บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

หัวข้อ โปรไบโอติกส์(Probiotics)มีดีต่อลำไส้อย่างไร

หัวข้อ โปรไบโอติกส์(Probiotics)มีดีต่อลำไส้อย่างไร

อาหารหมักดองมีจุลินทรีย์ชนิดดีที่เรียกว่า โปรไบโอติกส์ (probiotics) ที่พบได้บ่อยคือ แบคทีเรียกรดแลกติก (lactic acid bacteria) หรือ แลกโตบาซิลลัส (lactobacillus) ความแข็งแกร่งของแบคทีเรียชนิดนี้ คือจะกินน้ำตาลเป็นอาหาร แล้วเปลี่ยนน้ำตาลในสภาวะไร้อากาศหรือออกซิเจนต่ำให้กลายเป็นกรดแลกติก เมื่อค่าพีเอชในอาหารลดลง ทำให้จุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ เติบโตต่อไปไม่ได้ นอกจากแลกโตบาซิลลัสแต่เพียงผู้เดียว

การหมักดองจึงเป็นหนึ่งในวิธีการถนอมอาหารที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยแต่ละชนชาติต่างก็มีอาหารหมักดองที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง มีเมนูเด่นจากทั่วโลกที่อยากชวนไปทำความรู้จักด้วยกันดังนี้

1.เริ่มจากเพื่อนบ้านในทวีปเอเชียอย่างเกาหลีใต้ที่เผยแพร่ความอร่อยของผักดองเกาหลีอย่าง กิมจิ (Kimchi) จนได้รับความนิยมมากมายจากนักชิมทั่วโลก เครื่องเคียงรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม ที่ขาดไม่ได้ในทุกมื้ออาหารของชาวเกาหลี ทำจากพืชตระกูลผักกาดหมักกับพริก เกลือ น้ำตาล ขิง นอกจากนี้ยังได้รับยกย่องว่าเป็น 1 ใน 5 อาหารที่ดีต่อสุขภาพของโลก และมีสรรพคุณช่วยชะลอความชราอีกด้วย 

กิมจิเป็นเครื่องเคียงของอาหารเกาหลีที่ทำจากผักหมัก ซึ่งหลักๆ แล้วจะใช้ผักกาดขาวและหัวไชเท้า ปรุงรสด้วยเครื่องเทศต่างๆ ในระหว่างการหมัก แบคทีเรียกรดแลคติก รวมทั้งแลคโตบาซิลลัส จะสลายน้ำตาลในผัก ส่งผลให้อาหารมีรสเปรี้ยวและอุดมด้วยโปรไบโอติกส์

2.สำหรับแดนปลาดิบคงต้องยกให้ มิโซะ (Miso) เต้าเจี้ยวญี่ปุ่นรสชาติเค็มที่หมักจากถั่วเหลือง นิยมนำมาทำซุป และ นัตโตะ (Natto) ถั่วหมักญี่ปุ่น ทำจากถั่วเหลืองหมักเชื้อแบคทีเรีย มีกลิ่นค่อนข้างเฉพาะตัว

3.ส่วนแดนมังกรก็ไม่น้อยหน้า คอมบุชะหรือคอมบุฉะ (Kombucha) ชาหมักที่มีอยู่คู่ประเทศจีนมายาวนานกว่า 2,000 ปี ซึ่งเกิดจากการนำชาเขียวหรือชาดำไปหมักกับน้ำตาล หัวเชื้อแบคทีเรียและยีสต์กลับมาได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการกำจัดจุลินทรีย์และเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย 

4.ขยับไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เทมเป้ (Tempeh) คือถั่วเหลืองหมักเมนูโปรดของชาวอินโดนีเซียและมาเลเซีย นิยมกินแทนเนื้อสัตว์ ช่วยลดไขมันและลดอาการท้องอืด

5.ข้ามมาที่แถบยุโรปกันบ้าง ซาวร์เคราต์ (Sauerkraut) หรือกะหล่ำปลีดองรสเปรี้ยว เป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้เมื่อกินอาหารจานเนื้อและไส้กรอกของชาวเยอรมัน ไม่เพียงช่วยแก้เลี่ยน แต่ยังอุดมไปด้วยกากใยอาหารและช่วยปรับสมดุลให้ระบบย่อยอาหารอีกด้วย 

6.ส่วนชาวยุโรปตะวันออกนั้นโปรดปรานคีเฟอร์ (Kefir) นมหมักรสชาติคล้ายโยเกิร์ตแต่มีความเข้มข้นมากกว่าและมีสารอาหารสูงมากจนกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์อาหารสุขภาพของยุคนี้ 

7.ส่วนยุโรปฝั่งตะวันตกก็ไม่ยอมแพ้ ซาวร์โด (Sourdough)คือขนมปังเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ขนมปังที่มีประวัติความเป็นมาหลายพันปีใช้วิธีหมักกับยีสต์ธรรมชาติที่เรียกว่า ซาวร์โดสตาร์เตอร์ (Sourdough Starter) ซึ่งเป็นแป้งหมักที่มียีสต์และแบคทีเรียธรรมชาติ รสชาติขนมปังจะออกเปรี้ยวนิดๆ เนื้อนุ่มเหนียว เปลือกขนมปังแข็ง 

อาหารหมักดองที่ผลิตโดยอุตสาหกรรมซึ่งเน้นผลิตปริมาณมาก มีความเสี่ยงต่อการใส่สารเร่งหมัก สารปรุงรส สารกันบูด สีผสมอาหาร สารเพิ่มความเป็นกรด เช่น กรดซิตริก กรดแอซีติก และมักเป็นการหมักดองด้วยจุลินทรีย์ที่ตายแล้วเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ 

นอกจากการสร้างสมดุลระหว่างแบคทีเรียที่ดีและไม่ดีแล้ว โปรไบโอติกส์ยังให้ประโยชน์หลายประการแก่ผู้สูงอายุ ช่วยลดความถี่และระยะเวลาของอาการท้องร่วง บางสายพันธุ์สามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจได้(ทดลองในสัตว์) อีกทั้งสามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้แลคโตส (การไม่สามารถย่อยน้ําตาลในผลิตภัณฑ์นม มีผลทำให้ท้องอืด)

นักวิจัยเน้นว่า มีผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกส์ที่ดีและไม่ได้ผลในท้องตลาด ประชาชนควรเลือกอาหารเสริมอย่างระมัดระวัง ครึ่งหนึ่งของแบรนด์ทั้งหมดที่มีในสหราชอาณาจักรไม่มีประสิทธิภาพอย่างที่กล่าวอ้าง ซึ่งผลิตภัณฑ์จําเป็นต้องมีแบคทีเรียที่มีชีวิตสายพันธุ์ที่ถูกต้อง เช่น bifidobacteria หรือ lactobacilli บริษัทผู้ผลิตต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่า แต่ละผลิตภัณฑ์มีแบคทีเรีย 10 ล้านตัวขึ้นไป 
กฎหมายใหม่ของสหภาพยุโรปกําลังบังคับให้ผู้ผลิตเปิดเผยข้อมูลนี้

หัวหน้านักวิจัย Glenn Gibson มหาวิทยาลัย Reading สหราชอาณาจักร กล่าวว่า โปรไบโอติกส์ช่วยปกป้องผู้สูงอายุจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากแบคทีเรียที่ทําให้เกิดอาหารเป็นพิษ เช่น E.coli โดยมีผลในเชิงบวกต่อสภาพลําไส้ เช่น อาการท้องร่วง IBS และอาการท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับยาปฏิชีวนะ

ยาปฏิชีวนะจะมีผลทำให้ระดับของแบคทีเรียทุกสายพันธุ์ในลําไส้ลดลง ไม่ว่าใครก็ตามที่รับประทานยาปฏิชีวนะ จะได้รับประโยชน์จากการรับประทานอาหารเสริมโปรไบโอติกส์

ประโยชน์ของโพรไบโอติกส์
1.ปรับสมดุลแบคทีเรียและต่อสู้กับแบคทีเรียตัวร้ายที่รุกรานเข้ามาในลำไส้
2.ป้องกันอาการท้องเสียที่เกิดจากผลข้างเคียงของการรับประทานยาปฎิชีวนะ
3.ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
4. โปรไบโอติกส์สามารถช่วยลดความผิดปกติของระบบย่อยอาหารบางอย่างได้ เช่น โรคลําไส้อักเสบ รวมถึงอาการลําไส้ใหญ่บวมเป็นแผล
5. โปรไบโอติกส์อาจช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน

งานวิจัยที่เก่ากว่าชี้ให้เห็นว่า การรับประทานโปรไบโอติกส์ช่วยลดโอกาสและระยะเวลาของการติดเชื้อทางเดินหายใจ อย่างไรก็ตาม คุณภาพของหลักฐานอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ํา

