บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568

"ผมจำได้ว่ามีแสงวาบ ๆ คล้ายแสงคาไลโดสโคปเข้าตา จนแสบตาจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย“

เมื่อคาลัม แมคโดนัลด์ ชายหนุ่มชาวอังกฤษวัย 23 ปี เดินทางมาถึงชายแดนเวียดนาม เขาอ่านเอกสารราชการที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาเห็นคือ "แสงวูบวาบหลากสี"

เขาเพิ่งลงจากรถบัสที่เดินทางข้ามคืนพร้อมเพื่อน ๆ จากวังเวียง เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในลาว ก่อนหน้านี้คาลัมและกลุ่มเพื่อนพักอยู่ที่โฮสเทลแห่งหนึ่ง ซึ่งมีวิสกี้และวอดก้าช็อตแจกฟรีให้กับแขก โดยคาลัมผสมวิสกี้และวอดก้าช็อตกับเครื่องดื่มในคืนที่ผ่านมา

จนกระทั่งถึงจุดผ่านแดนแห่งนั้น เขาจึงสงสัยว่าสายตาอาจมีปัญหาบางอย่าง คาลัมจึงกล่าวเพื่อน ๆ ของเขา
"ผมจำได้ว่ามีแสงวาบ ๆ คล้ายแสงคาไลโดสโคปเข้าตา จนแสบตาจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย“

พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่ามันแปลก แต่คิดว่าเกิดจากอาหารเป็นพิษ และแสงที่ผมเห็นน่าจะเป็นความไวต่อแสงบางอย่าง เขากล่าวในรายการบีบีซี เบรคฟาสต์ (BBC Breakfast) จริงๆคือสัญญาณจากการตายของเซลล์ปมประสาทจอประสาทตาและ demyelination retrobulbar ของเส้นประสาทตาคะ

แต่เมื่อพวกเขามาถึงจุดหมายปลายทางในเวียดนาม ก็เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติอย่างร้ายแรง
"เรานั่งอยู่ในห้องพักโรงแรม เพื่อนของผมแล้วก็ผม และผมก็พูดกับพวกเขาว่า 'ทำไมเราต้องนั่งอยู่ในที่มืดด้วย ใครก็ได้เปิดไฟที'" แต่ตอนนั้นไฟทุกดวงเปิดอยู่

เรื่องน่าเศร้าที่ฟังแล้วสะเทือนใจ ตอนนี้คาลัม วัย 23 ปี ตาบอดถาวรแล้ว กำลังเล่าเรื่องราวของเขาเป็นครั้งแรก เขาเป็นหนึ่งในเหยื่อหลายรายที่ได้รับผลกระทบจากการดื่มเหล้าเถื่อนที่ผสมเมทานอลและบางคนก็เสียชีวิตจากพิษเมทานอลในเมืองวังเวียง เมื่อเดือน พ.ย. 2024 

มีผู้เสียชีวิต 6 ราย โดย 2 รายเป็นคนรู้จักของคาลัม ซึ่งเป็นสาวชาวเดนมาร์กที่เขาพบในคืนหนึ่ง พวกเขาทั้งหมดพักอยู่ที่ นานา แบ็คแพ็คเกอร์ โฮสเทล ประเทศลาว

เมทิลแอลกอฮอล์(เมทานอล)เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะผ่านเอนไซม์ แอลกอฮอล์ดีไฮโดรจีเนส(Alcohol Dehydrogenase)เปลี่ยนเป็นฟอร์มาลดีไฮด์(รูปแบบของเหลวเรียกว่าฟอร์มาลีน)ซึ่งเป็นสารพิษรุนแรง จากนั้นจะถูกเปลี่ยนต่อไปเป็นกรดฟอร์มิก (formic acid) ซึ่งเป็นสารหลักที่ทำให้เกิดพิษต่อร่างกาย เช่น อาการตาพร่ามัว สูญเสียการมองเห็น อาจมองไม่เห็นหรือเห็นผิดปกติทั้งสองข้าง ปวดหัว วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย สับสน มึนงง หากร่างกายได้รับในปริมาณมาก อาจส่งผลให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด (Metabolic acidosis) เกิดอาการชักเกร็งทั้งตัว หมดสติ และเสียชีวิต

นักต้มเหล้าเถื่อนมักเติมเมทานอล(ที่มีราคาถูกกว่าเอทานอลเพื่อลดต้นทุน)สำหรับใช้ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งพบได้ในสีทาบ้านและสารเคลือบเงา ลงไปในเหล้าเถื่อนเพื่อทำให้เหล้าต้มมีดีกรีแอลกอฮอล์สูงขึ้น แม้มีสารประกอบดังกล่าวในเหล้าปริมาณเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำลายส่วนต่าง ๆ ของระบบประสาทส่วนกลางได้อย่างเฉียบพลัน ส่งผลให้ตาบอดถาวร แม้แต่ระบบการแพทย์สมัยใหม่ที่พัฒนาไปไกล ก็ไม่อาจกอบกู้สายตาของผู้ป่วยที่ดื่มเหล้าเถื่อน ให้กลับมาดีดังเดิมได้

