24 ต.ค.2567 เป็นข่าวฮือฮาเมื่อเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) ร่วมกับ นิตยสารฉลาดซื้อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงผลการตรวจสารพิษในองุ่นไชน์มัสแคททั้งหมด 24 ตัวอย่าง ปรากฎว่า 23 ตัวอย่างจาก 24 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้างเกินที่กฎหมายกำหนด โดย 1 ตัวอย่างพบสารคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 และเป็นสารที่ถูกแบนในไทยแล้ว
เรามารู้จักคลอร์ไพริฟอส(Chlorpyrifos) กันดีกว่าคะ
คลอร์ไพริฟอส (Chlorpyrifos)เป็นสารประกอบประเภทออร์กาโนฟอสเฟต (Organophosphates) มีฤทธิ์กำจัดแมลงและหนอนต่างๆได้หลายชนิด เกษตรกรจึงใช้สารเคมีชนิดนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1965 (พ.ศ.2508) เพื่อเป็นยากำจัดศัตรูพืช
คลอร์ไพริฟอส จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของระบบประสาทในตัวแมลง(Inhibiting acetylcholinesterase) องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้คลอร์ไพริฟอสเป็นสารประกอบที่มีอันตราย การสัมผัสโดยตรงสามารถส่งผลกระทบต่อระบบประสาทของมนุษย์ และทำให้เกิดภาวะภูมิต้านทานตนเอง (Autoimmune disorders)
นอกจากนี้สารประกอบออร์กาโนฟอสเฟต ยังสร้างผลกระทบต่อกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เช่น ทำให้สูญเสียการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย ทำลายกระบวนการเจริญเติบโตของเซลล์ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายต่ำลง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต สตรีมีครรภ์ที่ได้รับสารประกอบชนิดนี้ จะส่งผลให้การพัฒนาระบบประสาทของทารกในครรภ์ผิดปกติได้
การศึกษาของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย พบว่าระดับ IQ และความจำในการทำงานที่ลดลงของเด็กอายุ 7 ขวบ มีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของการสัมผัสคลอร์ไพริฟอสก่อนคลอด
การศึกษาอีกกรณีหนึ่งในกลุ่มเดียวกัน พบว่า เด็กอายุ 3 ขวบที่มีการสัมผัสกับคลอร์ไพริฟอสก่อนคลอดมากกว่าปกติ มีแนวโน้มที่จะมีความล่าช้าของพัฒนาการในวัยเด็ก ปัญหาความสนใจ ปัญหาสมาธิสั้น และปัญหาความผิดปกติทางพัฒนาการทั่วไป
การศึกษาของ UC Davis พบว่า คุณแม่ที่อาศัยในรัศมี 1 ไมล์จากทุ่งนาที่ใช้คลอร์ไพริฟอสและยาฆ่าแมลงออร์กาโนฟอสเฟตชนิดอื่น มีโอกาสที่ลูกจะเป็นโรคออทิสติกสเปกตรัมสูงขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์
ความเชื่อมโยงระหว่างโรคออทิสติกและยาฆ่าแมลงอาจเป็นเพราะการสัมผัสยาฆ่าแมลงในระหว่างตั้งครรภ์ทำให้ความเสี่ยงต่อโรค
ออทิสติกเพิ่มขึ้น
การศึกษาล่าสุด พบความเชื่อมโยงระหว่างการสัมผัสกับคลอร์ไพริฟอสและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสมองในเด็กอายุ 7 ขวบ
จากข้อมูลความเป็นพิษหลายประการของคลอร์ไพริฟอส ทำให้ครอบครัวเกษตรกรในอเมริกา เลิกใช้คลอร์ไพริฟอสในฟาร์มของตนเองตั้งแต่ปี ค.ศ.2001 (พ.ศ.2544) เป็นต้นมา แต่เพิ่งมีการประกาศแบนในสหรัฐอเมริกา ปี 2021 ที่ผ่านมานี่เอง