โปรไบโอติกส์ Lactobacillus crispatus แสดงให้เห็นว่า
ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในผู้หญิงได้ 50% 

จําเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อค้นหาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างโปรไบโอติกส์และระบบภูมิคุ้มกัน

6.เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์บุผนังที่ช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่ไม่ดีเข้าสู่กระแสเลือด

แป้งเคยกินอาหารเสริมโปรไบโอติกส์ที่ผลิตในอเมริกา 5 พันล้านตัวต่อแคปซูล วันรุ่งขึ้นคือ ท้องอืดบวมเชียวคะ ลองฝืนกินต่ออีก 4-5 วัน โอ๊ย!! ไม่ไหว อะไรจะอืดขนาดนั้น เลยต้องยกให้สามีกินแทน มีผลทำให้ท้องอืดเหมือนกัน เลยส่งต่อให้หลานสาว ซึ่งน้องกินได้ ไม่มีผลข้างเคียงอะไรคะ

เอาจริงๆจากที่แป้งและสามีลองกินกิมจิ(ทำเอง)ติดต่อกันเกือบทุกวันเป็นเวลา 3 เดือนต่อปี(พอกินบ่อยๆก็เบื่อหน่าย พาลไม่อยากกินเลยกลายเป็นว่า ทำกิมจิปีละครั้งก็เกินพอ)พบว่า ช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อเปรียบได้กับระบบย่อยอาหารดีขึ้น 

สังเกตจากเวลาที่สามีกินขนมปัง(ทำเอง)+หมูหยอง พออิ่มเอมเท่านั้นแหละ ท้องอืด(สาเหตุคือ ขนมปังมีกลูเต็น เมื่อรับประทานกลูเตนแล้ว ร่างกายจะเกิดการตอบสนองที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดการอักเสบบริเวณเยื้อบุลำไส้เล็กทำให้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันไป เช่น มีลมในท้องเยอะ ผายลม คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง)
ต้องเรียกหายา Motilium เพื่อช่วยลดอาการท้องอืดทุกครั้ง แต่พอกินกิมจิถ้วยเล็กๆตามเข้าไป ปรากฏว่า ท้องไม่อืด ไม่ต้องกินยา Motilium อีกต่อไปคะ

ความเห็นส่วนตัว 
การกินกิมจิไม่ช่วยเรื่องท้องผูกได้ดีเทียบเท่ากินผักสดหรือผลไม้ที่มีกากใยสูงเพราะผักสดมีกากใยเยอะแถมชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำที่แทรกอยู่ในใบผัก หากพูดถึงระบบขับถ่าย ผักสดชนะเลิศคะ












ที่มา 

ทำความรู้จักอาหารหมักดองGourmet & Cuisinehttps://www.gourmetandcuisine.com › stories › detail

8 Health Benefits of ProbioticsHealthlinehttps://www.healthline.com › nutrition

Lactic acid bacteria / แบคทีเรียผลิตกรดแล็กทิก - Food WikiFood Network Solutionhttps://www.foodnetworksolution.com › wiki › word › la...

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2567

เรื่องราวของผู้ชายล้วนๆ

 
ผู้ชายทุกคนมีนาฬิกาชีวภาพสำหรับความเปลี่ยนแปลงในแต่ละวันเดือนปี เข็มนาทีที่เคลื่อนไปอย่างช้าๆในแต่ละชั่วโมง จะมีการเปลี่ยนไปของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย คนที่ดูแลสุขภาพตัวเองดีอยู่เสมอ การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปอย่างช้าๆและค่อยเป็นค่อยไป

ความเสื่อมแห่งวัยจะเริ่มต้นเมื่ออายุ 25-30 ปีขึ้นไป
อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดโดยเฉลี่ยของมนุษย์จะลดลงประมาณหนึ่งจังหวะต่อนาทีต่อปี และความสามารถของหัวใจในการสูบฉีดเลือดสูงสุดจะลดลง 5-10 เปอร์เซ็นต์ต่อ10 ปี นั่นเป็นสาเหตุที่หัวใจทำงานได้ดีในวัย 25 ปี โดยมีอัตราสูบฉีดเลือดได้~2.4 ลิตรต่อนาที แต่หัวใจผู้ที่อายุ 65 ปีไม่สามารถสูบฉีดเกิน 1.25 ลิตรต่อนาที และหัวใจผู้ที่อายุ 80 ปี มีอัตราการสูบฉีดเลือดเพียงประมาณ 1 ลิตรเท่านั้น

ด้วยเหตุผลนี้ ในชีวิตประจำวันของผู้ชายที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว จะมีความสามารถในการออกกำลังกายแบบแอโรบิกลดลง  บางครั้งการทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน อาจเกิดความเหนื่อยล้าและหายใจไม่ทัน แล้วคนที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ ฯลฯ จะมีสภาพเป็นเช่นไร ไม่อยากจะคิดเลยนะคะ

พอเข้าสู่วัยกลางคน หลอดเลือดของผู้ชายจะเริ่มแข็งตัวและความดันโลหิตจะเริ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกันการไหลเวียนเลือดจะเปลี่ยนไป โดยมีความหนืดมากขึ้นและสูบฉีดทั่วร่างกายได้ยากขึ้น แถมจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีออกซิเจนจะลดลงไปด้วย

ส่วนใหญ่เริ่มน้ำหนักเพิ่มขึ้นในช่วงวัยกลางคน โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 1.4-1.8 โลต่อปี ผู้ชายจะเริ่มสูญเสียมวลกล้ามเนื้อเมื่ออายุ 40 ปี ดังนั้นน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจึงกลายเป็นไขมันทั้งหมด ไขมันส่วนเกินนี้ส่งผลให้คอเลสเตอรอลชนิด LDL (ไม่ดี) เพิ่มขึ้น และคอเลสเตอรอล HDL (ดี) ลดลง

เมื่ออัตราการเผาผลาญลดลง ระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 6 จุดต่อ 10 ปี ทำให้โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดขึ้นอย่างน่าวิตกในผู้สูงอายุ การสูญเสียกล้ามเนื้อยังคงดำเนินต่อไป ในที่สุดกล้ามเนื้อของมนุษย์จะลดลงถึง 50% ซึ่งก่อให้เกิดความอ่อนแอและความพิการในที่สุด

โรคเบาหวานมีอยู่ 4 ชนิด ประมาณ 95% ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมดเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes Mellitus) ซึ่งมีสาเหตุมาจากภาวะดื้อฮอร์โมนอินซูลินร่วมกับการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อนลดลง ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน

ในขณะเดียวกัน กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจะเริ่มแข็งและตึง แม้ว่าผู้ชายจะมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนหรือกระดูกบางน้อยกว่าผู้หญิง แต่จะสูญเสียแคลเซียมในกระดูกเมื่ออายุมากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อกระดูกหัก สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มวลกล้ามเนื้อและความหนาแน่นของกระดูกลดลงคือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน(testosterone )ในเพศชายลดลง ซึ่งลดลงประมาณ 1% ต่อปี

หลังจากอายุ 40 ปี ผู้ชายส่วนใหญ่ยังคงมีระดับฮอร์โมน
เทสโทสเตอโรนตามปกติและมีความสามารถในการสืบพันธุ์ตลอดชีวิต แต่สมรรถภาพทางเพศเริ่มลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงระบบประสาทจะเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา เช่น ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง การประสานงานแย่ลง ความจำเสื่อมมักจะเกิดขึ้นและนอนหลับได้น้อยกว่าวัยหนุ่ม การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นกับผู้ชายที่มีสุขภาพดี แต่ในผู้ชายที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว จะเริ่มแก่ชราอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัดเจน

มีงานวิจัยศึกษาปีพ.ศ. 2509 ในโรงเรียนแพทย์ตะวันตกเฉียงใต้ของมหาวิทยาลัยเท็กซัส ผู้ชายอายุ 20 ปี มีสุขภาพดีจำนวน 5 คน ใช้เวลา 3 สัปดาห์ในวันหยุดฤดูร้อนนอนอยู่บนเตียง แต่เมื่อหนุ่มๆเหล่านั้นลุกจากเตียงหลังสิ้นสุดการทดลอง นักวิจัยพบการเปลี่ยนแปลงร้ายแรงซึ่งรวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจขณะพักเร็วขึ้น ความดันโลหิตซิสโตลิกที่สูงขึ้น อัตราการสูบฉีดเลือดสูงสุดของหัวใจลดลง ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง

ในเวลาเพียงสามสัปดาห์ เด็กอายุ 20 ปีเหล่านี้ได้พัฒนาลักษณะทางสรีรวิทยาหลายอย่างเทียบเท่าผู้ชายที่อายุประมาณ 40 ปี
โชคดีที่นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น แต่ให้ผู้ชายกลุ่มเดิมเข้าร่วมโปรแกรมการออกกำลังกาย 8 สัปดาห์ พบว่าการออกกำลังกายช่วยฟื้นฟูความเสื่อมที่เกิดจากการนอนบนเตียงนานๆได้

ผู้ชายอายุน้อยๆสุขภาพปกติยังมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมากขนาดนี้ แล้วผู้ป่วยติดเตียงจะเป็นเช่นไร มิน่าล่ะ!!
เวลาแป้งไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่ผ่าตัดอายุ 80 กว่าปีที่รพ.เอกชนทีไร จะเห็นเจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์มาสอนการกายภาพบำบัดคนไข้อยู่เสมอ

ไม่มีใครสามารถหยุดนาฬิกาชีวภาพได้ แต่มนุษย์ทุกคนสามารถเดินให้ช้าลงได้ การออกกำลังกายไม่ใช่วิถีของความเยาว์วัย แต่เป็นขุมพลังแห่งความมีชีวิตชีวา

การรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถป้องกันปัญหาร้ายแรงได้ อย่าฝืนออกกำลังกายหากนอนดึกพักผ่อนน้อย มีไข้หรือเจ็บป่วย ค่อยๆ ดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยยืดอายุขัย และลดอัตราการเกิดโรคและความทุพพลภาพในวัยชรา

อย่าละเลยการฟังเสียงของร่างกาย ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่าตัวเอง
อย่าคาดหวังฝากชีวิตไว้กับโรงพยาบาล(ข้อมูลจำนวนแพทย์ล่าสุด ณ เม.ย.66 รวม 68,725 คน อยู่ในกทม. 3.2 หมื่นคน ตจว.3.4 หมื่นคนต่อประชากร 66 กว่าล้านคน)ควรเรียนรู้สัญญาณเตือนของโรคหัวใจรวมถึงอาการเจ็บหน้าอกหรือความดันโลหิตสูง อาการหายใจไม่สะดวก  เหนื่อยล้าหรือเหงื่อออก ชีพจรเต้นผิดปกติ อาการวิงเวียนศีรษะ หรือแม้แต่อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อนที่อาการคล้ายคลึงกับโรคหัวใจ รวมถึงความเจ็บปวดที่บ่งบอกถึงการอักเสบเรื้อรังซึ่งอนุมูลอิสระเป็นตัวกระตุ้นลำดับต้นๆ




ที่มา

Exercise and aging: Can you walk away from Father TimeHarvard Universityhttps://www.health.harvard.edu › exercis...

อาการเตือน โรคเบาหวานชนิดที่ 2โรงพยาบาลศิครินทร์https://www.sikarin.com › health › อาการเตือน-โรคเบาห...

วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567

รีวิวสุขภาพย้อนหลังในปี 2566 ที่ผ่านมา

 รีวิวสุขภาพย้อนหลังในปี 2566 ที่ผ่านมา

เดือน ก.พ 66 แป้งกลับบ้านต่างจังหวัด มีเวลาว่างจึงไปนวดแผนไทยสังกัดโรงพยาบาลสกลนคร ซึ่งปกติไม่เคยนวดแบบนี้ ผลคือ เจ็บไหล่ซ้ายเรื้อรังนาน 2 เดือน กินยาคลายกล้ามเนื้อ norgesic ก็รู้สึกดีขึ้นช่วงที่กินยา พอหยุดกินก็เจ็บไหล่เหมือนเดิม กินยาอยู่ 2 วันเลยเลิกกินดีกว่าเพราะรู้สึกว่า มีผลข้างเคียงจากยาคือ ง่วงนอน ปากแห้งและตาแห้ง

ยิ่งทวีความเจ็บปวดมากขึ้นเวลาที่ออกแรงขัดหม้อ+กะทะสแตนเลส ใช้วิธีนวดยาเคาน์เตอร์เพน+ทายาแอมเม็ลทซ์ โยโกะ โยโกะเป็รระยะๆ(ยาตัวนี้ผลิตในญี่ปุ่น ดีนะคะ ไม่ต้องนวด แค่กลิ้งให้น้ำยาไหลออกมาบริเวณที่รู้สึกปวด หากอาการปวดไม่มาก วันรุ่งขึ้นหายคะ)

เดือนพ.ค 66 ดูเหมือนว่า อาการปวดไหล่ซ้ายเรื้อรังจะดีขึ้น จนเกือบหายสนิท แต่เวลาที่นั่งพิงหัวเตียงราว 1 ชม.ก่อนนอนเพื่อท่องโลกอินเตอร์เน็ต จะรู้สึกตึงๆที่ไหล่ซ้ายนิดๆ ก็ทายาวนไป ตื่นเช้ามาอาการตึงหายไป สาบานว่า จะไม่เฉียดนวดแผนไทยอีกแล้ว
เคยเล่าให้เพื่อนสนิทที่ชื่นชอบออกกำลังกายเป็นทุนเดิม จนมีกล้ามแขนนิดๆเพื่อนบอกว่า เค้านวดแผนไทยเป็นประจำ รู้สึกดีเบาสบาย คลายเมื่อยล้า แต่แป้งผู้ซึ่งแทบไม่ออกกำลังกายตั้งแต่ช่วงโควิด พอมาเจอการกดกล้ามเนื้อแรงๆ เลยเกิดการบาดเจ็บเรื้อรัง

เดือนมิ.ย 66 เริ่มรู้สึกว่า เวลายืนทำกับข้าว+ล้างจาน+ล้าง
อุปกรณ์เบเกอรี่ร่วมชั่วโมง จะปวดร้าวเอวและปวดหลังมากขึ้น
ซึ่งอาการแบบนี้เป็นมาตลอด 3 ปีกว่าๆ แก้ไขโดยใส่รองเท้ากีฬาเพื่อซัพพอร์ตเท้า ซึ่งจะช่วยได้เยอะกว่าใส่รองเท้าสลิปเปอร์คะ

เดือนก.ค 66 แป้งเริ่มคิดว่า การยืนนานๆทำให้ปวดเมื่อยหลัง นี่คืออาการปกติของผู้หญิงวัย 50 ปีมั๊ยนะ ความจริงร่างกายแป้งมีพลังงานเยอะมาก สามารถทำงานบ้านติดต่อกันโดยไม่ต้องนั่งพักราว 15 นาทีทุกชั่วโมงเหมือนในอดีต แต่ทำไมยังรู้สึกปวดเมื่อยบั้นเอวอยู่

อืม!! กล้ามเนื้อเราคงไม่แข็งแรงเพราะขาดการออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ระบบการไหลเวียนเลือดทั่วร่างกายจัดว่าดีเยี่ยม(ไม่เหนื่อยง่าย ซึ่งคนละเรื่องกับการปวดหลังเวลายืนท่าเดิมนานๆ)ซึ่งเป็นผลจากการกินวิตามินต่อเนื่องมาตลอด 10 ปี

เดือนส.ค 66 เริ่มเข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายจริงจังเพราะอยากมีกล้ามเนื้อสะโพกและต้นขาที่แข็งแรง โดยการถีบจักรยานตามด้วยเล่นเครื่อง leg press+ Lat pull down  เล่นอยู่ 4 เดือน เปลี่ยนไปเดินลู่วิ่ง+เล่น stepper machine ได้ 3 สัปดาห์ ซึ่งเครื่องเล่นอันสุดท้ายร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน กล่าวคือ ยืนเตรียมทำกับข้าว ทำงานครัวร่วมชม.โดยไม่ต้องใส่รองเท้ากีฬาเพื่อซัพพอร์ตเท้า ใส่แค่รองเท้าสลิปเปอร์ก็ไม่รู้สึกปวดหลังเหมือนที่ผ่านๆมา อ๊ะ!!กล้ามเนื้อขาแข็งแรงเป็นแบบนี้นี่เอง

ตอนที่เล่นฟิตเนส แป้งจะเจอน้องผู้ชายมีกล้ามนิดๆ เล่นน้ำหนักที เป็น 100 กิโล แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่า น้องมาเล่นคือ เสียงหายใจครืดคราด จุดนี้ไม่แน่ใจว่า เป็นภูมิแพ้ กรดไหลย้อนหรือเป็นผลข้างเคียงจากการดื่มเวย์

