ แป้งจะรีบหยิบวิตามินซี2เม็ด(2000mg.)ใส่ปาก ดื่มน้ำตาม500ml.จากนั้นอีก1ชั่วโมง กรอกวิตามินซีใส่ปากอีก2เม็ดตามด้วยน้ำ500ml รวมทั้งหมด 4000mg. อีก2ชั่วโมงต่อมา อาการเหมือนจะเจ็บคอ หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ แป้งจึงไม่ต้องกินยาฆ่าเชื้อโรคแม้เพียงเม็ดเดียวเลยค่ะ Pauling นี่สุดยอดจริงๆค่ะ
5.วิตามินซีสามารถเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายเมื่อมีระดับวิตามินซีสูงและความสามารถในการจับกินเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ข้อนี้แป้งพิสูจน์มาแล้วเช่นกัน เมื่อ2ปีที่แล้วเดินทางไปเที่ยวอเมริกาพร้อมครอบครัวเป็นเวลา9วัน พกวิตามินติดตัวไปแค่ 3ชนิดคือ วิตามินซีวันละ4000mg,Q10วันละ200mg และเมลาโทนินวันละ3mg(จำเป็นมากเนื่องจากเดินทางข้ามเส้นแบ่งเขตเวลา จะทำให้ร่างกายปรับเวลานอนไม่ได้ จึงต้องกินเมลาโทนินค่ะ) แบ่งวิตามินกินเป็น2มื้อ ซึ่งการเดินทางไปกับทัวร์ จะเหนื่อยมากกว่าปกติ ทุกอย่างต้องตรงเวลา ตื่นนอน 6โมง 7โมงทานอาหารเช้า 8โมงล้อหมุน กว่าจะได้นอนในแต่ละคืน ปาเข้าไปเที่ยงคืนทุกวัน กลับมาเมืองไทยแป้งไม่เหนื่อย แถมสวยเด้งอีกต่างหาก(น้องในออฟฟิศชม)
เมื่อปีที่แล้วเดินทางไปอังกฤษ-สก็อตแลนด์พร้อมครอบครัวเป็นเวลา9วัน นำวิตามินไปสูตรเดิม ก็ไม่โทรมกลับมานะคะ สวยเด้งและสุขภาพแข็งแรงมาเชียว ไม่มีวี่แววของความเหนื่อยล้าเลยค่ะ และกลางปีที่ผ่านมาเดินทางไปยุโรป ระยะเวลา9วัน อยากซ่าส์! ลองเปลี่ยนสูตรวิตามินค่ะ ไม่เอาวิตามินซีไป(เม็ดมันใหญ่ กลืนลำบาก) แต่เอาgrape seed 300mg วันละ2เม็ด,Q10 วันละ 300mgและเมลาโทนินวันละ 3mg ไม่อยากบอกว่า รู้สึกเหนื่อยมากมาย กลับมาเมืองไทย นอนสลบ 1วันเต็มๆ ตื่นมากินข้าวอย่างเดียว ชำรุดทรุดโทรมมาก เรียกได้ว่า ยับเยินที่สุดในชีวิต ตอนนี้เชื่อหลักการดูดซึมวิตามินซี ของPauling สนิทใจเลยค่ะ
FDA(องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) ได้กำหนดให้บริโภควิตามินซีเพียงวันละ 60mg ส่วนอ.ย ประเทศไทย อนุญาตให้กินวิตามินซีได้แค่ วันละ 200mg นอกจากกินวิตามินซีชนิดที่เป็นอาหารเสริมแล้ว ควรบริโภควิตามินซีจากธรรมชาติด้วยนะคะเช่น ผักใบเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว มะเขือเทศ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ฝรั่ง แตงโมและมะละกอ
ค.ศ 1970 ขณะยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนคิดว่า Pauling สติแตก แต่หลังจากนั้นอีก20ปี สิ่งที่ Pauling ได้ศึกษาและวิจัยเรื่อง วิตามินซี ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นว่า หลักการของPauling เรื่องวิตามินซีถูกต้องที่สุด อีกทั้งได้รับการยกย่องว่า เป็น"บิดาแห่งวิตามินซี" และ ในวันที่19สิงหาคม2555 นี้ เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของ Pauling ปีที่18 ขอบคุณมากมายด้วยนะคะ
แป้งเลือกกินวิตามินซี ชนิด ester-c 1000mg ซึ่งมี bioflavonoid (เป็นส่วนประกอบที่พบได้จากพืชธรรมชาติเท่านั้น) มากถึง 200mg (หากมีมากในร่างกาย จะช่วยปกป้องเนื้อเยื่อจากการทำลายของอนุมูลิอสระและป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้เป็นอย่างดี ) ยี่ห้อ SOLGAR ผลิตในอเมริกา นับได้ว่าคุ้มค่าที่สุดในการกินวิตามินซี อีกทั้งจดสิทธิบัตรไป 25 ประเทศทั่วโลก เนื่องจาก ถูกสกัดความเป็นกรดออกไปจนหมดสิ้น จึงไม่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและไม่กัดกร่อนหูรูดอาหาร ไม่ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้องหรือท้องเสียแต่อย่างใด แถมมาด้วยคุณสมบัติเพิ่มการดูดซึมวิตามินซีได้ดียิ่งขึ้น สามารถรับประทานขณะท้องว่างได้อีกด้วย
มีจำหน่ายที่ jabushebeautyplus.weloveshopping.com เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ควรปรับปริมาณวิตามินซี ตามระดับความเครียด มลภาวะ ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ความเจ็บป่วย รวมถึงผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำและชอบกินอาหารทอด ปิ้ง ย่าง ส่งเสริมให้เกิดcarcinogen (สารก่อมะเร็ง ) ในร่างกาย คนเราหน้าตาสดใส สุขภาพกายแข็งแรง ไม่ต้องเอาเงินไปให้หมอ เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เพียงเท่านี้ก็มีความสุขในชีวิตมากพอแล้ว
ที่มา;1.www.medicalnewtoday.com/release/12154.php
2.www.healingdaily.com/detoxification.../vitaminc.htm
v
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น