ข้อมูลวิชาการเรื่อง “การใช้กรดทรานเอกซามิก (tranexamic acid) ในการรักษาฝ้า”
กรดทรานเอกซามิก มีฤทธิ์ในการห้ามเลือด
ในประเทศไทยขึ้นทะเบียนเป็นยารักษาผู้ป่วยโรคเลือดไหลหยุดยากหรือเลือดออกมากผิดปกติ
ต่อมาแพทย์ชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ค้นพบว่า การรับประทานยากรดทรานเอกซามิกในขนาดยาที่ต่ำ (500-1,000 มิลลิกรัม/วัน) สามารถทำให้ฝ้าจางหายได้ชั่วคราว
ในปัจจุบันมีการใช้กรดทรานเอกซามิกแบบนอกข้อบ่งใช้ (off-label) ในการรักษาฝ้าอย่างแพร่หลาย จากการสืบค้นข้อมูลทางการแพทย์พบว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 มีงานวิจัยทางการแพทย์ไม่ต่ำกว่า 20 งานวิจัยที่รายงานถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้กรดทรานเอกซามิกชนิดรับประทานในการรักษาฝ้า
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 วารสารของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตีพิมพ์งานวิจัย 4 เรื่องเกี่ยวกับการใช้กรดทรานเอกซามิกในการรักษาฝ้า และ 1 ใน 4 งานวิจัยดังกล่าวทางบรรณาธิการของวารสารในหัวเรื่องว่า “การใช้กรดทรานเอกซามิกชนิดรับประทานเพื่อใช้ในการรักษาฝ้า: จุดเปลี่ยนของแนวทางการรักษาฝ้า (JAAD Game Changers: Oral tranexamic acid (TA) in the treatment of melasma: A retrospective analysis)”
ในปัจจุบันยังไม่ทราบกลไกที่แน่ชัดของกรดทรานเอกซามิกในการรักษาฝ้า
แต่ข้อมูลจากงานวิจัยหลายฉบับสันนิษฐานว่ากรดทรานเอกซามิก
ออกฤทธิ์ในการรักษาฝ้า โดยการยับยั้งขนวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน
รายงานทางการแพทย์โดยการศึกษาแบบ Meta-analysis (การวิเคราะห์อภิมาน) และการศึกษาแบบงานปริทัศน์แบบทั้งระบบ (Systematic review) จำนวน 2 ฉบับซึ่งตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2560 และ 2561
สรุปผลว่า สำหรับในผู้ป่วยซึ่งไม่มีข้อห้ามใช้กรดทรานเอกซามิก การใช้กรดทรานเอกซามิกชนิดรับประทานในขนาดยาต่ำ (500-1,000 มิลลิกรัม/วัน) เป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันประมาณ 3 เดือน สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้และมีความปลอดภัยสูง
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น การมีประจำเดือนน้อยลง
การปวดมวนท้องหรือการเกิดผื่นแพ้ การรับประทานกรดทรานเอกซามิกในขนาดยาดังกล่าว ไม่มีการรายงานว่ามีผู้ป่วยที่เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันในสมอง ปอด หัวใจ หรืออวัยวะอื่นๆ
ผู้ป่วยที่ไม่ควรรับประทานกรดทรานเอกซามิกได้แก่
- ผู้ป่วยที่ภาวะเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันของหลอดเลือด เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ป่วยที่เป็นโรคเส้นเลือดขอดหรือมีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน (Deep vein thrombosis)
- สตรีมีครรภ์
- สตรีให้นมบุตร
- ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้กรดทรานเอกซามิก
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาฝ้าให้หายขาดได้
การรับประทานกรดทรานเอกซามิกสามารถทำให้ฝ้าจางลงชั่วคราวเท่านั้น
ผู้ป่วยยังต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้การเกิดฝ้า เช่น แสงแดด และการใช้ยาบางชนิดที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า เช่น ยาคุมกำเนิด
เพื่อความปลอดภัย ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยซื้อกรดทรานเอกซามิก
มารับประทานเอง การรักษาควรอยู่ในการควบคุมและดุลยพินิจของแพทย์เป็นสำคัญ
ที่มา
เพจ Prof Dr Worapong
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น