มีน้องผู้หญิงร่างบาง อายุน่าจะ 40 นิดๆ แป้งเจอทีไร จะได้ยินเสียงหายใจเหนื่อยหอบนำมาก่อน(น้องเข้าห้องฟิตเนสก่อนแป้งราว 1 ชม.) ช่วงที่เล่นเครื่อง Lat pull down เสร็จ(น้ำหนัก 20 กิโล) เสียงหอบชัดเจน ซึ่งต่างจากแป้งที่เป็นโรคโลหิตจาง+พาหะธาลัสซีเมียโดยกำเนิด เล่นเครื่องเดียวกัน น้ำหนัก 30 กิโล ไม่มีอาการเหนื่อยหอบสักนิด เรียกได้ว่าความเหนื่อยอยู่หนใด สิ่งนี้เป็นผลจากการกินวิตามินเพิ่มพลังงานก่อนออกกำลังกาย

เมื่อก่อนเวลาที่เรานั่งพับเพียบเพื่อทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น นั่งปอกเปลือกผักคะน้านั่นนี่ราวครึ่งชม.พอลุกขึ้นต้องร้องโอ๊ย!ด้วยความเจ็บปวดเพราะเหน็บชากินตลอด ยังเคยคิดว่า เราเริ่มแก่ชราแล้วจริงๆ แต่พอเล่นเครื่อง Stepper Machine level 1 เป็นเวลา 50  นาทีต่อวัน นั่งบนพื้นนานนับชั่วโมง พอลุกขึ้นยืน กลับไม่รู้สึกโอดโอยหรือเป็นเหน็บชาเลยคะ
 
การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน
นี่ดีชะมัด เพิ่งเล่นเครื่องเล่น Stepper Machine ได้เพียง 3 สัปดาห์ แต่เล่นเครื่อง Leg Press Machine น้ำหนัก 30 กิโล ครั้งละ 15 นาทีx2 นาน 4 เดือน ยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่างอะไรเลยคะ

ปกติวันเสาร์-อาทิตย์ แป้งจะต้องนอนกลางวันมาตั้งแต่สมัยสาวๆ ไม่เคยมีสัปดาห์ไหนที่จะไม่นอนกลางวัน ตั้งแต่กินวิตามิน +ออกกำลังกาย กลายเป็นไม่ง่วงหงาวหาวนอนอีกต่อไป เปลี่ยนเวลานอนกลางวันมาออกกำลังกายแทน ถือว่าใช้เวลาคุ้มค่าเลยทีเดียว

มัดรวมสุขภาพของแป้ง แข็งแรงขึ้นกว่าเดิมสวนทางกับอายุที่เพิ่มขึ้นดังต่อไปนี้

1.ประจำเดือนยังมาเยอะในวันที่ 2 และหมดไปภายใน 7 วัน รอบประจำเดือนอยู่ที่ 21 วันคงเดิม(วงจรประจำเดือนของผู้หญิงประมาณ 21-28 วัน)
2.สายตาปกติ อ่านหนังสือ+ดูโซเซียลเน็ตเวิร์กไม่ต้องใส่แว่น
3.มีพลังงานเยอะ ไม่เหนื่อยง่าย
แป้งเคยทดลองไม่กินวิตามินสักเม็ดใน 1 วัน ผลปรากฏว่า หลังมื้ออาหารเช้า ซึ่งกินลูกเดือยต้ม 200 กรัม+น้ำนมอัลมอนด์+งาดำ(ทำเอง)ใส่อัลมอนด์สไลด์ เมื่อเวลา 30 นาทีผ่านไป แป้งรู้สึกง่วงมากๆ อยากจะล้มตัวลงนอน แต่ทำไม่ได้เพราะเพิ่งกินอิ่มใหม่ๆ พอครบ 1 ชม.นอนดีกว่า

พอกินมื้อเที่ยง เวลาผ่านไป 1 ชม.เริ่มง่วง แป้งก็นอนกลางวันอีก 1 ชม.สบายใจ คนที่ไร้พลังงานจะไม่กระฉับกระเฉง มีอาการง่วงเหงาหาวนอนแทบตลอดเวลาเป็นแบบนี้เอง

4.ผมหงอกคงเดิม ~100 เส้น  ไม่ย้อมผมแต่ใช้วิธีย้อมเฮนน่าแทน
5.กรดไหลย้อนดีขึ้นจากการออกกำลังกาย

6.ผิวกายยังคงมีความนุ่มเนียน ไม่มีจุดกระขาวบริเวณแขนขาและไม่แห้งกร้านไปตามวัยที่ล่วงเลย สิ่งนี้เป็นผลจากการกินวิตามินสม่ำเสมอ ถ้าไม่ได้กินวิตามินผิวบอกเลยว่า ผิวหน้าและผิวกายจะแห้งหยาบกร้าน(หากเราไม่ได้มีปัญหาผิวชัดเจน การกินวิตามินจะไม่เห็นความแตกต่างเท่าไหร่นัก แต่พอเกิดปัญหาเกี่ยวกับสภาพผิว การกินวิตามินคุณภาพสูง จะเห็นผลชัดเจนจนสังเกตได้)

7.ผิวหน้าจากผิวมันในอดีตกลายเป็นผิวผสม เวลาลงรองพื้นตามด้วยแป้งฝุ่น หน้าจะเนียนกริบแลดูผุดผ่อง ยกเว้นคืนไหนนอนดึกตี2-3 หน้าจะไม่เด้ง แววตาอิดโรยไม่สดใส

8.อาการภูมิแพ้ลดลงจนแทบไม่มีเลย ถึงแม้จะนอนดึกก็ตาม อันนี้เป็นผลจากการออกกำลังกาย

9.เวลาเกิดบาดแผล เช่น มีดทำครัวบาดมือไม่ลึกมาก แต่มีเลือดซึม แผลจะเริ่มสมานและหายภายใน 2-3 วัน อย่างโดนมีดบาดที่นิ้วมือตอนเย็น รุ่งเช้าแผลเริ่มปิด เวลาโดนน้ำจะไม่แสบมือ ไม่มีร่องรอยแผลเป็นหลังเกิดบาดแผลตั้งแต่เริ่มกินวิตามินเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ซึ่งก่อนหน้านั้นช่วงอายุ 20 กว่าปี หกล้มที จะมีรอยแผลเป็นเห็นชัดเจนบริเวณหัวเข่า สิ่งนี้เกิดจากการกินวิตามิน

10.ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สังเกตว่าเส้นผมที่ร่วงลงพื้น(เวลาสระผม จะมีผมร่วงราว 20 เส้น) มีขนาดเส้นเล็กและบางลง เมื่อก่อนจะปนเส้นหนาอย่างเยอะ คาดว่า เกิดจากการออกกำลังกายค่อนข้างหนักสำหรับคนที่มีภาวะโลหิตจางและพาหะธาลัสซีเมียแล้วกินโปรตีนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เส้นผมมีขนาดเล็กลง อาจจะต้องพิจารณาดื่มเวย์เพิ่มเพราะไม่สามารถกินเนื้อสัตว์วันละ 50-100 กรัมเพียงพอ

11.นอนหลับสนิทในทุกคืนที่กินอิ่มและไม่ตื่นกลางดึก แม้จะลุกมาเข้าห้องน้ำ พอหัวถึงหมอนก็หลับต่อได้สบาย แถมหลับสนิทไม่ฝันอะไรทั้งสิ้น นานๆครั้งถึงจะฝัน แต่จะจดจำความฝันไม่ได้ จำได้แค่เลือนลาง ไม่ปะติดปะต่อ ซึ่งแม่แป้งอายุ 72 ปีก็เป็นแบบนี้ แกเลยบ่นประจำว่า ไม่เคยฝันถึงเลขที่จะออกในแต่ละงวด สิ่งนี้เป็นผลจากการกินวิตามินก่อนนอน

แป้งเคยลองงดวิตามินก่อนนอน ปรากฏว่า ตื่นกลางดึกแล้วนอนต่อไม่ได้เลย ตาหลับแต่ใจไม่หลับ คุณพระ!!

