มีใครเคยตรวจพบปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงจากสัญญาณเตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย ปกติแล้วเรามักจะมองข้ามไปบ้างรึเปล่าค่ะ ร่างกายของเราเป็นระบบที่มีความซับซ้อนมาก ซึ่งทุกอย่างล้วนมีความเชื่อมโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นเมื่อมีบางอย่างที่เริ่มผิดปกติ เราสามารถรับรู้ได้ถึงสัญญาณเหล่านี้
1.วิธีทดสอบว่าเส้นผมมีรูพรุนน้อยหรือมาก คือการแช่เส้นผมที่สระและเช็ดให้แห้งแล้วลงในแก้วน้ำ หากปอยผมจมลงสู่ก้นแก้ว แสดงว่ามีความพรุนสูงมาก หมายความว่าเส้นผมจะสามารถดูดซับทุกผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ได้อย่างรวดเร็วและแห้งได้ในเวลาไม่นาน แต่อย่างไรก็ตาม เส้นผมนั้นมักจะมีความแห้งกรอบและมีแนวโน้มที่จะชี้ฟู
ดังนั้นในการดูแลเส้นผมที่มีความพรุนมาก ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมมีเนื้อสัมผัสที่มีน้ำหนัก เช่น น้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติอย่าง อาร์แกนออยล์ โจโจ้บาออยล์ อัลมอนด์ออยล์ ฯลฯ นอกจากนั้นสามารถเพิ่มการบำรุงอย่างล้ำลึก เช่น หมักผมหรือสปาผมได้
2. เส้นรอยพับตามแนวขวางที่คอ สตรีวัยหมดประจำเดือนจะผลิตเอสโตรเจนได้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการเพื่อรักษาความแข็งแรงของกระดูก ริ้วรอยลึกที่คอเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า กระดูกเริ่มเปราะบางและมีความหนาแน่นน้อยลง
นั่นหมายความว่า อันตรายจากการแตกหักของกระดูกจะสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมและวิตามินดีจึงเป็นความคิดที่ดีในการหลีกเลี่ยงโรคกระดูกพรุน หากไม่ชอบรับประทานอาหารเสริม สามารถรับทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและดูดซึมได้ดีจากธรรมชาติ เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส โยเกิร์ต
ปลาที่กินพร้อมกระดูกได้ เช่น ปลาซาร์ดีน ผักใบเขียว เช่น คะน้าบล็อคโคลี่ ใบชะพลู ผักกระเฉด ถั่วขาว ข้าวโอ๊ต น้ำส้ม งาดำ กุ้งแห้งกะปิ
ริ้วรอยเหล่านี้อาจบอกด้วยว่า ควรตรวจสอบการทำงานของต่อมไทรอยด์ หากมีอาการแย่ลงเรื่อย ๆ และไม่ได้รับการรักษา สัญญาณนี้อาจเริ่มปรากฏให้เห็นที่คอรวมถึงบริเวณอื่น ๆ นอกจากริ้วรอยแล้ว ควรสังเกตผิวที่ลอกเป็นขุยด้วย
3. แผลร้อนในที่ปากและลิ้น สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการเกิดอาการร้อนใน ได้แก่ การสูบบุหรี่ อาการแพ้ การกัดลิ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ(เวลาเคี้ยวอาหาร) และการอักเสบ
หากแผลร้อนในไม่ได้เกิดจากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น อาจหมายถึงการขาดวิตามินบี12 ธาตุเหล็ก หรือโฟเลต ซึ่งความผิดปกตินี้ไม่ได้พัฒนาแค่ในชั่วข้ามคืน แต่จะค่อย ๆ ก่อตัวพัฒนาไปเรื่อยๆเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
สัญญาณเตือนอื่น ๆ อาจมีอาการเหนื่อยล้า เวียนศีรษะ หัวใจเต้นผิดปกติ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง หากเราประสบกับปัญหาเหล่านี้ จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหารครั้งใหญ่และควรเริ่มรับประทานอาหารเสริมที่จำเป็น
4.เล็บและผิวหนังกำพร้ารอบ ๆ แห้งลอก และการเกิดดอกสีขาวบนเล็บ
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการลอกของเล็บและผิวหนังกำพร้ารอบ ๆ คือการขาดธาตุเหล็กและการขาดน้ำ หากไม่รักษาภาวะขาดธาตุเหล็กอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะโรคโลหิตจาง
ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เล็บมีสุขภาพที่ไม่ดี อาจเกิดได้จากภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ โรคปอด หรือแม้แต่โรคไต
วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาเล็บที่สามารถทำเองได้คือ การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กและทาครีมบำรุงมือเพื่อทำให้เล็บมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
หากเริ่มสังเกตเห็นดอกสีขาวบนเล็บ อาจมีสาเหตุที่เป็นไปได้อยู่ 4 ประการ ได้แก่ อาการแพ้ การติดเชื้อรา อาการบาดเจ็บ หรือการขาดแร่ธาตุ ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสาเหตุสุดท้าย แร่ธาตุที่ขาดที่พบบ่อยที่สุดคือ สังกะสีและแคลเซียม และการตรวจเลือดเป็นสิ่งแรกที่ควรต้องทำ
เมื่อก่อนแป้งมีดอกเล็บขึ้นทีละ 1-2 นิ้ว พอสังเกตเห็นแบบนี้ จะรีบหาซื้ออาหารทะเลมากินอย่างไว(อาหารทะเลจะมีแร่ธาตุสังกะสีสูงมาก) ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ดอกเล็บหายไปเลย ปัจจุบันไม่มีแล้วเพราะกินอาหารทะเลบ่อยค่ะ
5.ส้นเท้าแตก อาจเกิดได้จากผิวหนังที่แห้ง อากาศหนาว หรือการยืนนาน ๆ หลายชั่วโมงทุกวัน แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น โรคกลาก โรคไทรอยด์ทำงานผิดปกติ และโรคเบาหวาน
เราสามารถดูแลรักษาส้นเท้าได้ ด้วยการแช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู เป็นเวลา 20 นาทีแล้วขัดด้วยหินขัดเท้า(วิธีนี้นอกจากส้นเท้าจะนุ่มลงแล้วยังช่วยลดกลิ่นอับจากการสวมรองเท้าได้อีกด้วย) จากนั้นจึงทามอยส์เจอไรเซอร์แบบเข้มข้นที่มีส่วนผสมของกรดแลคติก โจโจ้บาออยล์ หรือเชียบัตเตอร์
หากดูแลรักษาด้วยตัวเองแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้นเลย มีวิธีการรักษาหลายอย่างที่หมอผิวหนังสามารถสั่งจ่ายเวชภัณฑ์ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูง และสิ่งที่เราทำได้ในแต่ละวันคือ หมั่นตรวจดูส้นเท้า รักษาความสะอาด และสวมรองเท้าที่รองรับแรกกระแทก
6.โรคโรซาเซียเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการเกิดรอยแดงในบริเวณเหล่านี้ ในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว มีคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ประมาณ 14 ล้านคน
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีและคนผิวขาวมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคนี้มากกว่า เนื่องจากโรคโรซาเซียไม่ค่อยมีผลกระทบต่อเด็ก
ส่วนอาการทั่วไปของโรคที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ อาการหน้าแดง การเกิดรอยแดงอย่างต่อเนื่อง ผื่นและสิว และหลอดเลือดที่มองเห็นได้ชัด สำหรับอาการอื่น ๆ ที่พบได้น้อย ได้แก่ การระคายเคืองตา ผิวหนังมีความหนาและบวมขึ้น
โดยปกติแล้ววิธีรักษาโรซาเซียคือ การใช้ยาเฉพาะที่และการใช้ยารับประทานที่แพทย์สั่งจ่าย แพทย์อาจใช้การรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อกำจัดหลอดเลือดที่มองเห็นออก
7.หากมีอาการตาบวมโดยไม่ได้มีการติดเชื้อและไม่ได้มีอาการแพ้ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แสดงว่าเกิดจากสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ การบริโภคเกลือในปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้มีของเหลวสะสมอยู่ในร่างกายและใบหน้า รวมถึงบริเวณใต้ตาด้วย
ควรต้องลดปริมาณเกลือที่บริโภคและอาจเพิ่มปริมาณโพแทสเซียม ส่วนสาเหตุอื่น ๆ อาจเป็นไปได้คือโรคคอพอกตาโปน ท่อน้ำตาอุดตัน การสูบบุหรี่ และการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ เมื่อเราทราบถึงสาเหตุของปัญหาแล้ว สามารถแก้ไขได้โดยการประคบเย็น การใช้ถุงชา และการนวดหน้า หากอาการบวมดังกล่าวยังไม่ดีขึ้น ควรต้องไปพบแพทย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น