บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มหากาพย์การรักษาสิว(ตอนจบ)


              
  ขออนุญาตวกกลับสู่อดีตชาติ ช่วงที่เรียนจบพยาบาลและเริ่มทำงานในโรงพยาบาล(อายุ21ปี)ต้องขึ้นเวรเช้า-บ่าย-ดึก เป็นเวลา4ปี หน้าจะเป็นสิวเฉพาะช่วงที่หยุดกินยาไดแอน รอยหลุมสิวที่เคยมีมาแต่ก่อนเก่าก็เพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่เกิดตรงแก้มทั้งสองข้าง(กลัวน้อยหน้ากันมั๊ง) จนกระทั่งอายุ26ปี ได้ปลดแอกการขึ้นเวรโดยได้ปฏิบัติงานที่แผนกผู้ป่วยนอก(OPD) ทำให้เริ่มมีเวลาตัวเองมากขึ้น จึงคิดรักษาหลุมสิวโดยการใช้กรดTCA.แต้มที่หลุมสิวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ เมื่อก่อนต้องทำในคลีนิคผิวหนังเท่านั้น                                                          
จำได้ว่านั่งรอหมอ1ชั่วโมง(คนไข้เยอะมาก) พอถึงคิวแป้ง พอหย่อนก้นเข้าไปนั่งประจำที่ปุ๊บ จะมีกระดาษใบเล็กๆขนาดเท่ากับกระดาษซับมันวางตรงหน้า เราก็หยิบมาอ่านอย่างรวดเร็ว 

มีข้อปฏิบัติ5ข้อ จำได้ว่า ทำตามไม่ได้ซักข้อ คือ ห้ามทาแป้ง ห้ามแต่งหน้า ห้ามทาครีมบำรุง ฯลฯ แล้วคุณหมอสั่งยาให้แล้วเชิญออกไป เดินออกมาด้วยความงงงวย ฮ่วย!รอเป็นชั่วโมง คุยไม่ถึง3นาที ต่อด้วยการได้ทำทรีตเมนท์แต้มTCA.กับน้องพยาบาล ระหว่างทำรู้สึกเจ็บๆแสบๆจี๊ดมากแต่ก็ต้องอดทน เสร็จแล้วจึงบอกน้องเค้าว่า "พี่ไม่ขอรับยานะเพราะมีอยู่แล้ว" แป้งเป็นโรคจิตไม่ชอบใช้ยาตลับของคลีนิคเพราะไม่ได้มีingredients(ส่วนประกอบ)ระบุว่ามีอะไรบ้าง                                                                    
                         
อีกอย่างครีมพวกนี้พอเปิดแล้วเจออากาศจะแข็งตัวเร็วมาก เพราะไม่ได้มาจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน กวนกันเองหลังร้าน ซื้อตามร้านขายยาดีกว่า เนื่องจากการรักษาสิวไม่ได้มีอะไรซับซ้อน มียาแค่ไม่กี่ตัว บางทีไม่มีความจำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อเลย สิ้นเปลืองกระเพาะอาหารในการย่อยยาอีกต่างหาก                                                   
                          
นับเป็นครั้งสุดท้ายที่ไปพบหมอเพื่อรักษาสิวและหลุมสิวแบบคนทั่วไป แป้งเริ่มต้นรักษาสิวด้วยตนเอง เมื่อทรามวัยอายุได้28ปี มีทั้งกินยา roaccutane 20 mg.วันละเม็ด เป็นเวลา 10 เดือน(คำนวณจากน้ำหนักตัว)ช่วงที่กินยาเข้าเดือนที่ 5 ผิวเนียนละเอียด แต่งหน้าง่ายมากแต่หน้าแห้งมากมาย แป้งเลยคิดว่า ในเมื่อเราหน้าแห้งก็ต้องเติมความชุ่มชื้นคืนสู่ผิว จึงไปซื้อครีมนวดหน้ายี่ห้อ shiseido white lucent มานวดหน้าทุกคืน พอประทังความเหี่ยวแห้งได้มากพอดู(อาศัยว่าเป็นคนกินน้ำเยอะวันละ2000ซีซี )พอครบ10เดือน จึงหยุดกินยา

อีก2เดือนต่อมา หน้ามันแผล็บเช่นเดิม สิวเริ่มมาประปราย เลยคิดได้ว่า เออ!นะ อนิจจัง สังขารไม่เที่ยงจริงๆ เรากินอะไรลงไปก็ได้อย่างน้ัน พอหยุดกินทุกสิ่งในร่างกายกลับเป็นเหมือนตอนก่อนกิน หรือชีวิตนี้จะหลีกไม่พ้นคำว่า"สิว"กันแน่นะ

คิดแล้วท้อใจ จะทำอย่างไรดีถึงจะหายเป็นสิวเสียที ตอนนั้นจึงเริ่มกินไดแอนใหม่อีกครั้ง ต้องใช้เวลา4-6เดือน ต่อมไขมันจึงจะทำงานน้อยลง หน้ากลับมาสวยอีกครั้ง แต่พอไปหาหมอผิวหนังเพื่อฉีดสิวอักเสบ(เป็นยาสเตียรอยด์ช่ื่อkenacort)ออกฤทธิ์ทำให้สิวยุบบวมภายใน24ชั่วโมง คุณหมอทักว่า เริ่มมีฝ้าจางๆล่ะ กรี๊ด!สิวหาย ฝ้าตามมา(จึงตั้งปณิธาณว่าชาตินี้จะไม่กินไดแอนอีกต่อไป)ได้ยามาทาฝ้า อีก2อาทิตย์ ไปตรวจอีกครั้ง ปรากฎว่า ฝ้าหายไปล่ะ                                                                                       
ธรรมชาติของคนผิวมันพร้อมที่อุดตันและเป็นสิวง่ายได้มากกว่าผิวทั่วไปอยู่แล้ว เมื่อไม่มีไดแอนมาปรับสมดุลฮอร์โมน สิวก็เกิดตามแก้มอีกครั้ง ขณะนั้นอายุได้30ปีพอดิบพอดี จึงฉุกคิดได้ว่า ถ้าหน้าเราแห้ง ต่อมไขมันจะทำงานน้อยลง สิวจะไม่ขึ้นเลยนะ แล้วเลเซอร์คือพลังงานความร้อนที่ลงลึกถึงชั้นdermis(หนังแท้)เราก็จะไม่เป็นสิว แถมหน้าจะเรียบเนียนสวยอีกต่างหาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม