ในสภาวะปัจจุบัน
ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในอดีตเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
เกิดมลพิษมากมายจากโลกอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโตอย่างขีดสุด
แม้กระทั่งลมหายใจเข้าออกยังถือว่า
เป็นอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากการสันดาปภายในเซลล์
นับประสาอะไรกับกระแสการบริโภคที่เปลี่ยนไป
อาหารทุกประเภทที่เรารับประทานลงไปแต่ละมื้อ จะส่งต่อสุขภาพเราโดยไม่รู้ตัว
กลายเป็นเกิดการอักเสบอย่างช้าๆ
หลายคนอาจมองข้ามอวัยวะต่างๆภายในร่างกายที่เรามองไม่เห็น แท้จริงแล้ว
อาหารมีส่วนอย่างมากที่บ่งบอกว่า ความแข็งแรงกับความอ่อนแอ ( เจ็บป่วย )
อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม
การดีท๊อกซ์หรือการล้างพิษจะช่วยลดโอกาสเกิดความเจ็บป่วยหรืออาการผิดปกติบางอย่างในร่างกายให้ดีขึ้น เนื่องจากการดีท๊อกซ์มีประโยชน์กับระบบอวัยวะภายในเกือบทุกส่วน เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบทางเดินหายใจ ระบบการย่อยอาหาร ระบบกล้ามเนื้อ ฯลฯ
การดีท๊อกซ์ส่งผลให้ร่างกายกลับไปสู่สภาวะสมดุลและสามารถกำจัดของเสียหรือสารพิษภายในร่างกายได้อย่างดีขึ้น
การล้างพิษมีหลากหลายวิธี
สารพัดรูปแบบ แต่แป้งจะโฟกัสเฉพาะการล้างพิษด้วยวิตามิน
เพราะมีคำถามจากผู้อ่านว่า
การที่ร่างกายจะดูดซึมวิตามินได้ดีขึ้น ควรมีการล้างพิษก่อนกินวิตามินหรือไม่
ร่างกายมนุษย์ในภาวะปกติ
ไม่มีโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่องนานๆ
เปรียบได้กับโรงงานที่มีเครื่องจักรฟันเฟืองทำงานสมบูรณ์แบบ
ไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อเริ่มมีอาหารผ่านเข้าสู่กระเพาะอาหาร
น้ำย่อยจะถูกปล่อยออกมาย่อยอาหารก่อนการดูดซึม ส่วนกากอาหารจะถูกลำเลียงยังลำไส้ใหญ่เพื่อรอวันขับออก
รวมกับของเสียอื่นๆจากร่างกาย ผ่านตับและไตไปยังลำไส้
ซึ่งมีเชื้อจุลินทรีย์เจ้าถิ่นที่อาศัยอยู่
เพื่อคอยปราบเชื้อจุลินทรีย์ที่แปลกปลอมจากภายนอกจู่โจมเข้าไป
ส่วนตับจะคอยจับสารพิษที่หลุดรอดเข้ามา
โดยไปรวมกับเอนไซม์จากตับ จากนั้นจะถูกกรองทิ้งที่ไต กระบวนการเช่นนี้หมุนเวียนทุกเมื่อเชื่อวัน จนกว่าเราจะสิ้นอายุขัย
ถือได้ว่า สามารถกำจัดและล้างพิษจากร่างกายได้อย่างเป็นระบบ
หากเราเลือกรับประทานอาหารที่มาจากธรรมชาติ
อุดมไปด้วยพืชผักและผลไม้สด
ธัญพืชไม่ขัดสี พืชสมุนไพร เห็ดต่างๆ รวมถึงอาหารไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งโดยไม่รู้ว่าหน้าตาเก่าเป็นอย่างไร เช่น ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ แหนม ฯลฯ โดยเฉพาะผัก
เห็ด ผลไม้สดมีกากใยอาหารสูง เปรียบได้กับไม้กวาดปัดเป่าทำความสะอาดลำไส้โดยตรง ถือได้ว่า
เป็นการล้างพิษอีกอย่างหนึ่ง
ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานวิตามินเพื่อล้างพิษแต่อย่างใด
ตัวแป้งเอง ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพตั้งแต่อายุ 30 ปี พอเริ่มกินวิตามินคุณภาพสูงที่ผลิตในอเมริกา
ก็เห็นผลอย่างชัดเจน ผม ผิว เล็บ ความแข็งแรงของร่างกาย โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันสูงขึ้นกว่าในอดีต 300%
โดยที่ไม่ได้กินวิตามินล้างพิษเพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้ดียิ่งขึ้นแม้แต่เม็ดเดียว เรียกได้ว่า
ชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลก็ว่าได้
ส่วนผู้ที่ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง ชอบอาหารทอดๆ
มันๆ ปิ้ง ย่าง อาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง ( อาหารกลุ่มนี้มักทำให้เกิดการอักเสบระดับเซลล์
) นิยมฝากท้องไว้กับอาหารแช่แข็งอายุยืนตามร้านสะดวกซื้อ ขาดการออกกำลังกาย
พักผ่อนไม่เพียงพอ สะสมความเครียดเป็นนิจ การกินวิตามินเพื่อล้างพิษเป็นสิ่งจำเป็น
เพราะร่างกายได้สะสมสารพิษเป็นเวลาเนิ่นนาน กระบวนการล้างพิษตามธรรมชาติ ไม่สามารถขจัดของเสียต่างๆหรือเรียกว่า
"อนุมูลอิสระ "ออกไปได้หมดอย่างสิ้นเชิง เหล่านี้ส่งผลให้คนเราสู่วัยชรามาพร้อมกับโรคภัยเร็วขึ้น
การสร้างสมดุลให้ร่างกายเบื้องต้น ไม่มีอะไรยากมากมาย
เพียงแต่ต้องอาศัยความตั้งใจจริงและเปลี่ยนความคิดเพียงนิดเดียว อาหารเพื่อสุขภาพมักมีรสชาติไม่ค่อยอร่อย
อาหารอร่อยกลับอุดมไปด้วยผงปรุงรสที่มีส่วนประกอบหลักคือ ผงชูรส นั่นเอง หากเราไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเสียตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้าโรคภัยจะค่อยๆคืบคลานมาหาจู่โจมเราโดยไม่รู้ตัว
สารพิษต่างๆ เหล่านี้ ปกติร่างกายดำเนินการกำจัดหรือถ่ายเทมันออกตามธรรมชาติอยู่แล้วโดยอวัยวะที่ทำหน้าที่กำจัดของเสียเหล่านี้คือตับ ท่อน้ำดี
ไต ผิวหนัง ปอด ในรูปของอุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อไคล และลมหายใจ
แต่เมื่อใดก็ตามที่อวัยวะเหล่านี้ไม่สามารถขับสารพิษออกไปได้เร็วพอๆ กับที่ถูกสร้างขึ้น
ก็จะเกิดการสะสมของสารพิษในร่างกายซึ่งหากสะสมไว้จนถึงระดับหนึ่ง ก็จะมีผลให้ร่างกายเกิดอาการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นได้
โดยปกติร่างกายสามารถกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่มันจะทำอันตรายต่อเซลล์ แต่ถ้ามีการสร้างอนุมูลอิสระอย่างรวดเร็วหรือมากเกินกว่าร่างกายจะกำจัดทัน อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว
แม้ว่าสารต้านอนุมูลอิสระไม่อาจแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว แต่จะชะลอความเสียหายให้ช้าลงได้
โดยเฉพาะโรคเรื้อรังซึ่งเป็นผลจากสะสมที่เกิดจากเซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกายเสียหายเป็นปีๆ (โดยมากเป็นเวลาหลายสิบปี) เริ่มจากวัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ดังนั้นจึงควรได้รับสารต้านอนุมูลอิสระให้พอเพียงต่อความต้องการในแต่ละวัน เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระ และอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกาย
การบริโภค ผัก เห็ด ผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีและพืชสมุนไพรต่างๆ
ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังได้เป็นอย่างดี
มีหลายคนคิดว่า กินวิตามินเยอะๆจะทำให้ตับไตเสื่อมเร็วขึ้น
วิตามินไม่ใช่ยารักษาโรคที่ประกอบด้วยสารเคมีนะคะ ความจริงแล้ว
มีงานวิจัยมากมายบ่งชี้ว่า
สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ
โดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ( อัลไซเมอร์ ) ฯลฯ
อีกทั้งช่วยชะลอกระบวนการที่ทำให้เกิดความชราภาพได้
การป้องกันไว้ล่วงหน้า
ก่อนเกิดความเสียหายต่อสุขภาพโดยรวม ดีกว่าปล่อยให้เกิดความเสียหายจนถึงระดับเซลล์
จนไม่อาจแก้ไขได้
หากไม่อยากใช้เงินที่หามาอย่างยากลำบากเพื่อรักษาตัวจากโรคที่เกิดจากความเสื่อมแห่งวัย
ควรทำใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ลดละความตึงเครียดลง ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกโดยเฉพาะเพศหญิง
(เมื่อใดที่ถึงวัยหมดประจำเดือน การสลายตัวของกระดูกจะเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว )
มองโลกในแง่ดีเพราะร่างกายทุกส่วนมีความสัมพันธ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
ถ้าทำเช่นนี้ได้ วันข้างหน้า แก่ไปไม่เป็นภาระใครค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น