บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2567

สุขภาพดีเริ่มต้นที่ลำไส้

การค้นพบโพรไบโอติกเกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อ Elie Metchnikoff หรือที่รู้จักกันในนาม "บิดาแห่งโพรไบโอติก" ได้สังเกตว่า ชาวชนบทในประเทศบัลแกเรียมีสุขภาพแข็งแรงแม้อยู่ในวัยชรามาก ท่ามกลางความยากจนและสภาพอากาศอันเลวร้าย เขาตั้งทฤษฎีว่าสุขภาพจะดีขึ้นและมีความชราช้าลง โดยการจัดการจุลินทรีย์ในลำไส้ด้วยแบคทีเรียที่เป็นมิตรกับโฮสต์ที่พบในนมเปรี้ยว ตั้งแต่นั้นมาการวิจัยยังคงสนับสนุนการค้นพบของเขาพร้อมกับประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้น

โพรไบโอติกมักถูกเรียกว่า "แบคทีเรียดี" เพราะช่วยให้ลำไส้แข็งแรง หากพูดถึงเรื่องแบคทีเรีย หลายๆคนอาจจะคิดถึงเชื้อโรคร้ายที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ แต่จริงๆ แล้วแบคทีเรียนั้นมีหลายประเภททั้งแบคทีเรียที่ก่อโรค และแบคทีเรียดีที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งเรียกว่า Probiotic

Probiotic คือกลุ่มแบคทีเรียหรือยีสต์ที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร และระบบอื่นๆ ของร่างกาย เมื่อมีอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบทางเดินอาหารและระบบอื่นๆ ของร่างกาย เนื่องจากจุลินทรีย์ที่เป็นมิตรเหล่านี้มีส่วนช่วยในการดูดซึมสารอาหาร การป้องกันโรค และรักษาภาวะที่ผิดปกติของร่างกาย

โพรไบโอติกเป็นแบคทีเรียและยีสต์ที่มีชีวิตซึ่งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพเมื่อบริโภคในปริมาณมาก

โปรไบโอติกที่พบบ่อยที่สุดสองชนิดในท้องตลาด ได้แก่ แบคทีเรียชนิดดีที่เรียกว่า แลคโตบาซิลลัสและบิฟิโดแบคทีเรียม

ข้อควรทราบเกี่ยวกับโปรไบโอติก(Probiotic)

1.โปรไบโอติกสามารถทําให้เกิดปัญหาหัวใจได้หรือไม่
อายุรแพทย์โรคหัวใจ มักจํากัดเฉพาะผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเท่านั้น ซึ่งร่างกายอ่อนแอมีผลต่อการติดเชื้อ

2.สามารถรับประทานวิตามินร่วมกับโปรไบโอติกได้หรือไม่
วิตามินแต่ละตัวทำงานในรูปแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงไม่มีปฏิกิริยาระหว่างวิตามินและโปรไบโอติก หมายความว่า
การเพิ่มโปรไบโอติกพร้อมวิตามินของโดยทั่วไป ไม่มีปัญหาเลย! ไม่ว่าเราจะรับประทานวิตามินซี วิตามินดี วิตามินบี หรือแม้แต่แร่ธาตุ เช่น แมกนีเซียม สังกะสี หรือธาตุเหล็ก โปรไบโอติกจะไม่รบกวนเช่นกัน

3.ยาบางชนิดที่อาจทําปฏิกิริยากับโปรไบโอติกบางชนิด ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อรา (เช่น clotrimazole, ketoconazole, griseofulvin, nystatin)

4.ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอมาก เช่น ผู้ที่ได้รับเคมีบําบัด ไม่ควรทานโปรไบโอติกเนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อ นักโภชนาการสามารถช่วยระบุโปรไบโอติกที่มีสายพันธุ์แบคทีเรียตามเงื่อนไขต่างๆ

จุลินทรีย์ที่ดีมีหลายสายพันธุ์
ซึ่งแต่ละสายพันธุ์นั้น นอกจากช่วยเรื่องฟื้นฟูสุขภาพทั่วไปและสุขภาพทางเดินอาหารเหมือนกันแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่เฉพาะตัวเช่น

1.บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กติส (Bifidobacterium lactis)ช่วยรักษาอาการผิวหนังเป็นผื่นคันจากภูมิแพ้
2.แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ (Lacticaseibacillus casei )ช่วยเรื่องท้องร่วงจากการใช้ยาปฎิชีวนะ ติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอด ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ภูมิแพ้ต่างๆ และโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของตัวเอง
3.แลคโตบาซิลลัส แพลนทารัม (Lactobacillus plantarum )ช่วยเรื่องโรคสำไส้อักเสบ โรคลำไส้แปรปรวน และท้องร่วงในระหว่างการเดินทาง
4.แลคโตบาซิลลัส รามโนซัส (Lacticaseibacillus rhamnosus )ช่วยเรื่องท้องร่วงจากยาปฎิชีวินะ ท้องร่วงจากการติดเชื้อคลอสตริเดียมดิฟฟิไซล์

5.เมื่อใช้โปรไบโอติกครั้งแรก บางคนมีอาการท้องอืด ท้องอืด หรือท้องเสีย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลําไส้อาจส่งผลให้แบคทีเรียผลิตก๊าซมากกว่าปกติ อาจนําไปสู่อาการท้องอืดได้ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะหายไปภายใน2-3 วัน
หรือหลายสัปดาห์ หลังจากรับประทานโปรไบโอติก

6.น้ําตาลและสารให้ความหวานเทียมไม่ดีต่อลําไส้ เนื่องจากอาจทําให้ลําไส้อิ่มตัวด้วยแบคทีเรีย 'ไม่ดี' มากขึ้น อาหารแปรรูปอาจทําให้เกิดความไม่สมดุลของแบคทีเรียและทําให้กระเพาะอาหารเกิดการทําลายแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น

7.งานวิจัยบางฉบับพบว่า มีการเชื่อมโยงโปรไบโอติกกับการติดเชื้อร้ายแรงและผลข้างเคียงอื่นๆ ซึ่งคนที่มีแนวโน้มที่จะมีปัญหามากที่สุดคือ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ผู้ที่ได้รับการผ่าตัด และผู้ป่วยหนัก อย่าใช้โปรไบโอติกหากมีปัญหาเหล่านั้น
















ที่มา :

When Probiotics Are Bad For You - Heart to Heart Medical ...hearttoheartmedicalcenter.com › Blog
5 Possible Side Effects of Probiotics - Healthlinewww.healthline.com › nutrition › probioti...

Probiotics, Prebiotics & Synbiotics: Benefits, Definition, Side ...www.medicinenet.com › probiotics › article

Could You Benefit From a Probiotic Supplement? | Everyday ...www.everydayhealth.com › digestive-health

14 สัญญาณเตือนว่าอาจมีปัญหาสมดุลจุลินทรีย์ ในระบบทางเดินอาหาร

• มีอาการระบบทางเดินอาหารผิดปกติ หรือลำไส้แปรปรวน เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียและท้องผูก • มีปัญหาไมเกรนหรือนอนไม่หลับ ...

บทความยอดนิยม