12.ไม่มีโรคที่ต้องรักษาด้วยการกินยาแผนปัจจุบันแม้เพียงโรคเดียว เคยมีน้องผู้หญิงอีกคนที่เจอในฟิตเนส อายุน่าจะ 45 กว่าปี ถามแป้งว่า พี่เป็นความดันโลหิตสูงหรือเปล่า น้องบอกว่า กลุ่มแม่ๆผู้ปกครองที่อายุ 50 ปี เป็นความดันโลหิตสูงทุกคน(โรคไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูงมักมาพร้อมกับวัยหมดประจำเดือน)

ส่วนเพื่อนรุ่นเดียวกันกับแป้ง พากันเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ต้องรักษาด้วยการกินยาต่อเนื่องเรียบร้อย แต่เพื่อนหลายคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอก็ไม่เป็นโรคเหล่านี้เช่นกัน

ช่วงนี้แป้งมักได้ยินข่าวคนรู้จักเป็นมะเร็งกันเยอะขึ้น ล่าสุดน้องที่ทำงานเก่าอายุ 50 ปี เป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 1 แผนการรักษาคือ ตัดเต้านม ฉีดยามุ่งเป้าเดือนละ 1 เข็ม จำนวน 18 เข็ม ราคาเข็มละ 15,000 บาทและเคมีบำบัด 5 คอร์ส ส่วนน้องอีกคนอายุ 43 ปีเพิ่งเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม หลังพบกับความเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานผ่านการรักษาโรคเป็นระยะเวลา 3 ปี

คนที่มีภูมิต้านทานสูง  จะไม่เจ็บป่วยหรือติดเชื้อง่าย  สิ่งที่เพิ่มภูมิคุ้มกันมีหลายอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันลดฮวบคือความเครียด สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องมีวินัยในการดูแลตัวเองนะคะ

 


วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ข้อควรระมัดระวังในการดื่มเวย์โปรตีน

เวย์โปรตีน(Whey protein)คือ ของเหลวที่แยกออกจากนมในระหว่างการผลิตชีส เป็นผลพลอยได้จากการทำชีส จัดเป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ เนื่องจากมีกรดอะมิโนจำเป็นครบทั้ง 9 ชนิด 

มีปริมาณแลคโตสต่ำ 


เวย์โปรตีนเป็นอาหารเสริมที่นิยมใช้ควบคู่กับการออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน( Resistance Training )คือ การออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักหรือเครื่องมือช่วย เพื่อสร้างความแข็งแรงและเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อ


เวย์โปรตีนแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลัก ได้แก่ 


1.เวย์โปรตีนคอนเซนเตรท (whey protein concentrate) เป็นเวย์โปรตีนที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดาผงเวย์โปรตีนทั้ง 3 ชนิด มีปริมาณโปรตีนอยู่ระหว่าง 58-89% ไขมันและแลคโตส

มักพบเป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่มโปรตีน โปรตีนอัดแท่งและผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการหลายชนิด นอกจากนี้ยังใช้ในนมผงสำหรับทารกอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกาย ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ 


2.เวย์โปรตีนไอโซเลท(whey protein isolate) เป็นเวย์โปรตีนที่มีระดับความเข้มข้นของเวย์โปรตีนอยู่ที่ 95% โดยมีแลคโตสและไขมันต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายเพื่อควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรตและไขมัน รวมถึงต้องการสร้างกล้ามเนื้อให้กระชับขึ้น เวย์โปรตีนไอโซเลทอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้แลคโตส แต่ไม่เหมาะหากแพ้นมวัว


3.เวย์โปรตีนไฮโดรไลเสท(whey protein hydrolysate) เป็นเวย์โปรตีนที่มีระดับความเข้มข้นของเวย์โปรตีนสูงที่สุดถึง 99%และมีราคาแพงที่สุดในบรรดาเวย์โปรตีนทั้งหมด 


เวย์ไฮโดรไลเสทเป็นเวย์โปรตีนที่ย่อยง่ายที่สุด เนื่องจากสายโปรตีนยาวๆ ที่เรียกว่าเปปไทด์ จะถูกย่อยให้สั้นลงก่อน จึงง่ายต่อการดูดซึม จัดเป็นเวย์โปรตีนที่ดีที่สุด มักพบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทางการแพทย์สำหรับภาวะขาดสารอาหาร


หมายเหตุ 

เวย์โปรตีนสำหรับเพิ่มน้ำหนักโดยเฉพาะ จะมีมอลโตเด็กซ์ตริน(Maltodextrin)เป็นส่วนประกอบหลัก ~69% ที่เหลือจะเป็นเวย์โปรตีนคอนเซ็นเตรทและอื่นๆ ปริมาณ 1 สกู๊ป(168กรัม)ให้โปรตีน 25 กรัม พลังงาน 625 แคลอรี่


ประโยชน์ที่ได้รับจากการบริโภคเวย์โปรตีนคุณภาพสูงในปริมาณเหมาะสมมีดังนี้


1.ช่วยลดน้ำหนัก เวย์โปรตีนคุณภาพสูง 1 สกู๊ป(31 กรัม)

ให้โปรตีน 25 กรัม พลังงาน 120 แคลอรี่ ช่วยในการลดไขมันในร่างกายและรักษามวลกล้ามเนื้อให้ดีขึ้น เวย์โปรตีนมีคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่มีโปรตีนสูง ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน


จากการศึกษาพบว่า เวย์โปรตีนช่วยให้อิ่มท้อง ช่วยควบคุมความอยากอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ไขมันในปริมาณน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในแต่ละวัน


2.ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ 


เมื่อเราอายุมากขึ้น ไม่ว่าเพศชายหรือหญิงมวลกล้ามเนื้อจะลดลงตามธรรมชาติ เวย์โปรตีนอุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่เสียหายและเสริมสร้างกล้ามเนื้อใหม่ 


3. ช่วยเพิ่มพลังงานขณะออกกำลังกายโดยไม่ทำให้เหนื่อยง่าย

4.ช่วยเพิ่มระดับกลูตาไธโอนในร่างกาย

สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสารที่ทำหน้าที่ต่อต้านการเกิดออกซิเดชันในร่างกาย เนื่องจากปฏิกิริยานี้ทำให้เกิดอนุมูลอิสระของสารต่างๆ ได้มากมายหลายชนิด จึงลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ


สารต้านอนุมูลอิสระสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในร่างกายคือ กลูตาไธโอน การผลิตกลูตาไธโอนขึ้นอยู่กับการรวมตัวของกรดอะมิโนหลายชนิด เช่น ซิสเทอีน ซึ่งบางครั้งมีปริมาณจำกัด ดังนั้นอาหารที่มีซิสเทอีนสูง เช่น เวย์โปรตีน อาจช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติของร่างกาย


5.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี(HDL)

การศึกษาหนึ่งในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน บริโภคเวย์โปรตีน 65 กรัมต่อวัน เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่า ช่วยลดคอเลสเตอรอลรวมและ LDL (ไขมันเลว)ลงอย่างมีนัยสำคัญ


6.ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

7.ช่วยลดระยะเวลาการฟื้นตัวและอาการที่มาพร้อมกับการออกกำลังกายมากเกินไป เช่น กรดแลคติกคั่งในกล้ามเนื้อ 


ขณะที่เราออกกำลังกายอย่างหนัก กล้ามเนื้อจะมีการดึงเอาออกซิเจนมาใช้เป็นพลังงานในการเคลื่อนไหว ทำให้เกิด

กรดแลคติก (Lactic Acid) ที่เป็นของเสียจากกระบวนการดึงพลังงานมาใช้ เมื่อมีมากในกล้ามเนื้อจะส่งผลให้เกิดความปวดเมื่อยล้า หากมีมากจนร่างกายรับไม่ไหว อาจทำให้เกิดตะคริวได้ แต่กรดแลคติกจะสามารถสลายตัวได้ เมื่อกล้ามเนื้อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอย่างเพียงพอ


ผลข้างเคียงหากรับประทานเวย์โปรตีนมากเกินไป

1.อาจทำให้เกิดนิ่วในไต

เมื่อเรากินเวย์โปรตีน มีความเสี่ยงที่จะเกิดนิ่วในไต ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง  จึงควรรับประทานใยอาหารและน้ำในปริมาณที่เพียงพอ


2. แลคโตส(Lactose)มีอยู่ในเวย์โปรตีน หากมีความไวต่อแลคโตส อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องการย่อยอาหารได้  เวย์โปรตีนไอโซเลทจะทำลายแบคทีเรียที่ดีในลำไส้และอาจทำให้เกิดปัญหาระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องผูก ท้องอืดและปวดท้อง


3. ความเสี่ยงของโรคเกาต์

ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานว่า เวย์โปรตีนเป็นสาเหตุโดยตรงของโรคเกาต์ แต่อาจทำให้เกิดปัญหาได้ หากมีประวัติเป็นโรคเกาต์

ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานเวย์โปรตีน 


4. ปัญหาเกี่ยวกับไต

การบริโภคเวย์โปรตีนมากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับไต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทาน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายของไตในระยะยาว


5. ปัญหาเกี่ยวกับตับ

การบริโภคเวย์โปรตีนมากเกินไป อาจทำให้การทำงานของตับแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเวย์โปรตีน เนื่องจากอาจลดประสิทธิภาพของยารักษาตับ


6. ความเสี่ยงของโรคหัวใจ

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การบริโภคเวย์โปรตีนมากเกินไปอาจส่งผลอันตรายต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจ อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นผิดปกติ 


