มือของแป้งในวัย 51 ปีที่ใช้ทำอาหาร งานบ้าน ล้างจาน(เพิ่งจะมีเครื่องล้างจานได้6 เดือนเศษ)ซักผ้าด้วยมือ 40%(เคยเห็นเสื้อผ้าของรุ่นน้องที่ใช้เครื่องซักผ้า+อบผ้า 100% เสื้อผ้าจะดูโทรมและเก่าเร็วมาก)ถึงแม้ว่ามือจะแห้งจนเกิดจมูกเล็บเพราะการล้างมือจากงานครัวบ่อยเกินไป แต่ฝ่ามือและเล็บรวมไปถึงฝ่าเท้าของแป้งมีสีชมพูนะคะ
แป้งเคยสังเกตเห็นนิ้วมือของน้องๆอายุ 40 กว่าปีหลายคน ซึ่งไม่ได้สนใจกินวิตามิน โฟกัสเพียงแค่อาหารสุขภาพ พบว่า บริเวณฝ่ามือและเล็บเป็นสีขาว ไม่ได้เป็นสีชมพูเหมือนแป้ง ซึ่งสามีแป้งอายุ 57 ปี ก็มีฝ่ามือและเล็บเป็นสีชมพูเช่นเดียวกัน
Longevity medicine คือศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนเพื่ออายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระของลูกหลาน กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะคนเริ่มเข้าสู่วัยชราเพิ่มขึ้น เด็กเกิดใหม่มีอัตราน้อยลงอย่างน่าใจหาย ประเทศเดนมาร์กเพิ่งขยายอายุเกษียณจากเดิม 67 เป็น 70 ปี ภายในปี 2040 หลายๆประเทศในยุโรปแต่ละบ้านมีบุตรเพียงคนเดียวหรือครึ่งคน ซึ่งเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging Medicine) ไม่ได้เป็นสาขาที่แพทยสภารับรองในประเทศไทย แพทย์ที่อ้างว่าเชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย โดยไม่ได้ผ่านการอบรมและรับรองจากแพทยสภา อาจมีความผิดตามกฎหมายหรือเปล่านะ
แพทยสภาไทย พ.ศ 2567 มี 94 สาขาความเชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรอง เป็นสาขาหลัก 41 สาขาและอนุสาขา 53 สาขา ภายใต้อนุกรรมการฝึกอบรมและสอบของราชวิทยาลัยและสมาคม
โดยมีระยะเวลาการอบรม ตั้งแต่ 3-5 ปี ในสาขาหลักและเรียนต่ออนุสาขาเพิ่มอีก 2 ปี ปัจจุบันมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กว่า 40,000 คนจากแพทย์ทั่วประเทศ 76,000 คน โดยจบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญปีละกว่า 2,000 คน แต่ทว่าเวชศาสตร์ชะลอวัยไม่รวมอยู่ในรายชื่อสาขาเหล่านี้
แป้งกินวิตามินคุณภาพสูงจากอเมริกาเป็นเวลา 10+ปี จากคนที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงจากโรคโลหิตจาง(เล็กน้อย)และพาหะธารัสซีเมียประกอบกับกินข้าวน้อยมาตั้งแต่เด็ก จึงมีส่วนทำให้เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง ยิ่งเวลานั่งรถกับเพื่อนๆไปต่างจังหวัด ไม่ว่าใกล้หรือไกล เวลาจอดแวะพักกลางทาง ตอนที่ได้ออกมายืนหายใจนอกรถ จะรู้สึกสดชื่น หายใจโล่งกว่าตอนนั่งในรถอย่างเห็นชัดเจน สรุปคือ ไม่ว่ามีกิจกรรมอะไรก็ตามที แป้งจะเหนื่อยล้ากว่าใครเพื่อน
10 ปีที่แล้วจำได้ว่า พอเริ่มกินวิตามินได้เพียง 3-4 เดือน เหมือนเปิดโลกใบใหม่ พลังงานที่ล้นเหลือเฟือจากเดิมที่ไม่เคยจะมี วนเวียนในร่างกายแป้ง อาจเรียกได้เลือดสูบฉีดไปทั่วทุกเซลล์ การกินวิตามินหลายตัวต่อเนื่องมีส่วนช่วยในเรื่องการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกาย
การที่เลือดไหลเวียนดี จะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารเพียงพอ ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยกำจัดของเสียเกิดขึ้นจากการเผาผลาญพลังงานออกจากเซลล์ แถมยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น ร่างกายจึงรู้สึกสดชื่น มีพลังงาน ทำให้มีสุขภาพดีมีผิวพรรณสดใส อีกทั้งช่วยลดความเสี่ยงของโรค NCD เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดฯลฯ
เมื่อเดือนที่แล้ว สามีแป้งผู้ซึ่งกินวิตามินได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่แป้งกินเนื่องจากมีผลข้างเคียงจากวิตามิน เช่น ผื่นคัน ท้องอืด กรดไหลย้อน ฯลฯ ได้ตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจเอคโค่หัวใจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือดบอกว่า กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงและบีบตัวดีมาก ไม่เหมือนคนอายุ 57 ปีทั่วไป พร้อมกับถามย้ำถึง 3 ครั้งว่า‘‘ไม่มีโรคประจำตัวหรือกินยารักษาโรคอะไรเลยเหรอ‘‘ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ โรคยอดฮิตของคนสูงอายุ สามีแป้งก็ไม่เป็น ทั้งๆที่แกขี้เกียจออกกำลังกายสุดๆ(การออกกำลังกายจะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวและเลือดไหลเวียนดีขึ้น)
ผิวพรรณของผู้หญิงจะสวยที่สุดแค่ตอนอายุ 20 กว่าปีเท่านั้น
จากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน พอย่างเข้าอายุ 30 ปี ทุกอย่างจะเริ่มเปลี่ยนไป ผิวไม่เปล่งปลั่งเหมือนก่อน แต่สำหรับผิวของคนกินวิตามินสม่ำเสมออย่างแป้ง ยังคงนวลเนียนเปล่งปลั่งสดใสอยู่เลย(ไม่ได้คิดไปเองเพราะมีแต่คนชม) มีสายตาปกติ ไม่ต้องใส่แว่นเหมือนคนวัยเดียวกัน หากเกิดบาดแผลเช่น มีดบาดนิ้วมือขณะทำอาหาร แผลจะสมานหายเร็วภายใน 2 วัน เวลาออกกำลังกายก็ไม่เคยรู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยเพราะกินวิตามินเพิ่มพลังงานหลายตัว
5 ปีที่แล้วช่วงโควิด แป้งฉีดวัคซีนเเอสตร้าเพียงเข็มเดียว มีผลข้างเคียงคือ น้ำหนักเพิ่มขึ้น 7 กิโลทั้งๆที่กินเท่าเดิม แถมพลังงานล้นจนนอนไม่หลับ รู้สึกได้ว่าเลือดไหลเวียนดีมาก ทำงานบ้านแบบไม่ต้องพักเหนื่อยกลางคันเหมือนเมื่อก่อน มีเรี่ยวแรงเยอะจนต้องงดวิตามินทุกตัว เป็นแบบนี้หลังฉีดวัคซีนร่วม 8 เดือน จนหมดฤทธิ์วัคซีน คาดว่าผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับแป้ง เป็นการกระตุ้นแหล่งพลังงานในเซลล์ที่มีอยู่เดิมจากการกินวิตามินคุณภาพสูงมาหลายปี
NB.1.8.1 คือโควิดสายพันธุ์ล่าสุดในปี 2568 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ รวมถึงไทยถือเป็นสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้รวดเร็วมาก แม้จะมีอาการไม่รุนแรงในผู้ป่วยทั่วไป แต่กลุ่มเสี่ยงยังคงต้องระวังเป็นพิเศษ ล่าสุดเห็นเพื่อนพยาบาลลงสตอรี่ว่า มีผู้ป่วยโควิด 2 คน คนแรกแจ้งว่า สบายดี ไม่มีไข้ แต่ตรวจเจอไข้ เอกซเรย์ปอด พบปอดอักเสบ ส่วนอีกคน ใส่ท่อช่วยหายใจเรียบร้อย ฤดูฝนมีสภาพอากาศชื้นสูง เชื้อโรคจึงเติบโตและแพร่กระจายได้ง่าย วอร์ด ICU รพ.รัฐหลายที่และวอร์ดอายุรกรรมแทบแตก คุณหมอราวน์คนไข้ฉ่ำจนไม่มีเวลาพักกินข้าวเลยคะ
ทุกคนมีทางเลือกที่จะดูแลร่างกายให้สมบูรณ์และแข็งแรงได้หลายแบบ เช่น ออกกำลังกายแต่พอควร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล ทำ IF 16/8 ไม่ดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอ มองโลกในแง่ดี ฯลฯ
