ตำรับอาหารของเบิร์นสไตน์เป็นอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก
ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานบรรเทาและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ หรือลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน
ย้ำว่า ไม่ใช่อาหารลดน้ําหนัก แม้ว่าจะมีแนวโน้มว่าใครก็ตามที่ทําตามได้จะลดน้ําหนักได้
เนื่องจากจํากัดคาร์โบไฮเดรตอย่างมาก อาหารเบิร์นสไตน์จึงแตกต่างจากแนวทางการบริโภคอาหารสําหรับโรคเบาหวานที่ส่งเสริมโดยสมาคมทางการแพทย์ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่ถกเถียงกันจนถึงปัจจุบัน
อาหารเบิร์นสไตน์จํากัดจํานวนคาร์โบไฮเดรต 30 กรัมต่อวัน(ข้าวขาว 1 ทัพพี (โดยประมาณ) มีคาร์โบไฮเดรต 18 กรัม)
อาหารเบิร์นสไตน์ไม่มีกฎหรือแนวทางเกี่ยวกับโปรตีน ไขมัน หรือแคลอรี่ทั้งหมด
อาหารของเบิร์นสไตน์ไม่ใช่อาหารลดน้ําหนัก แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดน้ําตาลในเลือด อาหารไม่สามารถพิจารณาได้ว่า "แคลอรี่ต่ํา" เนื่องจากไม่มีข้อจํากัด เกี่ยวกับปริมาณโปรตีนหรือไขมันที่คุณสามารถรับประทานได้
อาหารเบิร์นสไตน์ยังมีมุมมองที่แตกต่างของโปรตีนในอาหารมากกว่าแนวทางทางการแพทย์ส่วนใหญ่ ในขณะที่การจํากัดโปรตีนเป็นคําแนะนำหลักด้านโภชนาการโรคเบาหวานแบบดั้งเดิม ดร. เบิร์นสไตน์ไม่เห็นเหตุผลที่จะจํากัดการบริโภคโปรตีน เนื่องจากพอลดคาร์บลง เราจะไม่มีรู้สึกอิ่มหรือไม่มีเรี่ยวแรงเท่ากับตอนกินคาร์บเยอะๆ ดังนั้นการเพิ่มโปรตีนและไขมัน จะทำให้เรารู้สึกอิ่มและมีพลังงานมากขึ้นจากการเผาผลาญโปรตีนและไขมัน โดยที่ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
หมายเหตุ
1.ขนมอบและธัญพืชส่วนใหญ่ทำจากแป้งขัดสี ธัญพืชบางชนิดมีไขมันและน้ำตาลสูง เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจะย่อยและดูดซึมเป็นน้ำตาลอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง
2.พืชตระกูลถั่วทุกชนิด
ดร.เบิร์นสไตน์แนะนำให้จำกัดการบริโภคพืชตระกูลถั่วในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตและใยอาหารสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้ แม้ว่าถั่วจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้านอื่นๆ เช่น โปรตีนและแร่ธาตุ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลอย่างเคร่งครัด การจำกัดปริมาณถั่วจึงเป็นสิ่งสำคัญ
พืชตระกูลถั่วเป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเมื่อย่อยแล้วจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
3.ดร.เบิร์นสไตน์ไม่ได้ห้ามกินมะเขือเทศในการลดน้ำตาล แต่แนะนำให้จำกัดปริมาณที่บริโภคเนื่องจากมะเขือเทศมีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลธรรมชาติ ซึ่งอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่เป็นเบาหวานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลอย่างเข้มงวด
4.น้ำหวานจากอะกาเว่ (Agave Nectar) หรือที่เรียกกันว่า น้ำเชื่อมอะกาเว่ คือน้ำหวานที่สกัดจากต้นอะกาเว่ ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่งสามารถพบได้ในแถบเม็กซิโกและอเมริกาใต้
5. พืชตระกูลถั่ว (Legumes) คือพืชที่อยู่ในวงศ์ Fabaceae (หรือ Leguminosae) ซึ่งมีลักษณะเป็นฝักและมีเมล็ดอยู่ภายใน ฝักและเมล็ดของพืชตระกูลถั่วสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด
ตัวอย่างพืชตระกูลถั่วที่นิยมนำมาประกอบอาหาร ได้แก่
ถั่วเมล็ดแห้ง (Dry beans)เช่น ถั่วเหลือง, ถั่วแดง, ถั่วดำ, ถั่วขาว, ถั่วเขียว, ถั่วลันเตาถั่วฝัก (Fresh beans)เช่น ถั่วฝักยาว, ถั่วพู, ถั่วแขกถั่วอื่นๆ เช่น ถั่วลิสง, ถั่วชิกพี (chickpea), ถั่วเลนทิล, ถั่วลิมา, ถั่วเนย
6. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้าหนึ่งออนซ์ครึ่งหรือเบียร์หนึ่งกระป๋องมีแนวโน้มที่จะมีผลต่อระดับน้ําตาลในเลือดขึ้นเล็กน้อย
เรียบเรียงโดย แป้งปังปอนด์
ที่มา :
Dr. Bernstein's Diabetes Diet: Pros, Cons, and How It Works
https://diatribe.org/diet-and-nutrition/which-yogurt-best-people-diabetes
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น