7. ความเป็นกรดในเลือดเพิ่มขึ้น

ผลข้างเคียงของการบริโภคเวย์โปรตีนคือ ค่า pH ในเลือดเพิ่มขึ้น เมื่อมีโปรตีนในเลือดมากเกินไป ไตจะมีปัญหาในการเผาผลาญโปรตีน ส่งผลให้ความเป็นกรดในเลือดเพิ่มขึ้น


8. เพิ่มความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

ความผิดปกตินี้เชื่อมโยงกับการบริโภคเวย์โปรตีนมากเกินไป

ทำให้เกิดอาการปวดข้อเมื่อรับประทานโปรตีนเป็นเวลานาน 

และอาจทำให้แร่ธาตุในกระดูกไม่สมดุล มีผลให้ความหนาแน่นของกระดูกลดลง


9.เกิดความอ่อนเพลีย

ปัญหาของระบบย่อยอาหารในบางคนต้องเผชิญเมื่อบริโภคเวย์โปรตีน เช่น เหนื่อยง่าย ไร้เรี่ยวแรง อาจมีอาการท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยสลายโปรตีนได้


10.อาจเร่งกระบวนการคีโตซีส

เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อระดับคีโตนในร่างกายผิดปกติ หากควบคุมอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและมีโปรตีนสูง พลังงานจะถูกเผาผลาญในร่างกายโดยใช้ไขมัน เมื่อไม่มีไขมันก็ใช้โปรตีน ทำให้ตับทำงานหนักขึ้นและอาจทำให้ตับถูกทำลายเมื่อเวลาผ่านไป


11.ท้องร่วง

อาการท้องร่วง เป็นผลกระทบของโปรตีนต่อระบบย่อยอาหาร อาจมีเลือดปนอยู่ในอุจจาระ โดยเฉพาะในเด็กทารก


12. หายใจดังเสียงครืด

หลายๆ คนมักมีอาการแพ้เวย์โปรตีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่แพ้แลคโตส อาจหายใจลำบากร่วมด้วย 


13.คลื่นไส้

เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการรับประทานเวย์โปรตีน บางครั้งอาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย 


14.การบริโภคเวย์โปรตีนในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดสิวได้


เวย์โปรตีนมีประโยชน์ หากเป็นนักกีฬาที่สร้างกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยที่มีภาวะทุพโภชนาการ หรือผู้สูงอายุ แต่คนส่วนใหญ่ได้รับโปรตีนเพียงพอในแต่ละวัน


ร่างกายมนุษย์ปกติสามารถใช้โปรตีนได้ครั้งละ 30-40 กรัมเท่านั้นแม้ว่าจะพยายามเพิ่มปริมาณการดื่มเวย์โปรตีน แต่การได้รับปริมาณที่มากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์ ยกเว้นผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อเร่งด่วน คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการเวย์โปรตีนเสริม หากรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพอยู่แล้ว






ที่มา : 


15 Side Effects Of Whey Protein You Should Be Aware OfStyleCrazehttps://www.stylecraze.com › articles › u...


Whey protein: Health benefits, side effects, and dangersMedical News Todayhttps://www.medicalnewstoday.com › art...


10 Evidence-Based Health Benefits of Whey ProteinHealthlinehttps://www.healthline.com › nutrition


Whey Protein: Health Benefits and Potential Side EffectsCleveland Clinic Health Essentialshttps://health.clevelandclinic.org › is-whe...


ออกกำลังกาย...ให้หัวใจกันเถอะ | โรงพยาบาลเปาโล - Paolo Hospitalpaolohospital.comhttps://www.paolohospital.com › Article › Details › ออ...

วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2566

ฝากล่อง Super Lock หัก อย่าเพิ่งทิ้งนะคะ

 ฝากล่อง Super Lock หัก อย่าเพิ่งทิ้งนะคะ
สามารถเคลมได้ตลอดอายุการใช้งาน(เฉพาะรุ่นที่ผลิตจำหน่ายเท่านั้น)

ทัพเพอร์แวร์ (Tupperware) เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงจากการผลิตผลิตภัณฑ์ของใช้ภายในครัวเรือน โดยเฉพาะกล่องพลาสติกสำหรับใส่อาหาร ได้รับความนิยมไปทั่วโลกมาตั้งแต่ช่วงปี 1950 - 1960 เป็นต้นมา จนคำว่า “ทัพเพอร์แวร์” กลายเป็นคำที่ใช้เรียกกล่องใส่อาหารที่ทำจากพลาสติก แม้ว่าจะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์
ทัพเพอร์แวร์ก็ตาม

Tupperware Corporation เป็นบริษัทข้ามชาติสัญชาติอเมริกันที่ผลิตสายผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในบ้านซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ในครัว อุปกรณ์เตรียมอาหาร ภาชนะจัดเก็บ และผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในครัวและในบ้าน

ช่วงทศวรรษ 1930 สหรัฐอเมริกาและทั่วโลกกำลังเผชิญเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ Mr.Earl Tupper ไม่ใช่แค่ต้องพยายามหาเลี้ยงชีพเหมือนเพื่อนร่วมชาติ แต่ต้องหาทางลุกขึ้นใหม่ให้ได้เพราะบริษัทที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งเพิ่งล้มละลายไป

ผู้ก่อตั้งคือ Earl Tupper(เอิร์ล ทัพเพอร์) เขาเริ่มต้นใหม่ด้วยการไปสมัครเป็นพนักงานของ DuPont บริษัทใหญ่ด้านเคมีของสหรัฐฯ หลังกลับบ้านทุกวันเขามานั่งคิดว่าจะนำเศษพลาสติกเหลือใช้ที่หัวหน้าให้มาไปต่อยอดอะไร โดยเขาลองนำเศษพลาสติกไปหลอมและขึ้นรูปเป็นกล่องน้ำหนักเบาพร้อมฝาปิด

เมื่อเห็นว่ากล่องพลาสติกเหล่านี้น่าจะขายได้ Earl Tupper ก็ออกลาจาก DuPont และตั้งบริษัทขึ้นเมื่อปี 1946 ในชื่อ Tupperware ซึ่งมาจากนามสกุลตัวเอง ที่แปลตรง ๆ ว่า ภาชนะ (Ware) ของ Tupper นั่นเอง

กล่องพลาสติกใส่อาหารชื่อดังในไทยที่คุ้นเคยดี มีทั้งแบรนด์ Super Lock และ Lock & Lock

สองแบรนด์ที่มีความคล้ายคลึงด้านชื่อที่มีคำว่า Lock เหมือนกัน

1.แบรนด์ Super Lock เป็นแบรนด์กล่องบรรจุอาหารจากประเทศไทย

แบรนด์ Super Lock มีต้นกำเนิดจากการพัฒนาต่อยอดของธุรกิจโรงงานทำพลาสติก หจก. เจ ซี พี พลาสติก ของตระกูล เจริญจิตมั่น ที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2522

ในอดีต หจก. เจ ซี พี พลาสติก รับทำ OEM ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยมีตลาดหลักคือ บริษัทญี่ปุ่น ก่อนที่จะต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกแบรนด์ตัวเอง จากการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ

จนในปี 2549 หจก. เจ ซี พี พลาสติก เปิดตัวกล่อง Super Lock กล่องเก็บอาหารที่นำเทคโนโลยีล็อก 2 ชั้น ป้องกันอากาศจากภายนอกสู่ภายใน พร้อมเทคโนโลยีป้องกันแบคทีเรีย(Microban)จากสหรัฐอเมริกาออกมาทำตลาด ในราคาที่ถูกกว่ากล่องประเภทเดียวกันจากต่างประเทศ

2.แบรนด์ Lock & Lock เป็นแบรนด์จากประเทศเกาหลี มีต้นกำเนิดจาก บริษัท Established Kukjin Retail ที่ก่อตั้งในปี 2521
โดยบริษัท Established Kukjin Retail ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Hanacobi ในปี 2537

และในปี 2542 บริษัทได้เปิดตัวกล่องบรรจุอาหารชื่อ Lock & Lock ที่มีจุดเด่นฝากล่องที่ปิดสนิททั้ง 4 ด้าน

ส่วนในประเทศไทยบริษัท ล็อกแอนด์ล็อก เข้ามาทำธุรกิจผ่านความร่วมมือระหว่างบริษัท ล็อกแอนด์ล็อก เกาหลี และ บมจ. ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ เปิดบริษัท ล็อกแอนด์ล็อก (ประเทศไทย) จำกัด
จำหน่ายผลิตภัณฑ์ Lock & Lock ทั้งกล่องบรรจุอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ในประเทศไทย