การบริโภคคลอร์ไพริฟอสที่ตกค้างในพืชผักเป็นปริมาณมากๆ สามารถทำให้มนุษย์เสียชีวิตได้ อดีตที่ผ่านมาคลอร์ไพริฟอสเป็นยาฆ่าแมลงที่มีการจำหน่ายเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก โดยใช้ฉีดพ่นลงในแปลงเกษตร เช่น ฝ้าย ข้าวโพด อัลมอนด์ รวมถึงผลไม้จำพวกส้ม กล้วย และแอปเปิ้ล แต่ถูกต่อต้านและมีการยกเลิกการใช้ยาฆ่าแมลงชนิดนี้ในหลายประเทศเช่นกัน
ผลกระทบต่อระบบนิเวศมีดังนี้
1.ปนเปื้อนลงในแหล่งน้ำ อากาศ พื้นดิน จนทำให้เสียสมดุลของระบบนิเวศน์และการดำรงชีวิตของสัตว์ป่า รวมถึงแมลงที่มีประโยชน์อย่าง ผึ้ง ผีเสื้อที่ช่วยผสมพันธุ์พืชตามธรรมชาติได้ตายลงเป็นจำนวนมาก ตัวอ่อนของสัตว์น้ำ เช่น ลูกปลาไม่สามารถเจริญเป็นตัวเต็มวัยมักตายลงเสียก่อน หรือการปนเปื้อนในปลาใหญ่ที่พอจะทนพิษยาฆ่าแมลงได้อาจส่งผลกระทบมาถึงผู้บริโภคปลาด้วย
2.ไส้เดือนซึ่งเป็นสัตว์เกษตรกรที่ผิวดิน มีหน้าที่ทำให้ดินร่วนซุยและเกิดปุ๋ยตามธรรมชาติจะสูญหายไปจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากยาฆ่าแมลง สัตว์ป่าตามธรรมชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบนิเวศน์ภาคเกษตรกรรม เช่น นก อาจสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ
3.เกิดภาวะกลายพันธุ์ของแมลงที่เป็นศัตรูพืช แมลงเหล่านี้สามารถทนพิษของยา ฆ่าแมลงทำให้เราเรียนรู้ว่าการใช้ยาฆ่าแมลงไม่ใช้วิธียั่งยืน แต่กลับก่อให้เกิดผลเสียมากกว่า
4.มนุษย์ที่ได้รับยาฆ่าแมลงโดยตรงหรือโดยอ้อมหรือไม่รู้ตัวว่ากำลังได้รับยาฆ่าแมลงอยู่ จนทำให้เกิดโรคต่อร่างกายได้มากมายไม่ว่าจะเป็นโรคทางระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ กล้ามเนื้อ หัวใจและมะเร็ง
ผลกระทบของสารกําจัดศัตรูพืชต่อผักและผลไม้
ดีดีที (ไดคลอโรไดฟีนิลไตรคลอโรอีเทน) เป็นตัวอย่างของ POP( มลพิษอินทรีย์ถาวร คือเป็นสารกําจัดศัตรูพืชชนิดหนึ่งที่ทนต่อการย่อยสลาย ดังนั้นจึงยังคงอยู่ในสิ่งแวดล้อมเป็นเวลานาน)ที่มีพิษสูง ในปี ค.ศ 1900 มีการค้นพบว่า ดีดีทีเป็นยาฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงมีการใช้อย่างกว้างขวางโดยเกษตรกร ผลกระทบทางชีวภาพที่เป็นอันตรายของดีดีทีถูกค้นพบในอีกยี่สิบปีต่อมา ปัจจุบันถูกแบนในหลายประเทศเนื่องจากผลเสียต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง
ในปี ค.ศ. 1962 นักชีววิทยาชาวอเมริกันชื่อ ราเชล คาร์สัน
ได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ Silent Spring บรรยายถึงผลกระทบของดีดีทีต่อสิ่งแวดล้อม การก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ และทำให้สัตว์ป่าหลายชนิดโดยเฉพาะนก เช่น นกอินทรีหัวขาวจำนวนลดลงจนเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ทำให้เกิดการศึกษาวิจัยสืบเนื่องและรณรงค์ให้ยกเลิกการใช้ดีดีทีอย่างขนานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา จนมีการประกาศใช้กฎหมายห้ามใช้ดีดีทีในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 และเกิดอนุสัญญาสต็อกโฮล์ม ห้ามการใช้ดีดีทีทั่วโลกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001