ในกรณีปกติเมื่อดื่มเหล้าที่ผลิตตามมาตรฐาน ร่างกายจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์เป็นสารที่ชื่อว่า อะเซทัลดีไฮด์(acetaldehyde)ซึ่งเป็นสารที่ทำลายเซลล์ตับโดยตรง 

ช่วงแรกๆเซลล์ตับจะพยายามซ่อมแซมตัวเองโดยการสร้างเนื้อเยื่อแผลเป็นแทนเนื้อเยื่อตับที่เสียหาย หากยังคงดื่มต่อเนื่องเมื่อวันเวลาผ่านไป เซลล์ตับที่งอกใหม่เริ่มทำได้น้อยลงเพราะเต็มไปด้วยพังผืด กระบวนการนี้จะนําไปสู่ปริมาณเนื้อเยื่อแผลเป็นที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนขัดขวางการไหลเวียนของเลือดผ่านตับ ส่งผลให้ตับอักเสบและพัฒนาเป็นภาวะตับแข็งได้ เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลานาน

โรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ มักเกิดขึ้นในผู้ที่ดื่มหนักหน่วงติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี แต่ความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มกับโรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์นั้นไม่ชัดเจน ผู้ที่ดื่มหนักไม่ได้เป็นโรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์ทุกคน และบางคนที่ดื่มน้อยกว่าก็เป็นโรคนี้เช่นกัน

คนส่วนใหญ่ที่มีอาการนี้ มักดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อยวันละ 7 แก้ว เป็นเวลา 20 ปีหรือมากกว่านั้น(หมายถึงไวน์ 7 แก้ว,เบียร์, 7 แก้ว หรือสุรา 7 ช็อต)




หมายเหตุ

1.เอทิลแอลกอฮอล์(เอทานอล)ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ ใช้เป็นส่วนผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ ยา และน้ำยาทำความสะอาด 

2.เมทิลแอลกอฮอล์(เมทานอล)ใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ เช่น สีทาไม้ น้ำมันเคลือบเงาและยาลอกสี 
ส่วนผสมในทินเนอร์และเป็นวัตถุดิบในการผลิตสารเคมีอื่น ๆ เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ พลาสติก ไบโอดีเซล มีฤทธิ์เป็นอันตรายสุดร้ายแรง พิษจากเมทานอลอาจทำให้ตาบอดหรือเสียชีวิตได้

3.เอทิลแอลกอฮอล์ มีแหล่งกำเนิดจากธรรมชาติ คือการนำพืชประเภท เช่น มันสำปะหลัง, มันเทศ, ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ และพืชอีกชนิดที่ให้น้ำตาลได้อย่างอ้อย มาหมักให้แป้งเปลี่ยนเป็นน้ำตาล จากนั้นน้ำตาลจึงเปลี่ยนเป็นแอลกอฮฮล์ โดยใช้เอนไซม์หรือกรดบางชนิดช่วยย่อย เพื่อทำให้เป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 95% จนได้เอทิลแอลกอฮอล์

4.เมทิลแอลกอฮอล์ มีต้นกำเนิดจากกระบวนการกลั่นทางปิโตรเคมี ด้วยการสังเคราะห์ผ่านการเร่งปฏิกิริยาจากคาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์และไฮโดรเจน

5.การดื่มสุราอย่างหนัก เช่น ดื่ม 5 แก้วหรือมากกว่า ภายในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงสำหรับผู้ชาย และ 4 แก้วหรือมากกว่าสำหรับผู้หญิง อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคตับอักเสบจากแอลกอฮอล์










เรียบเรียงโดย แป้งปังปอนด์


ที่มา :

https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/alcoholic-hepatitis/symptoms-causes/syc-20351388

https://www.bbc.com/thai/articles/c4gzxv9804zo

เมทานอล: เหล้าเถื่อนทำให้ถึงตายได้อย่างไร แอลกอฮอล์ ...BBChttps://www.bbc.com › thai › articles

Methanol Poisoning - MedLink Neurology MedLink Neurologyhttps://www.medlink.com › articles › methanol-poisoning

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ผมจำได้ว่ามีแสงวาบ ๆ คล้ายแสงคาไลโดสโคปเข้าตา จนแสบตาจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย“

เมื่อคาลัม แมคโดนัลด์ ชายหนุ่มชาวอังกฤษวัย 23 ปี เดินทางมาถึงชายแดนเวียดนาม เขาอ่านเอกสารราชการที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาเห็นคือ ...

บทความยอดนิยม