ในส่วนนี้จะกล่าวถึงเฉพาะแบรนด์ Super Lock ที่สามารถเคลมฝาได้ตลอดอายุการใช้งาน แป้งเปลี่ยนฝาที่หักโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เสียแค่ค่าลงทะเบียนไปรษณีย์เท่านั้น

มีขั้นตอนดังนี้
1.ทักแชทไปที่ https://www.facebook.com/superlockbymicronware/shop แจ้งว่า ‘’ฝาหัก ต้องทำอย่างไรบ้าง’’
2.จะมีแอดมินเพจ Super Lock by Micronware ส่งลิงค์ให้กรอกข้อมูลก่อนส่งฝาที่หักไปเคลม ซึ่งจะต้องส่งตัวล็อกฝาที่ชำรุดและฝากล่องที่เคลมมาด้วย
3.รอรับฝากล่องใหม่สวยๆส่งตรงบ้านได้เลย ใช้เวลา 45-60 วันแล้วแต่รอบการผลิต แต่รุ่นที่แป้งส่งไปเคลม ราว 1 เดือนเศษ ก็ได้รับฝากล่องอันใหม่แล้วคะ

หมายเหตุ
มีบางรุ่นที่ไม่สามารถเคลมได้ เนื่องจากเลิกผลิตไปแล้ว
ต้องเป็นฝากล่องรุ่นที่ยังจำหน่ายอยู่เท่านั้น กรุณาตรวจสอบรุ่นก่อนส่งเคลมนะคะ

อย่าลืม!!เพื่อป้องกันความผิดพลาด เราจะต้องกรอกรหัสของฝาที่จะเปลี่ยนทุกครั้ง

แป้งใช้ Super Lock มาร่วม 20+ปี แต่ไม่เคยเคลมเพราะมีกล่องหลายแบบหลายขนาด เลยไม่ค่อยได้ใช้งานทั่วถึง เพิ่งมาใช้บ่อยๆช่วงหลังนี่เอง ตอนแรกไม่รู้ว่าเคลมได้ ทิ้งไปบ้างก็มี รุ่นที่ส่งไปเคลมมี 2 ไซส์ จำได้ว่า ซื้อมาตอนลดราคา 50% คุ้มซะไม่มีคะ







ที่มา

Tupperware พลาสติกเหลือใช้ สู่กล่องอเนกประสงค์คู่ครัวทั่วโลกMarketeer Online https ://marketeeronline . co › archives

ทัพเพอร์แวร์ ผู้ผลิตกล่องใส่อาหารชื่อดัง เสี่ยงขาดสภาพคล่อง หลัง ...MarketThink https :// www . marketthink . co › ...



วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2566

Green Antioxidant Complex สารต้านอนุมูลอิสระแห่งความเยาว์วัย

 ทุกวันนี้มนุษย์ต้องสัมผัสกับสารพิษมากกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งส่งผล
กระทบหลายอย่าง ตั้งแต่มลพิษจากการจราจร(PM 2.5) ควันบุหรี่ สารพิษปนเปื้อนจากยาฆ่าแมลงไปจนถึงโลหะหนัก  ฯลฯ

ระดับสารพิษตกค้างในร่างกาย หากสะสมต่อเนื่องยาวนานจะเชื่อมโยงโดยตรงกับความเสียหายของปอด( ผู้หญิงสูงอายุหลายคนตรวจพบมะเร็งปอด ทั้งๆที่ไม่เคยสูบบุหรี่และคนในบ้านไม่สูบบุหรี่ วันๆอยู่แต่ในบ้าน)ความเสียหายของไมโทคอนเดรีย โรคเกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ ระบบภูมิคุ้มกัน การอักเสบ ฯลฯ

ดังนั้นการกินอาหารจากพืชหลากหลายชนิดแทนอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง ส่งผลให้การอักเสบลดลง นั่นคือพื้นฐานของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนหรืออาหารจากพืช

Green Antioxidant Complex ยี่ห้อ Esmeralde ผลิตในอเมริกา ประกอบด้วยส่วนผสมคุณภาพสูงจากพืชสีเขียวนานาชนิด เช่น Wheat Grass,Organic Barley Grass,Moringa,Broccoli Sprout,Kale สกัดรวมเป็นหนึ่งในเม็ดเดียว

มีส่วนประกอบสำคัญ ดังต่อไปนี้

1. Wheat Grass(ต้นอ่อนข้าวสาลี) ต้นอ่อนข้าวสาลีเมื่อถูกตัดแล้วจะกลายเป็นน้ำผลไม้หรือทำให้แห้งและบดเป็นผง เมื่อบริโภคแล้วจะมีรสชาติเหมือนดิน ประกอบด้วยเอนไซม์ กรดอะมิโน วิตามินและแร่ธาตุ รวมทั้งฟลาโวนอยด์ อัลคาลอยด์ แทนนิน มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีพลังงานเพิ่มขึ้น ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ 

เกษตรส่วนใหญ่นิยมปลูกข้าวสาลีเพื่อให้สัตว์กิน แต่ได้รับความนิยมในบทบาทอาหารเสริมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

2.Organic Barley Grass(หญ้าข้าวบาร์เลย์)มักถูกขนานนามว่าเป็น superfood และใช้เป็นอาหารเสริมเพื่อเร่งการลดน้ำหนัก เสริมการทำงานของภูมิคุ้มกัน และบำรุงสุขภาพโดยรวม

หญ้าข้าวบาร์เลย์เป็นส่วนผสมในน้ำผลไม้และสินค้าเพื่อสุขภาพ มักผสมควบคู่ไปกับผักใบเขียวอื่นๆ เช่น คะน้า ผักโขม และต้นอ่อนข้าวสาลี

ข้าวบาร์เลย์มีวิตามินเอสูง เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การเติบโตของเซลล์ และการมองเห็น  นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีสูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญตั้งแต่สุขภาพผิว การรักษาบาดแผล ไปจนถึงสุขภาพช่องปาก

3.Moringa oleifera(มะรุม)เป็นพืชที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ประโยชน์ต่อสุขภาพอาจมีตั้งแต่การเร่งการสมานแผล กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและการอักเสบในบาดแผลที่ผิวหนัง รวมถึงเส้นใยมีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร ช่วยย่อยอาหาร อาจช่วยป้องกันลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล เนื่องจากฤทธิ์ต้านการอักเสบ

สารสกัดจากมะรุมอาจช่วยรักษาความผิดปกติของกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ทำให้มะรุมเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับอาการท้องผูก

4. Broccoli Sprout(สารสกัดต้นอ่อนบรอกโคลี) รสชาติคล้ายกับหัวไชเท้า อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี แคลเซียม และไฟเบอร์สูงอย่างไม่น่าเชื่อ รวมถึงสารประกอบที่เรียกว่า กลูโคราฟานิน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของสารเคมีล้างพิษที่เรียกว่า ซัลโฟราเฟน

ในความเป็นจริง อาหารไม่มีซัลโฟราเฟนจริงๆ แต่มีกลูโคราฟานิน เมื่อกินเข้าไปจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตซัลโฟราเฟน ซัลโฟราเฟนเป็นสารประกอบพืชธรรมชาติที่อุดมด้วยกำมะถัน ซึ่งอยู่ภายใต้ตระกูลไอโซไทโอไซยาเนตและมักพบในผักตระกูลกะหล่ำ ซัลโฟราเฟนผลิตขึ้นเมื่อกลูโคราฟานินสัมผัสกับเอนไซม์ไมโรซิเนส ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาเมื่อผักเหล่านี้ถูกตัด สับ หรือเคี้ยว ซัลโฟราเฟนมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านการเกิดมะเร็ง

ซัลโฟราเฟน(Sulforaphane)เป็นไฟโตนิวเทรียนท์(Phytonutreint)จัดอยู่ในกลุ่มของสารเคมีที่พบในอาหารจากพืชที่ช่วยลดการอักเสบ ปกป้องเซลล์จากความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น อาจมีฤทธิ์ต้านมะเร็งและป้องกันโรคหัวใจ

บรอกโคลีและต้นอ่อนบรอกโคลี เป็นแหล่งของกลูโคราพานิน  ซึ่งกระตุ้นการผลิตซัลโฟราเฟน ผักตระกูลกะหล่ำอื่นๆ เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก และกะหล่ำดาว มีสารตั้งต้นของซัลโฟราเฟนเช่นกัน แต่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าบรอกโคลี

5.Kale(ผักเคล)เป็นพืชตระกูลคะน้า มีชื่อเรียกว่า คะน้าใบหยิก
ได้ฉายาว่า ราชินีผักใบเขียว เป็นผักที่แคลอรี่ต่ำแต่มีไฟเบอร์สูง 
มีวิตามินเค 684% วิตามินเอ 206% และ วิตามินซี 134% ต่อสัดส่วนร่างกายควรได้รับต่อวัน

