บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ความลับของครีมกันแดด

ประเทศไทย เป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแสงแดดที่แรงกล้า จนทำให้คนที่ตากแดดบ่อยๆ หน้าดำหมองคล้ำ สาเหตุสำคัญอันดับต้นๆของกระและฝ้า

โปรดทราบไว้ ครีมกันแดดแต่ละยี่ห้อ ถึงจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน ไม่สามารถป้องกันแสงแดดได้จริง 

มีรายงานจาก Environmental Working Group(EWG)ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่แสวงผลกำไร มีความเชี่ยวชาญในการวิจัยและการสนับสนุนเกี่ยวกับสารเคมีที่เป็นพิษและสุขภาพมนุษย์

ในปี2560 พบว่า เกือบ 75%ของครีมกันแดดไม่ได้ผล นั่นหมายถึงครีมกันแดดเหล่านี้ให้การปกป้องแสงแดดไม่เพียงพอหรือมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อผิว

แม้ว่าครีมกันแดดจะมีการปรับปรุงส่วนผสมในทศวรรษที่ผ่านมา แต่ยังมีสารเคมีที่เป็นอันตราย หรือไม่สามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเล็ตได้

ประมาณครึ่งหนึ่งของครีมกันแดดที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา จะไม่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายในยุโรปได้

ช่วงคลื่นรังสีที่สายตามองเห็น และช่วงคลื่นรังสีอินฟาเรดจะสามารถเข้าสู่ผิวหนังของมนุษย์ได้ แต่จะไม่ถูกดูดซับไว้ จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์

รังสีอัลตร้าไวโอเลตเอ(UVA)และบี(UVB) สามารถเข้าสู่ผิวหนัง และถูกดูดซับไว้ 

โดยรังสี UVA จะเข้าสู่ผิวหนังลึกสุด และดูดซับมากกว่ารังสี UVB

รังสี UVB มีค่าพลังงานมากกว่ารังสี UVA สามารถทำลายดีเอ็นเอ (DNA) และทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ 

รังสี UVA ถึงแม้จะมีระดับพลังงานที่ต่ำกว่า แต่ยังสามารถแทรกสู่ผิวได้ลึกกว่า

หากสัมผัสรังสีอัลตร้าไวโอเลตเป็นเวลานานและต่อเนื่อง จะทำให้เซลล์ผิวหนังอ่อนแอ เสื่อมโทรม แลดูเหี่ยวย่น จนถึงระดับรุนแรงที่อาจเกิดเซลล์มะเร็งขึ้นได้

ผลการค้นพบที่สำคัญในรายงานการป้องกันแสงแดดของ EWG

1.ประมาณครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์กันแดดที่ขายในสหรัฐอเมริกา จะไม่ผ่านมาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้นในยุโรปเพราะไม่ได้กรองรังสี UVA มากพอ

2.เกือบ 75 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ได้รับการตรวจสอบโดย EWG ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ที่จะป้องกันรังสี UV หรือมีส่วนผสมที่เป็นอันตราย ได้แก่ Oxybenzone และ retinyl palmitate 

Oxybenzone มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในครีมกันแดดที่ใช้สารเคมีจากอเมริกา 

มีการทดสอบในห้องปฏิบัติการ แสดงให้เห็นว่าอัตราการซึมผ่านผิวหนังอยู่ที่ 1-9%

 Oxybenzone ยังทำหน้าที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ผิวหนังในมนุษย์จำนวนมาก เช่นเดียวกับ methylisothiazolinone

3.สหรัฐอเมริกายังไม่ได้อนุมัติส่วนผสมครีมกันแดดที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยป้องกันแสงอัลตร้าไวโอเล็ตวงกว้างได้ดียิ่งขึ้น 

ด้วยเหตุนี้การป้องกันรังสี UVA มักไม่มีผลิตภัณฑ์กันแดด SPF 70+ ที่เคยมีอยู่ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว

 ปัจจุบัน SPF จึงถูกจำกัด ไว้ที่ 50 เท่านั้น

 มิน่าล่ะ! เมื่อก่อนแป้งเคยเห็นครีมกันแดดหลายยี่ห้อ เขียนไว้ว่า สามารถปกป้องแสงแดดได้มากถึง 100(spf100) มีที่มาอย่างนี้นี่เอง

ปัจจุบันยังไม่มีครีมกันแดดที่สมบูรณ์แบบ 
จึงไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะป้องกันแสงแดดเต็มที่ และไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะมีอายุการใช้งานได้นานมากกว่า 2 ชั่วโมง

ขนาดครีมกันแดดที่ผลิตในอเมริกา ยังไม่ผ่านมาตรฐานยุโรป แล้วครีมกันแดดที่ผลิตในเมืองไทย จะรอดเหรอค่ะ

ดังนั้นอย่าให้ใครมาหลอกเราได้ว่า ใช้ครีมกันแดดยี่ห้อ บลาๆๆ จะปกป้องแสงแดดได้ 8-12 ชม. ไม่มีในโลกหรอกค่ะ นอกเสียจากทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงนะคะ




















ที่มา







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เรื่องเล่าจากผลข้างเคียงของยา

หนึ่งในเหตุผลที่แป้งจะไม่ใช้ยารักษาโรคที่ไม่ซับซ้อนเป็นตัวเลือกแรกเพราะเคยพบเจอกับผลข้างเคียงหลายอย่าง  ดังนั้นวิตามินจึงเป็นตัวเลือกอันดับห...

บทความยอดนิยม