สารบางชนิดที่พบในสารกําจัดวัชพืช(herbicide )ได้แก่
1.Glyphosate(ไกลโฟเสท)มีชื่อทางการค้าเรียกว่า Roundup(ราวด์อัพ),ทัชดาวน์, สปาร์ค, ไกลโฟเสทเป็นสารก่อกวนต่อมไร้ท่อ มักเชื่อมโยงกับมะเร็ง โรคตับ ปัญหาการเจริญพันธุ์ ข้อบกพร่องตั้งแต่แรกเกิด ปัญหารก และความเสียหายของดีเอ็นเอในตัวอ่อน
ซึ่งบริษัทผู้ผลิตเคลมว่าไม่ทำอันตรายในคน แต่พบว่าเป็นสารก่อมะเร็ง ในสหรัฐอเมริกาก็มีเคสฟ้องร้องกันอยู่ แล้วผู้ป่วยชนะคดีด้วย ในบ้านเราเพิ่งจะตื่นตัว รณรงค์ห้ามใช้สารนี้เช่นกันคะ
พวกผู้อพยพที่มารับจ้างทำเกษตรกรรมในสหรัฐอเมริกา มักจะขาดความรู้และความระมัดระวังเวลาที่ใช้พวกยากำจัดแมลงศัตรูพืช คือไม่ได้ใช้พวกอุปกรณ์ป้องกันต่างๆทำให้สัมผัสกับสารเคมีโดยตรง จึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ คนกลุ่มนี้เลยมีอายุเฉลี่ยประมาณไม่เกิน 50 ปี ก็ตายจากโลกใบนี้ไปเสียแล้ว
2.Atrazine เป็นสารก่อกวนต่อมไร้ท่ออีกตัวหนึ่ง ทราบกันดีว่าทําให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมดลูก ส่งผลให้น้ําหนักทารกในครรภ์ต่ํา ความพิการของแขนขา และภาวะแทรกซ้อนของหัวใจและทางเดินปัสสาวะ
3.คลอโรไพริฟิซิส เชื่อมโยงกับผลกระทบทางระบบประสาทและความผิดปกติของพัฒนาการในเด็ก ความผิดปกติของภูมิต้านตนเองและปัญหาระบบทางเดินหายใจในผู้ใหญ่
4.Heptachlor เป็นสารก่อมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับเนื้องอกในตับ ระบบทางเดินอาหารและอาการทางระบบประสาท เช่น หงุดหงิดและเวียนศีรษะ
เกษตรกรไทยเสี่ยงป่วยด้วยพิษยาฆ่าแมลง-กำจัดศัตรูพืช ในปี 2561 พบผู้ป่วยเกือบ 1 หมื่นคน
คุณหมอแผนกอายุรกรรมในโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งในภูมิภาค เคยบอกไว้ว่า เจอเคสผู้ป่วยที่รับจ้างฉีดยาฆ่าแมลง มักจะมาด้วยอาการมีแผลพุพองบริเวณหลังลามไปจนถึงแขนและมือ(ปกติจะสะพายถังยาฆ่าแมลงไว้บนหลังเหมือนเด็กนักเรียนสะพายเป้) หายใจติดขัด ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อเกร็งกระตุก การพยากรณ์โรคไม่ค่อยดี สุดท้ายมักเสียชีวิตในวัยไม่เกิน 40 ปีทุกราย
#สารเคมีกำจัดแมลง
#องุ่นไชมัสคัส(shine muscat)
#คลอร์ไพริฟอส(Chlorpyrifos)
#ไกลโฟเสท(Glyphosate)
#สารเคมีกำจัดวัชพืช
#สารเคมีตกค้างในองุ่น
#ยาฆ่าแมลงออร์กาโนฟอสเฟต
#ดีดีที (ไดคลอโรไดฟีนิลไตรคลอโรอีเทน)
#สารกําจัดศัตรูพืช
ที่มา
คลอร์ไพริฟอส Chlorpyrifos - หาหมอ.com - HaamorHaamorhttps://haamor.com › คลอร์ไพริฟอส
คลอร์ไพริฟอส | เครือข่ายการกำจัดศัตรูพืชและเกษตรนิเวศวิทยา ( ...Pesticide Action Network (PAN)https//www.panna. org .. resources › chlorpyrifos-facts
เกษตรกรไทย เสี่ยงป่วยด้วยพิษยาฆ่าแมลง-กำจัดศัตรูพืช ปี 61 พบ ...Hfocus.orghttps://www.hfocus.org › content › 2019/06
ดีดีทีWikipediahttps://th.wikipedia.org › wiki › ดีดีที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น