ผักคะน้าอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีคลอโรฟิลล์สูง อาจช่วยให้ร่างกายลดการดูดซึมสารเฮทเทอโรไซคลิก อะโรมาติก เอมีน (heterocyclic aromatic amines) หรือสารก่อมะเร็งจากอาหารประเภทปิ้งย่างเข้าสู่ร่างกาย เต็มไปด้วยวิตามิน K, A ,C 
และแร่ธาตุอื่นๆ เช่น ธาตุเหล็ก 

สารต้านอนุมูลอิสระและไฟโตนิวเทรียนท์ ช่วยปรับสภาพผิวพรรณ เพิ่มการไหลเวียนโลหิต ส่งเสริมการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยปลดปล่อยพลังงานจากอาหาร 

มีประโยชน์อย่างไร
1.เพิ่มระดับพลังงาน เมื่อระดับออกซิเจนหมุนเวียนสูงขึ้น ระดับพลังงานจะดีขึ้นและความแข็งแกร่งทางกายภาพจะเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่เหนื่อยง่าย
2.จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระได้ด้วยการกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

ในความเป็นจริง ผู้ที่ได้รับเชื้อโรค เช่น ไวรัสหรือแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายและไม่มีอาการหากมีสุขภาพแข็งแรง แต่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ(ภูมิแพ้) ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ จะมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้น อย่าง ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด ไซนัสอักเสบ  ฯลฯ

3.ปรับปรุงการทำงานของระบบย่อยอาหาร,ลดก๊าซในช่องท้องที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องอืด

4.ลดตาคล้ำได้เนื่องจากมีวิตามินเคสูง จึงเพิ่มการไหลเวียนเลือดบริเวณใต้ตา

5.มีฤทธิ์ลดการสะสมของแบคทีเรีย จึงลดการเกิดกลิ่นในร่างกายโดยเฉพาะที่อับชื้นได้ดี เช่น กลิ่นเท้า ลดกลิ่นเหงื่อ,กลิ่นปาก,กลิ่นลมหายใจ
6.มีส่วนช่วยระบบขับถ่าย จึงลดปัญหาท้องผูก
7.อุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซี ส่งผลให้จุดด่างดำจางลงเร็วขึ้น
8.เพิ่มการไหลเวียนโลหิต มีผลทำให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์และเซลล์มีสุขภาพดีเมื่ออายุมากขึ้น ไม่เสื่อมโทรมไปตามวัย
9.ช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในผิวหนัง จึงทำให้ลดการเกิดสิวอักเสบและสิวหัวดำได้
10.หากรับประทานร่วมกับ Ester-c 1000 mg วันละ 1  เม็ด ช่วยทำให้ใบหน้าขาวใสขึ้น แลดูสุขภาพดี

หมายเหตุ
ผลข้างเคียง อาจท้องเสียหรือเป็นตะคริว

แป้งเริ่มกินวิตามิน Green Antioxidant Complex ครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้า-เย็น เป็นเวลา 3 เดือน สังเกตการเปลี่ยนแปลงดังนี้

1.เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ครีมบำรุงที่ใช้ประจำหมดเกลี้ยง เลยลองครีมตัวใหม่ วันรุ่งขึ้น มีสิวอักเสบขึ้นเหนือริมฝีปากซึ่งบริเวณนี้เนื้อเยื่อจะอ่อนกว่าส่วนอื่น ความจริงแป้งไม่เป็นสิวนานแล้ว เลยปล่อยเลยตามเลย พอสิวยุบภายใน 3-4 วัน รอยดำตามมาเช่นเคย แต่จางลงเร็วมากเมื่อเทียบกับในอดีต กล่าวคือ รอยดำจางลงภายใน 3 เดือนโดยที่แป้งไม่ได้ทายาลดสิว(5%Benzoyl peroxide)หรือยาลดรอยดำ(Skinoren)เลย ปกติรอยดำแบบนี้ ตั้งแต่อายุ 40+ปี จะอยู่ข้ามปีข้ามภพข้ามชาติเนื่องจากผิวเริ่มแห้งและระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงจากวัยที่เพิ่มขึ้น รอยดำจึงไม่จางง่ายๆ เมื่อก่อนกลายเป็นกระเฉยเลยคะ

2.สังเกตว่า ใบหน้าเรียบเนียน ขาวใสขึ้น ทดลองให้แม่กิน ครบ 3 เดือน แม่บอกว่า ‘’หน้าขาวขึ้น สงสัยจะคิดไปเอง ‘’แป้งเลยตอบว่า 
‘’ไม่ได้คิดไปเองหรอกแม่ หนูก็หน้าขาวขึ้นเหมือนกัน’’

3.ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา ไม่เป็นสิวง่าย
ปกติเวลากินเค้กที่ทำเอง จะใช้เนยฝรั่งเศสยี่ห้อ President ซึ่งเป็นเนยคุณภาพสูง ไขมันมาเต็ม แค่ชิ้นเดียว วันรุ่งขึ้น สิวผดจะเริ่มมา พอกินเค้กติดต่อกัน 2 วัน จะมีสิวอักเสบเม็ดเล็กๆขึ้นตามไรผม เลยต้องหยุดกินไปโดยปริยาย แต่พอกินวิตามินตัวนี้ สังเกตว่า ไม่มีสิวขึ้นสักเม็ด  หน้าก็เกลี้ยงเกลาเชียวคะ

4.รู้สึกได้ถึงพลังงานที่เพิ่มขึ้น ปกติแป้งเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงและเหนื่อยง่ายจากพาหะธาลัสซีเมีย ช่วงอายุเริ่ม 40 ปีนี่เห็นได้ชัดเจนมาก เลยไม่ค่อยสนใจวิตามินเกี่ยวกับผิวพรรน ผิวดีหน้าสวยแต่ข้างในทรุดโทรมอยากมีพละกำลังมากกว่า จีงสรรหาวิตามินที่เพิ่มพลังงานมาตลอด 10 ปี

คนเราหากทำอะไรแล้วไม่เหนื่อยง่าย จะมีความสุขในการใช้ชีวิต
อยากทำนั่นโน่นนี่ ทำงานบ้านติดต่อกันหลายชม.จนเหงื่อท่วมยังไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย สามารถทำกิจกรรมได้หลากหลายเหมือนย้อนวัยชัดๆ ต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องสรรหาวิตามินเพิ่มพลังงานหลายตัว พอมากินวิตามิน Green Antioxidant Complex คือ เอาอยู่เลยคะ

ไม่มีอาหารจากธรรมชาติหรืออาหารเสริมใดๆ  ที่สามารถทดแทนอาหารที่มีความสมดุลได้  หากเราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และรับประทานวิตามินเสริม เป็นทางเลือกที่ดีในการบูรณะร่างกายไม่ให้ระดับอนุมูลอิสระสูงต่อเนื่อง(ความเสียหายต่อ DNA จากกระบวนการทำงานของเซลล์ตามธรรมชาติ และความเสียหายเพิ่มเติมบางอย่างที่เกิดขึ้นจากการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ความเครียดหรือการรับประทานอาหารที่ไม่ดี)จนเกิดความเสียหายต่อเซลล์ 

เริ่มต้นดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ วันไหนๆเราจะแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย ดีกว่าต้องไปนั่งรอหมอเพื่อรับยารักษาโรคที่โรงพยาบาลนะคะ





สอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่

hamercandysiam.lnwshop.com

Tel .061-7429944
Line id : 0617429944








ที่มา :

Is Wheatgrass Worth the Hype? 7 Benefitsclevelandclinic . org https:// health . clevelandclinic . org › is-whe...

Barley Grass: Benefits, Uses, and Precautions - Healthlinehealthline . comhttps:// https://www.. healthline . com › nutrition

6 Science-Based Health Benefits of Moringa oleifera - Healthlinehealthline . comhttps:// https://www.. healthline . com › nutrition

5 Powerful Benefits You Need To Know About Broccoli ...lovelifesupplements . co . ukhttps:// https://www.. lovelifesupplements . co . uk › ...

สำหรับมะเร็งชนิดใดที่ฉันควรหลีกเลี่ยงอาหารเสริมซัลโฟราเฟน?addon . lifehttps:// addon . life › บล็อก

หัวข้อ โปรไบโอติกส์(Probiotics)มีดีต่อลำไส้อย่างไร

หัวข้อ โปรไบโอติกส์(Probiotics)มีดีต่อลำไส้อย่างไร อาหารหมักดองมีจุลินทรีย์ชนิดดีที่เรียกว่า โปรไบโอติกส์ (probiotics) ที่พบได้บ่อยคือ แบคที...

บทความยอดนิยม