การเลือกกินวิตามินที่เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพและผิวพรรณ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดในชีวิตของแป้ง เพราะไม่เคยเจ็บป่วยแม้เพียงเล็กน้อยหรืออาการหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล(ยกเว้นการแพ้อาหารในอดีตที่จำเป็นต้องฉีดยาที่รพ.แล้วกลับบ้าน ซึ่งแป้งเพิ่งทราบที่มาและสาเหตุจากการวิเคราะห์ด้วยตัวเองเมื่อต้นปี 2568 นี่เอง จากนี้ไปภูมิแพ้จ๋า ลาก่อน)แถมไม่ต้องกินยารักษาโรคจากระดับภูมิคุ้มกันที่สูงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีโควิดกี่ซีซั่น ไม่เคยติดสักครั้ง ซึ่งไม่ใช่ความบังเอิญใดๆทั้งสิ้น สำหรับคนที่ไม่สนใจเรื่องวิตามินอาจมองบน แต่ผลลัพธ์เชิงประจักษ์ปรากฏกับแป้งแล้วนะคะ
การมีชีวิตอย่างยืนยาวควบคู่ไปกับการมีร่างกายแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม สุขภาพที่ออกแบบเองได้มีอยู่จริงคะ(ผลลัพธ์ขึ้นกับสภาพร่างกายและการดูดซึมของแต่ละบุคคล)
หมายเหตุ
1.เอคโคหัวใจ (Echocardiogram)เป็นการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้บ่อยในปัจจุบัน เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ เช่น การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ขนาดของห้องหัวใจ การไหลเวียนเลือดในหัวใจ การทำงานของลิ้นหัวใจ และดูตำแหน่งของหลอดเลือดต่างๆ ที่เข้า-ออกจากหัวใจ
2. โรค NCDs หรือ non-communicable diseases หรือที่เรามักเรียกว่า “โรคที่เราสร้างขึ้นมาเอง” เป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเรา โดยจะมีการสะสมอาการอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะยิ่งทำให้เกิดการเรื้อรังของโรคตามมา เช่น
• โรคเบาหวาน: ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
• โรคความดันโลหิตสูง: แรงดันเลือดสูง
• โรคไขมันในเลือดสูง: ระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ
• โรคหลอดเลือดหัวใจ: หลอดเลือดหัวใจตีบหรือแข็ง
• โรคหลอดเลือดสมอง: ปัญหาหลอดเลือดในสมอง
• โรคมะเร็ง: เซลล์ในร่างกายเติบโตผิดปกติ
• โรคถุงลมโป่งพอง: ปอดสูญเสียความยืดหยุ่น
• โรคไต: ไตทำงานผิดปกติ
3. IF ย่อมาจาก "Intermittent Fasting" หมายถึง การอดอาหารเป็นช่วงๆ หรือการกำหนดช่วงเวลาในการอดอาหารและรับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก การทำ IF ไม่ได้หมายถึงการงดอาหารทั้งหมดในแต่ละวัน แต่เป็นการจำกัดเวลาที่สามารถทานอาหารได้
คำว่า Fasting(ฟาสติ้ง) แปลว่า อดอาหารหรืองดกิน
หลักการทำงานของ IF
1.ลดปริมาณการกิน การกำหนดเวลาในการรับประทานอาหารทำให้คุณกินน้อยลง
2.กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ในช่วงที่อดอาหาร ร่างกายจะใช้ไขมันสะสมเป็นพลังงานแทนน้ำตาล 3.ลดฮอร์โมนอินซูลิน ฮอร์โมนอินซูลินมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดไปเป็นไขมัน การลดระดับอินซูลินจะช่วยลดการสะสมไขมัน 4.กระตุ้นฮอร์โมนอื่น ๆ การทำ IF อาจช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยในการเผาผลาญไขมัน เช่น Growth Hormone และ Norepinephrine
#แป้งปังปอนด์ไดอารี่